ตอนที่ 09.คำสอนของลุงต้วน
หลังจากที่พ่อและแม่ของฟ่านอวิ๋นได้จากไปแล้วเป็นเวลากว่า 1 สัปดาห์ ในตอนนี้ฟ่านอวิ๋นทำได้เพียงเศร้าสร้อยและไม่ได้ฝึกยุทธแต่อย่างใด ทุกๆวันฟ่านอวิ๋นจะมานั่งอยู่ที่หน้าผาริมทะเลทุกวันและกลับไปบ้านเก่าของตนหวังว่าพ่อและแม่ของตนจะกลับมา ซึ่งตอนนี้ฟ่านอวิ๋นดูเหมือนคนไร้จิตใจไปอย่างสิ้นเชิงเสียแล้ว
"ท่านพ่อท่านแม่ แม้แต่เสี่ยวหมิงก็จากข้าไปเช่นกัน ข้า..ไม่เหลืออะไรแล้วจริงๆงั้นหรือ" ฟ่านอวิ๋นพึมพำและเหม่อมองไปที่ทะเล
"ว่าแล้วเชียวว่าเจ้าต้องมาที่นี่" ในตอนนั้นเองลุงต้วนก็เดินมาพอดี
"ลุงต้วน ข้าขอโทษด้วยขอรับที่ทำให้ท่านเป็นห่วง ข้าจะกลับเดี๋ยวนี้" ฟ่านอวิ๋นลุกขึ้นยืน
"มิเป็นไรๆ ลุงก็แค่มีเรื่องบางอย่างอยากจะคุยกับเจ้าก็เท่านั้นเอง" ลุงต้วนกล่าว
"เรื่องที่จะคุยกับข้างั้นหรือ" ฟ่านอวิ๋นหันมาถามคิ้วขมวดเล็กน้อย
"อวิ๋นเอ๋อเจ้าคิดว่าการที่เจ้าทำแบบนี้ต่อไปมันดีแล้วงั้นหรือ" ลุงต้วนถาม
"ท่านลุงหมายความว่ายังไงหรือขอรับ" ฟ่านอวิ๋นถามกลับ
"การที่เจ้านั่งซึมกระทือแบบนี้ทุกๆวัน เจ้าได้ทิ้งสิ่งสำคัญของเจ้าไปแล้วงั้นหรือ เห้อ!! ข้ารู้สึกผิดหวังในตัวเจ้าจริงๆ" ลุงต้วนกล่าวพร้อมถอนหายใจ
ฟ่านอวิ๋นที่ได้ยินแบบนั้นก็ก้มหน้าเงียบ เพราะตอนนี้ตัวของฟ่านอวิ๋นยังทำใจไม่ได้ที่ต้องจากกับพ่อและแม่ไปเช่นนี้ จากนั้นลุงต้วนก็เดินมาหาและตบบ่าเล็กน้อยก่อนจะเดินมาที่หน้าผาริมทะเล
"ก่อนที่พ่อและแม่ของเจ้าได้จากไปนั้นข้าเองก็รู้เรื่องนี้มาก่อนหน้าแล้ว ส่วนเหตุผลนั้นจากที่ข้าคาดเดาพ่อและแม่ของเจ้าคงถูกบางคนไล่ล่าอยู่และไม่พวกเขาสามารถพาเจ้าไปด้วยได้เนื่องจากมันอันตรายต่อตัวของเจ้ายังไงล่ะ" ลุงต้วนกล่าว
"เอ๊ะ!! หมายความว่าท่านพ่อและท่านแม่ของข้า..พวกท่านกำลังตกอยู่ในอันตรายงั้นหรือขอรับ!!" ฟ่านอวิ๋นตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน
"ฟังนะอวิ๋นเอ๋อ ไม่มีคนเป็นพ่อเป็นแม่ที่จะทอดทิ้งลูกในใส้ของตัวเองได้ลงคอนอกเสียจากว่าพวกเขาจะมีเหตุผลที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เหมือนดั่งที่พ่อและแม่ของเจ้าเลือกทิ้งเจ้าไว้ยังไงล่ะ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือคำสอนของพ่อและแม่ของเจ้าที่คอยอบรมสั่งสอนเจ้า และสิ่งที่พวกเขารอคอยก็คือความสำเร็จของเจ้า ดังนั้นแล้วอวิ๋นเอ๋อลุงน่ะอยากเห็นเจ้าเป็นเด็กที่เข้มแข็งและทำตามความฝันของเจ้าต่อไป และในซักวันนึงเมื่อเจ้าแข็งแกร่งมากกว่านี้ เจ้าอาจจะได้รู้ความจริงทุกอย่างที่เกิดขึ้นก็เป็นได้" ลุงต้วนกล่าวและหันมาลูบหัวฟ่านอวิ๋นอย่างอ่อนโยน
