บทที่ 6 จัดการเอง
~กรุ้งกริ่ง~กรุ้งกริ่ง~
~กรุ้งกริ่ง~กรุ้งกริ่ง~
ลูกกระดิ่งสีโรสโกลด์ขนาดเล็กประดับตกแต่งลงโชคเกอร์เส้นเล็กสีชมพูอ่อนบนลำคอส่งเสียงดังขึ้นรัวแล้วไม่มีทีท่าว่าเสียงดังกล่าวจะหยุดด้วยซ้ำเพราะทีแรกเสียงนี้ไม่ได้ดังสนั่นถี่ขนาดนี้แต่เนื่องด้วยร่างกายเป็นจุดรองรับแรงกระทบจากการกระแทกด้านหลังไม่ยั้งเสียงกระดิ่งน้ำเสียงกังวานนี้จึงสั่นปล่อยเสียงออกมาไม่หยุด
แค่จะขยับร่างกายในแต่ละครั้งยังแทบทำไม่ได้แล้วจะเอาอะไรมาห้ามได้นอกจากรับแรงกระแทกซึ่งมาพร้อมกับความเปียกชื่นจากทางด้านหลังของลำคอ บางครั้งก็มาพร้อมกับแรงหายใจแรงชวนขนลุกทว่าบางครั้งก็แอบแฝงความเจ็บปวดในจุดหนึ่งของผิวหนังไม่นานความเจ็บนั้นก็จางหายไป
แต่เชื่อไหมจะมีร่องรอยสีแดงละทิ้งเอาไว้
นั่นคือสิ่งที่เขาชอบทำ
ถึงการกระทำแบบนี้จะเกิดขึ้นพร้อมกับความสมยอมไม่มีการขัดขืนแม้สักครั้งเดียวก็ไม่มีแค่ยอมรับกับการแต่งตัวไม่ซ้ำซึ่งในคืนนี้ก็เช่นกัน มีการแต่งตัวชุดขนนุ่มฟูสีชมพูผืนเล็กผืนน้อยบนตัวปกปิดแค่ส่วนหน้าอก มีโชคเกอร์และหูกระต่ายเข้าชุดพร้อมกับชั้นในตัวจิ๋วและถุงขาตาข่ายน่ารักแต่ตอนนี้ที่เหลือบนตัวมีแค่โชคเกอร์กับถุงขาลายตาข่ายเท่านั้น
~กึก~กึก~
การรองรับแรงหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ตามอารมณ์อันพุ่งพล่านของอีกฝ่ายเป็นเหตุให้ร่างกายที่กังลังบดเบียดกันบนโซฟาดูคับแคบลงมากยิ่งท่านี้เล่นเอาร่างกายฉันที่กำลังบดเบียดเสียดสีกับพนักพิงของโซฟาแทบเป็นเนื้อเดียวกันด้วยซ้ำอีกอย่างเสียงที่ดังขึ้นเป็นกุญแจมือบนข้อมือของฉันกระทบกับแผ่นกระจกข้างหน้าโดยต้นเหตุก็มาจากมือใหญ่ทาบทับประสานมือสอดแทรกเข้ากอบกำมากกว่า
“แอ่น”
“อือ”
“แอ่นสะโพกมาด้านหลังมากกว่านี้”
“…”
“อย่าดื้อหน่า”
“อ๊ะ!” ดื้ออะไรฉันไม่ได้ทำเลยสักนิดเดียวรู้ไหมว่าทำตามที่เขาบอกตั้งแต่แรกมากกว่าเพียงแค่มันยังไม่พอใจเขามากกว่าแต่พอจะแอ่นมือใหญ่ที่ไม่ได้พันธนาการจากกุญแจกับเข้ามาจากทางด้านหลังบีบเค้นหน้าอกใหญ่ น้ำหนักการลงมือตั้งแต่ทีแรกมันหนักหน่วงสร้างความเจ็บเอาไว้จนต้องร้องออกปากทีเดียว “เจ็บ...”
“ตรงไหน?”
“…”
ปากถามแต่ร่างกายไม่เป็นแบบนั้น
เขากำลังเล่นกับร่างกายฉัน
เขาส่งเสียงครางต่ำมาให้ได้ยิน
เมื่อฉันแอ่นสะโพกให้เขาทำจนเขาพอใจ
“ไหนบอก”
“…”
“ตรงไหนครับ ถามก็ตอบสิ”
“พี่วัน อ๊ะ... อย่ากัดหูหนึ่ง” เพราะยังโดนแกล้งเรื่อยๆ ไม่หยุด บนตามร่างกายโดนตามๆ กันไปหมดจึงทำให้ฉันกำลังประท้วงเขาบ่อยและถี่ขึ้น “อ๊ะแรงไปพี่วัน”
“เบาแล้ว”
บ้าอะไรกัน
เบาที่ไหนยิ่งโหมกระแทกแบบนี้
“มะ อือ... ไม่จริง”
“จริงครับ”
“เบาหน่อย อ๊ะ... บะ เบา... หนึ่งมะ ไม่ไหว”
น้ำเสียงแหบแห้งแกมเอ่ยขึ้นขอร้องอีกฝ่ายเกิดขึ้นซ้ำๆ กับความเป็นจริงที่ค่อนข้างสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง การเปล่งวาจาแบบนั้นออกไปรู้ทั้งรู้ว่าเหมือนเป็นการเติมเชื้อไฟให้กับอีกฝ่ายโหมปล่อยการกระแทกเข้ามาจากทางด้านหลังเร็วขึ้นถี่ขึ้นเกิดขึ้นกับการใช้มือข้างที่ใส่กุญแจมือทำทางให้มาไขว่ไว้ด้านหลังทั้งมือของฉันและก็เขา แบบนี้รู้ไหมยิ่งเปิดทางมากขึ้นหลายเท่าเพราะจากที่ต้องใช้มือท้าวกับโซฟาแล้วกระจกทั้งสองข้างบัดนี้หลงเหลือเพียงข้างเดียว
ซึ่งรับแรงกระแทกไม่ไหวหรอก
ไม่ไหวจริงๆ
ฉันจึงต้องโน้มร่างกายไปข้างหน้าใช้ศอกท้าวกับพนักพิงของโซฟาแทนถึงจะรับแรงได้ไม่มากแต่ก็ยังมากกว่าใช้มือท้าวข้างเดียวซึ่งนั่นเปิดทางให้เขากระหน่ำเข้าอย่างซ้ำๆ ก่อนทั้งฉันแล้วก็เขาจะครวญครางกับจุดหนึ่งไปพร้อมๆ กันในรอบที่ห้าของฉันและก็รอบที่สามของเขาในค่ำคืนนี้
ปึก...
เช่นเดียวกับร่างกายของตัวเองที่ฉันทิ้งตัวไปด้านหลังประจวบกับอีกฝ่ายรองรับเอาไว้แล้วปล่อยพันธนาการจากกุญแจข้อมือทั้งสองเราออกเสร็จก็โอบอุ้มไปทำความสะอาดในห้องน้ำก่อนมาวางบนเตียงนุ่ม สติการรับรู้ทุกอย่างของตัวเองฉันยอมรับว่ารู้ทุกอย่างกระทั่งมาถึงเตียง
“นอนซะ”
“เรื่องนั้น... เรื่องข่าว”
