บทที่ 4 ชีวิตในกรงทอง
ใช้เวลาไม่นานนักร่างสูงก็เก็บรูปใบนั้นเข้าลงในกระเป๋าหน้าอกของเสื้อเป็นนาทีเดียวที่ฉันตัดสินใจเช็ดน้ำตาพร้อมกับสูดลมหายใจลึกๆ ก่อนก้าวเดินไปเพื่อเผชิญหน้ากับเขา การทำทีเดินไปเอาขวดน้ำขวดเล็กที่ถูกจัดตั้งไว้บนเคาน์เตอร์แบบรู้งานคือสิ่งที่ฉันบอกให้เตรียมเอาไว้เนื่องจากตัวเองดื่มน้ำเปล่าเท่าอุณหภูมิห้องเสมอมา
“อยากไปเที่ยวไหนก็บอกซัน”
นึกเอาไว้แล้วเชียวต้องเป็นแบบนี้
ทุกๆ ครั้งมันก็เป็นแบบนี้เสมอ
ประโยชน์ราบเรียบไม่ชายตามองคู่สนทนาสักนิดถ้าเป็นคนอื่นไม่เสียเวลาหยุดปลายเท้าแล้วฟังหรอกแต่นี่ทำไม่ได้ไง
เขามีชื่อว่า ‘วัน’
ชื่อที่ความหมายเหมือนกับฉัน แต่ใจร้ายที่สุด
“ค่ะ”
“ออกไปไหนบ้าง ข่าวที่ไทยไม่ดังมาถึงที่นี่หรอก”
“…”
แสดงว่าเขาจัดการแล้วสินะถึงพูดแบบนี้ได้
“แต่ถึงมีก็จัดการได้”
“ยังไม่อยากออกไปไหนค่ะ”
“เงินไม่พอเหรอ วงเงินไม่จำกัดนิ”
“…”
คราวนี้ฉันถอนหายใจออกมาอย่างจริงจังไม่กลัวว่าจะเสียมารยาทอีกแล้ว ความจริงฉันไม่อยากมาหรอกที่นี่อยากนอนพักอยู่บ้านมากกว่าแต่เลือกไม่ได้ไง
อยากเลือกแทบตายแต่ทำไม่ได้
“ถามก็ตอบ”
“ไม่พอค่ะ อยากได้เยอะกว่านี่แล้วก็เป็นเงินสดด้วย”
“…”
“ได้ยินหรือเปล่า?”
“ไปนอนซะ”
“…”
หึ... ก็แค่นี้เองแล้วฉันก็กำลังจะเดินออกจากเสียงหนึ่งที่ไม่อยากได้ยินกับเกิดขึ้นเสียอย่างงั้น เสียงแก้วแตกแตกแบบนี้ไม่ได้โยนกระทบพื้นแต่ว่า... แตกคามือเขาต่างหาก
“เห็นก็ไม่จำเป็นต้องใส่ใจ... ยังไงรูปนั้นก็ไม่ใช่เธอ”
“ค่ะ”
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อนะ ว่าคนที่คอยทำแผลให้ตอนเด็กจะมาทำให้ฉันเจ็บได้ตอนโตขนาดนี้
แผดเผาให้เจ็บเจียนตาย
กระอักเลือดออกมาได้คงเป็นไปแล้ว
ความเจ็บที่ไม่แสดงให้เห็นเป็นรอยแผลเหมือนใช่เขาในตอนนี้แต่ทว่าความเจ็บที่มีพิษของมันแทบเทียบระดับเดียวกันด้วยซ้ำไปไม่อย่างงั้นน้ำตาเมื่อกี้ที่แห้งหายไปจะกลับมานองหน้าฉันในตอนนี้แบบเดิมได้ยังไงกัน ด้วยความรู้สึกไม่ดีอย่างสุดแต่ฉันก็ไม่ได้หันหน้าไปเผชิญกับอีกคนให้เขาได้สมเพชตัวเองไปมากกว่านี้
“ดีแล้วจะได้ไม่ต้องเจ็บ”
เหมือนจะปลอบ
เหมือนจะห่วงใย
แต่มันไม่ใช่หรอก ไม่มีอะไรแบบนี้จะผู้ชายเย็นชาคนนี้สักครั้งเดียวทุกอย่างมักมีการแลกเปลี่ยนเสมอ หากจะถามหรือเรียกหาความช่วยเหลือแบบไร้สิ่งแลกเปลี่ยนก็เหมือนการรีดเลือดกับปูนั่นแหละ
เป็นไปไม่ได้ ทุกอย่างมักมีผลประโยชน์เสมอ
“…”
“เจ็บไม่ดีหรอก”
แล้วตอนนี้ฉันมีความสุขหรือไงกัน
แล้วตอนนี้ฉันไร้น้ำตาของความเจ็บปวดเหรอ
ไม่ใช่สักนิด
การยิ้มเค้นพร้อมกับปัดเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าของตัวเองแต่ไม่หันกลับไปมอง ฉันไม่อยากเป็นคนใจอ่อนอะไรแบบนั้นอีกแล้วและอยากจะดื้อด้านให้มันจบๆ เสียด้วยซ้ำทว่ากับดื้อด้านไม่ได้จริงๆ เพราะไม่ใช่นิสัยของตัวเองที่จะเรียกร้องความสนใจโดยการทำอะไรแบบนี้
ถ้าจะถามว่าเพราะอะไรนะเหรอตอบได้เลยว่าคงเป็นเพราะรู้ว่ามันไร้ประโยชน์ไง
ไร้ประโยชน์แล้วจะทำไปทำไมอีก
“ค่ะ”
“ประชด”
“ไม่ได้ประชดค่ะ อันนี้พูดจริง”
“แล้วจะร้องไห้ทำไม รู้ไม่ใช่เหรอว่าไม่ชอบ”
ฉลาดเป็นกรดแต่ทำเป็นไม่รู้เรื่อง ทำเป็นเฉยชาและบางครั้งก็เหมือนไม่สนใจแต่ไม่ตลอดหรอก
“ไม่ร้องแล้วค่ะ”
รู้ไหมว่ากลั้นใจพูด
รู้ไหมว่ามันสวนทางกับความเป็นจริง
“ดี”
ฉันได้แค่นี้แหละ
ชีวิตในกรงทอง สวย รวยแต่เสียใจทุกครั้ง
มันเป็นฉันจริงๆ
เหมาะสมกับตำแหน่งแบบนี้เหลือเกินอย่างไม่ต้องหาใครมาแทนด้วยซ้ำไปและไม่รู้ว่ามันจะคงตำแหน่งตลอดไปหรือเปล่า ถ้าเป็นอย่างงั้นฉันก็ต้องทนปั้นหน้ากับความรู้สึกพวกนั้นให้กัดกร่อนกินหัวใจไปเรื่อยๆ ใช่ไหมนะยังไงซะมันหลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว
เผชิญไปก็อึดอัดแทบตาย
ความเงียบก่อเกิดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศที่โคตรดีแต่ทั้งฉันและเขาที่อยู่ท่ามกลางอากาศพวกนี้ไม่ได้ดีเด่นอะไรทั้งนั้นกระทั่งเป็นฉันเองปลีกตัวเองขึ้นมานอนโซฟาที่เดิม
