บทที่ 3 เสน่ห์ของหนึ่ง
และก็เมื่ออายุได้ยี่สิบสี่ปี... ก็อยู่ในสถานะนี้ สถานะที่ไม่มีสถานะ
@Vienna Austria
ภายใต้โคมไฟสีนวลสวยส่องความสว่างให้แค่จุดหนึ่งครอบคลุมแค่ช่วงบริเวณโซฟาสีแดงเลือดนกตัวใหญ่ถูกติดตั้งข้างกับผนังที่ถูกดีไซน์เป็นกระจกรอบห้องสะท้อนกลิ่นอายความเป็นยุโรปได้ดี
ในห้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ทุกมุมถูกปิดไปด้วยผ้าม่านสีทึบเว้นแค่ด้านที่ฉันกำลังนอนนิ่งไม่เคลื่อนไหวร่างกายภายใต้ผ้าห่มลายเสือดาวขนนุ่มฟูแค่นั้นที่มันถูกเปิดแหวกออกเห็นสภาพอากาศ
ด้านนอกบรรยากาศในเดือนแรกของปีมันหนาวอย่างไม่ต้องคิดว่าอุณหภูมิถึงติดลบหรือเปล่าเพราะสิ่งที่กำลังโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้ามืดสนิทนั้นเป็นเครื่องยืนยันได้ดีว่าหนาวหรือเปล่า จากก้อนเล็กสีขาวโปรายปรายลงมาอย่างต่อเนื่องไม่หยุดเกือบสามชั่วโมงติดต่อกันทำให้พื้นที่ทั้งหมดกลายเป็นสีขาวโพนหมดไม่ว่าจะหันมองไปทิศทางไหนก็เจอแต่สีขาวจากหิมะ เป็นอีกบรรยากาศหนึ่งซึ่งหาจากเมืองไทยซึ่งเป็นเมืองร้อนไม่ได้แน่ๆ
หิมะ... ที่ชอบแต่ก็ไม่ชอบขนาดนั้น
หิมะ... ที่เคยเห็นทุกครั้งเมื่อเดินทางตามเขามา
และหิมะ... ที่เหมือนจะเป็นสิ่งที่เขาชอบเพราะว่าคนในใจเขาชอบ
น่าตลกสิ้นดีเลยว่าไหม
โคตรสมเพชตัวเองที่เลือกทางนี้
วันเวลาผ่านมาเกือบจะห้าปีทว่าทุกอย่างก็เหมือนเดินย้ำอยู่กับที่ราวกับรอยแผลนั้นไม่เคยจางไปเลยไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนก็ตาม การก้าวข้ามผ่านเรื่องนั้นไม่มีใครทำได้จริงๆ เหมือนดังปากบอกหรอก
ทุกคนล้วนโกหก...
พอมีอะไรมาสะกิดทุกอย่างก็กระจ่างออกมาอีกครั้งแล้วก็อีกครั้งเหยียบย้ำกับที่แบบนั้น เกินคำว่าเบื่อหน่าย เกินคำว่าไม่อยากฟังและก็เกินคำว่าใส่ใจ แล้วแบบนี้จะมีใครก้าวเดินไปข้างหน้าได้กันล่ะในส่วนนี้ไม่มีใครทำได้เลยสักคนแม้กระทั่งเขา
พี่สองเป็นบาดแผลใหญ่ในใจอีกฝ่ายซึ่งไม่ว่าวันเวลาหยุดหรือหมุนเดินเปลี่ยนไปแค่ไหนสิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนได้เลยก็คือรอยแผลนั้นฉะนั้นจึงไม่แปลกหากทุกวันฉันจะยังคงเห็นอะไรแบบซ้ำๆ
ความเงียบของสิ่งรอบตัวทำให้ฉันถอนหายใจพร้อมกับลุกออกจากผ้าห่มผืนนุ่มเพียงแค่ร่างกายมีแค่สเวตเตอร์ไหมพรมผืนหนาสีน้ำตาอ่อนกับถุงเท้าปุกปุยสีขาวที่กำลังเหยียบย้ำกับพรมไปเรื่อยๆ กระทั่งเคลื่อนออกจากห้องนี้ไปหยุดกึกตรงช่วงบันใดของบ้าน
แสงไฟสลัวส่องมาจากเคาน์เตอร์ตรงมุมห้องล่างซึ่งเป็นจุดตั้งของเคาน์เตอร์ไวน์รสเลิศทั้งหมดจากทุกมุมโลกมาหยุดเอาไว้ตรงนั้นและฉันก็ได้เห็นเขาจากมุมของบันใดซึ่งไม่ไกลมากหรอกสามารถเห็นรายละเอียดทุกอย่างได้ชัดเจนที่สุดด้วยซ้ำ
เห็นผู้ชายคนนั้นกับแก้วไวน์
เห็นคนผู้ชายที่ฉันไม่เคยได้อิสระจากคนๆ นี้สักครั้ง
รู้ไหมเขายกแก้วไวน์ขึ้นดื่มด้วยมือข้างหนึ่งส่วนอีกข้างถือรูปหนึ่งไว้แค่นี้ม่านในตาของฉันมองก็ลดการมองเห็นลงเรื่อยๆ ด้วยการเบลอจากน้ำตาจากนั้นแก้มทั้งสองข้างเปรอะเปียกชุ่มไปกันหมด นี่ไงถึงว่าไม่มีใครมูฟออนจากพี่สองไปได้สักคนเดียวถึงแม้เขาจะรู้ความจริงหมดแต่ก็ใช่ว่าจะหมดรักพี่สาวของฉัน
ความดันทุรังอันไร้ประโยชน์
ความช่วยเหลือที่เต็มไปด้วยเปลวไฟเผา
ทางเดินที่ในสายตาคนอื่นมองมาคิดว่าฉันโคตรสุขสบายที่สุดแล้วเพราะมีเงินทองทองเอาไว้จากเขา มีหน้าที่การงานที่ดี มีชื่อเสียงรู้จักในวงกว้างแต่รู้ไหมว่าคนที่มองมาเขาคิดแค่ด้านเดียวคือด้านที่เห็นฉันยิ้มให้หน้ากล้องไม่มีใครเห็นตอนร้องไห้แทบขาดใจนี่นา
ใช้เวลาไม่นานนักร่างสูงก็เก็บรูปใบนั้นเข้าลงในกระเป๋าหน้าอกของเสื้อเป็นนาทีเดียวที่ฉันตัดสินใจเช็ดน้ำตาพร้อมกับสูดลมหายใจลึกๆ ก่อนก้าวเดินไปเพื่อเผชิญหน้ากับเขา การทำทีเดินไปเอาขวดน้ำขวดเล็กที่ถูกจัดตั้งไว้บนเคาน์เตอร์แบบรู้งานคือสิ่งที่ฉันบอกให้เตรียมเอาไว้เนื่องจากตัวเองดื่มน้ำเปล่าเท่าอุณหภูมิห้องเสมอมา
“อยากไปเที่ยวไหนก็บอกซัน”
