บทที่ 7 คำตอบ
ปึก...
เช่นเดียวกับร่างกายของตัวเองที่ฉันทิ้งตัวไปด้านหลังประจวบกับอีกฝ่ายรองรับเอาไว้แล้วปล่อยพันธนาการจากกุญแจข้อมือทั้งสองเราออกเสร็จก็โอบอุ้มไปทำความสะอาดในห้องน้ำก่อนมาวางบนเตียงนุ่ม สติการรับรู้ทุกอย่างของตัวเองฉันยอมรับว่ารู้ทุกอย่างกระทั่งมาถึงเตียง
“นอนซะ”
“เรื่องนั้น... เรื่องข่าว”
“…” เขาถอนหายใจแบบเดิมแล้วไม่เอ่ยพูดอะไรนอกจากลูบศีรษะของฉัน
“ทำไมถึงเป็นแบบนั้น”
ข่าวใหม่ล่าสุดที่ผู้จัดการพึ่งแชตบอกฉัน
ข่าวรับปีใหม่สงกรานต์
“ใครบอกให้ไปตามหารักแท้บนต้นงิ้วล่ะ”
“พี่วัน...”
“ใครยุ่งกับเธอก็ต้องโดนแบบนี้แหละ นอนได้แล้วฝันดีครับ”
บังคับกันชัดๆ แต่รู้ไหมหลังจากได้ฟังมีเหรอที่ฉันจะเถียงอีกคนได้ต่อ หากทุกคนคิดแบบนั้นบอกเลยว่าคิดผิดอย่างที่สุด ไม่มีการถกเถียงเรื่องนี้เกิดขึ้นอีกเพราะรู้ว่ายังไงมันก็ต้องไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงคำสั่งของเขาได้ทั้งนั้น
แม้แต่คำขอร้องฉันก็เปลี่ยนไม่ได้
การยอมรับ การสั่ง ใช้ไม่ได้กับเขา ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ใช้ไม่ได้
การตัดสินใจใดๆ ออกจากปากเขาสิ่งนั้นถือว่าเป็นที่สุดน้อยครั้งนับได้ที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลง การผิดพลาดคือสิ่งที่เขาเกลียด การจากไปคือสิ่งที่เขาไม่ปรารถนารวมไปถึงการขัดคำสั่งด้วยฉะนั้นแน่นอนว่าอะไรที่ออกมาจากปากเขาล้วนแล้วแต่เป็นคำขาดทั้งนั้น
ฉันไม่อยากมีปัญหา
ฉันอยากอยู่แบบสงบ
แน่นอนฉันต้องทำตัวดี
แล้วทุกอย่างที่อยากได้ก็จะถาโถมเข้ามาเอง ไม่รู้ว่าเป็นค่าตอบแทนของการทำความดีหรือเปล่านะ ไม่รู้ว่ามันคุ้มไหมกับสิ่งที่แลกเปลี่ยนแต่ถ้ามองในอีกมุมหนึ่งซึ่งเป็นมุมกว้างๆ ตอบได้เลยว่ามันคุ้ม คุ้มจนหลายคนอยากมายืนอยู่จุดนี้จะเป็นแค่เพียงช่วงเวลาหนึ่งก็ตาม
การทำตัวแบบนี้ไม่รู้ว่ามันเป็นจุดอ่อนหรือว่าจุดแข็งก็ไม่สามารถให้คำตอบได้ชัดเจนแต่สิ่งที่บอกได้แน่ๆ คือทั้งหมดผลมันเกิดขึ้นไปในทิศทางที่ดีและอยู่นานมากกว่าคนอื่นๆ ฉันไม่กล้าการันตีว่าเขาจะมีใครซุกซ่อนอยู่อีกไหมซึ่งถ้าหากมีคงรับรู้มาถึงหูบ้างยังไงทั้งบ้านหรือที่อยู่ของเขาทุกที่ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยไปเยือนสักหน่อยหรือถ้าหากจะถามว่าที่ซุกซ่อนอยู่ก็อาจมีก็ได้อันนี้ก็ไม่รู้สิ
ความคิดของตัวเองแล่นไปเรื่อยๆ กระทั่งไปถึงจุดไหนก็ไม่รู้เพราะสติบวกกับลมหายใจเข้าออกมาถึงจุดพักไปเสียแล้ว รู้ตัวอีกครั้งก็เป็นเช้าของอีกวันหนึ่งไปเรียบร้อยแล้ว วันนี้ช่วงบ่ายมีงานถ่ายแบบฉะนั้นตอนนี้ฉันก็มาอยู่สตูแห่งหนึ่งพร้อมกับการแต่งตัวที่เป็นคอนเซ็ปต์หนึ่งของแบบเสื้อผ้าชื่อดัง
“เหม่ออะไร ชามะนาวได้แล้ว”
“เหลืออีกกี่เชต” จากคืนนั้นก็ผ่านมาสามสี่วันแล้วฉันต้องมาลุยงานถ่ายแบบเสื้อผ้าแบรนด์หนึ่งต่อ แบรนด์นี้ติดต่อผ่านเลขาของเขาแล้วถึงจะผ่านผู้จัดการของฉัน ยากไหมล่ะหากส่งคำถามแบบนี้มาก็ตอบได้เลยว่ายากซึ่งนั่นเป็นเพราะอะไรทุกคนย่อมรับรู้ดีสุด การตั้งคำถามถือเป็นอะไรที่ไม่แค่คนอื่นถามขนาดตัวฉันเองยังถามตัวเองเลยว่าที่ผ่านมามีคนจ้างตัวเองได้ยังไงกันการเข้าหายากขนาดนี้ “หนึ่งหรือสอง”
“เชตสุดท้ายแล้ว” ‘ปุ้ย’ ผู้จัดการฉันชื่อปุ้ยอายุเท่ากัน ปุ้ยนั่งลงข้างกันแล้วกระดกน้ำไปหลายอึก ภาพลักษณ์ของผู้หญิงคนนี้คือโคตรแทนห้าวตามสไตล์ ทุกอย่างบนตัวสมส่วนและเหมาะสมกับเธอราวกับเกิดมาเพื่ออยู่กับเธอ หลายครั้งหลายคราที่มีคนติดต่อให้เป็นนางแบบแต่อีกฝ่ายก็เลือกปฏิเสธ “แล้วก็หยุดยาวเลย”
“เดี๋ยว...”
ทำไมหยุด
ในเมื่อมีถ่ายแบบช่วงซัมเมอร์
วันนั้นยังย้ำนักย้ำหนาว่าอย่าให้ร่างกายมีรอยแม้แต่รอยซ้ำหรือว่ารอยแดงก็อย่าให้มีเด็ดขาดแล้ววันนี้ไหนมากลับคำเสียได้กัน ความสงสัยของตัวเองยังไม่เท่ากับสีหน้าท่าทางของอีกฝ่ายที่แสดงออกมาเด่นชัดว่า มึงไม่น่าถามนะ เป็นแบบนี้เลยหน้าปุ้ยในตอนนี้
“ปฏิเสธไปแล้วจ้า”
“…”
“คงรู้เนอะ”