เมื่อได้ยินคำพูดของลุงต้วนเช่นนั้นตัวของฟ่านอวิ๋นก็นึกย้อนถึงวันเก่าๆ วันที่ตนคอยพร่ำบอกตัวเองเสมอว่าจะทำให้พ่อและแม่ของตนภูมิใจในความสามารถของตน วันที่จะทำให้พ่อและแม่ได้เห็นถึงความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ที่ตนสร้างขึ้น แต่บัดนี้ตนทำตัวเหมือนคนไร้ค่าที่นั่งซึมกระทือไปวันๆ จากนั้นฟ่านอวิ๋นจึงหยิบม้วนกระดาษจดหมายออกมาจากเสื้อคลุมก่อนที่น้ำตาจะร่วงลงอีกครั้ง ฟ่านอวิ๋นกัดฟันแน่นและปาดน้ำตา ก่อนที่ตนจะเก็บจดหมายฉบับนั้นและมองมาที่ลุงต้วน
"ขอบคุณขอรับท่านลุงที่ช่วยข้ามาเสมอ ข้าสัญญาว่าต่อไปนี้ข้าจะตั้งใจฝึกฝนและกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดให้ท่านได้เห็นเอง" ฟ่านอวิ๋นกล่าวอย่างมุ่งมั่นจิตวิญญาณแห่งความไม่ย่อท้อได้ลุกโชน
"ฮ่าๆๆ ต้องอย่างนี้สิหลานรัก เอาล่ะต่อไปนี้จงตั้งใจฝึกฝนเสีย เจ้าเป็นคนมีพรสวรรค์สูงส่งอยู่แล้ว หากมีข้อสงสัยอะไรหรือมีอะไรที่ต้องการเจ้าสามารถบอกลุงได้เสมอ" ลุงต้วนกล่าวพร้อมยกยิ้ม
จากนั้นฟ่านอวิ๋นจึงเริ่มฝึกฝนพื้นฐานวรยุทธขั้นสูงอีกครั้งเพื่อทะลวงสู่ขั้นชำระกระดูกขั้นปลายนั่นเอง ลุงต้วนเมื่อได้เห็นฟ่านอวิ๋นตั้งใจฝึกฝนอีกครั้งแล้วก็ยกยิ้มอย่างยินดี ก่อนที่จะเดินกลับลงไปเพื่อไม่เป็นการรบกวนฟ่านอวิ๋นในระหว่างการฝึกนั่นเอง
____________________________________
หลังจากวันนั้นเป็นต้นมาก็ผ่านมาร่วม 1 ปีแล้ว และในปีนี้จะมีการคัดเลือกศิษย์เข้าสำนักอีกเช่นเคย ในหมู่บ้านทุกๆคนต่างครื้นเครงและมีผู้คนมารวมตัวที่ลานฝึกอีกครั้งเพื่อดูลูกหลานของตนทดสอบเข้าสำนักนั่นเอง
"อวิ๋นเอ๋อ!! หลานพร้อมรึยังใกล้จะถึงเวลาแล้วนะ!!" ป้าเสวี่ยตะโกนถาม
"ขอรับท่านป้า!! ตอนนี้ข้าพร้อมแล้ว!!" ฟ่านอวิ๋นตะโกนกลับออกมา
จากนั้นไม่นานฟ่านอวิ๋นก็เดินออกจากห้องของตน ตอนนี้ตัวของฟ่านอวิ๋นดูแตกต่างจาก 1 ปีขึ้นอย่างน่าประหลาด ตัวของเขาสูงราวกับเด็กอายุ 12-13 ทั้งๆที่เขาอายุ 10 ปีเท่านั้น นอกจากนี้เขายังดูหล่อเหลาผิดปกติดวงตาขวาเปล่งประกายสีทองเล็กน้อยก่อนจะหายไป
"โอ้!! วันนี้หลานของป้าดูดีมาก เจ้าต้องโดดเด่นที่สุดในวันนี้อย่างแน่นอน" ป้าเสวี่ยกล่าวและจัดชุดให้ฟ่านอวิ๋น
"แน่นอนขอรับท่านป้า ท่านคอยดูความสำเร็จของข้าไว้ได้เลย" ฟ่านอวิ๋นยกยิ้มดูแตกต่างจากเด็กเมื่อปีก่อนอย่างสิ้นเชิง
"ยอดเยี่ยมมากอวิ๋นเอ๋อ เอาล่ะเจ้าออกไปทำให้พวกเขาต้องตกตะลึงในพลังของเจ้าเสียเถอะ" ลุงต้วนที่เดินมาถึงกล่าว
ฟ่านอวิ๋นพยักหน้าและเดินออกไปทันที ในวันนี้ฟ่านอวิ๋นมีความมั่นใจอย่างมากและเขาพร้อมที่จะแสดงความสามารถของตนให้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาของผู้คนในวันนี้แล้ว
