ตอนที่ 10.ปกปิดความแข็งแกร่ง
เมื่อฟ่านอวิ๋นได้เดินออกมาจากโรงฝึกแล้วนั้น เด็กๆในรุ่นเดียวกันต่างมองมาด้วยความอิจฉาทั้งหน้าตาและความสามารถ ส่วนเด็กผู้หญิงก็จะเอียงอายที่เห็นฟ่านอวิ๋น เทพบุตรสุดหล่อของพวกนาง ส่วนฟ่านอวิ๋นเองก็ไม่ได้สนใจคนเหล่านี้มากซักเท่าไหร่ก่อนจะนั่งรอเหล่าอาวุโสของสำนักที่มาทดสอบ ซึ่งไม่นานนักเหล่าอาวุโสของสำนักและนิกายก็ทยอยกันมาอย่างต่อเนื่อง
"มาแล้วๆ อาวุโสของสำนักดาบเทวะและนิกายจรัสแสงล่ะ"
"อาวุโสสำนักกระบี่เฉิดฉายก็มาแล้ว แต่ดูเหมือนครั้งนี้อาวุโสของสำนักเพลิงสีนิลจะไม่มาเหมือนครั้งที่แล้วนะ"
ตอนนี้เหล่าผู้คนและเด็กรุ่นเยาว์ต่างก็มองมาที่เหล่าอาวุโสมากมาย จนกระทั่งไม่นานก็มีอาวุโสอีก 1 สำนักและอีก 1 นิกายปรากฏขึ้น ซึ่งทั้ง 1 สำนักและ 1 นิกายที่ว่านี้ไม่ค่อยออกมาให้เห็นกันบ่อยๆเหมือนกับสำนักเพลิงสีนิลนั่นเอง
"ท่านลุงขอรับ อาวุโสทั้ง 2 คนนั้นมาจากสำนักใดงั้นหรือขอรับ" ฟ่านอวิ๋นหันมาถามกับลุงต้วนเพราะไม่เคยเห็นทั้ง 2 มาก่อน
"อืม!! ชายชราคนนั้นมาจากนิกายเทพโอสถ ส่วนหญิงกลางคนนั่นมาจากสำนักกระเรียนขาว ทั้ง 2 นั้นมีกฏเกณฑ์ในการรับศิษย์เข้าสำนักค่อนข้างสูง ดังนั้นทุกๆปีจึงไม่ค่อยมีคนได้เข้าไปภายในสำนักมากนักเฉกเช่นเดียวกับสำนักเพลิงสีนิลยังไงล่ะ" ลุงต้วนกล่าว
เมื่อได้ยินแบบนั้นฟ่านอวิ๋นก็พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะก่อนจะมองไปที่ลานทดสอบ ซึ่งตอนนี้อาวุโสของสำนักกระบี่เฉิดฉายก็นำแท่นทดสอบออกมาจากแหวนมิติ เพื่อจะทำการทดสอบรับศิษย์เข้าสำนัก
"ต่อจากนี้จะเป็นการทดสอบพวกเจ้าเพื่อคัดเลือกเข้าสำนัก เอาล่ะคนแรกฟ่านอวิ๋นออกมาทดสอบต่อหน้าผู้อาวุโสเสีย" หัวหน้าหมู่บ้านประกาศเรียกฟ่านอวิ๋นเป็นคนแรก
"ขอรับ ข้าน้อยฟ่านอวิ๋นขอคำนับผู้อาวุโสทุกๆท่าน" ฟ่านอวิ๋นคำนับและขึ้นมาบนแท่นทดสอบแรก
"เดี๋ยวก่อนเจ้าหนู ก่อนที่เจ้าจะทดสอบเจ้าอายุเท่าใดงั้นรึ" อาวุโสนิกายจรัสแสงถาม
"เรียนผู้อาวุโส ข้าน้อยมีอายุเพียง 10 ปีเท่านั้นขอรับ" ฟ่านอวิ๋นคำนับตอบ
"งั้นหรือ แต่เจ้าดูเหมือนอายุ 13-14 เลยนะ เอาล่ะถ้าเจ้าบอกเช่นนั้นก็ขึ้นไปทดสอบเถอะ" อาวุโสนิกายจรัสแสงกล่าว
ฟ่านอวิ๋นพยักหน้าและเดินมาที่แท่นทดสอบแรก ซึ่งเมื่อมาถึงตรงหน้าแท่นทดสอบฟ่านอวิ๋นไม่ได้มีท่าทีว่าจะรวบรวมพลังแต่อย่างใด ก่อนที่จะง้างหมัดขึ้นธรรมดาๆและต่อยออกไปที่แท่นทดสอบทันที
ปึง!! ตึมม!! เมื่อฟ่านอวิ๋นต่อยไปที่แท่นทดสอบแล้วนั้น ผลปรากฏว่าน้ำหนักหมัดอยู่ที่ 230 จิน หมายความว่าตอนนี้ฟ่านอวิ๋นเทียบเท่าขั้นผสานรากฐานขั้นปลายแล้วนั่นเอง แต่ทว่าเหล่าผู้อาวุโสที่ดูอยู่นั้นกลับขมวดคิ้วขึ้น
"เขาไม่ได้ใส่สุดแรงใช่รึเปล่า" อาวุโสของสำนักดาบเทวะกล่าว
"ข้าก็คิดเช่นท่าน ดูเหมือนเขาไม่ได้ออกแรงด้วยซ้ำเพียงแค่ต่อยธรรมดาๆ" อาวุโสของนิกายจรัสแสงกล่าว
"เด็กคนนี้กำลังซ่อนพลังที่แท้จริงของตัวเองอยู่สินะ มาดูการทดสอบที่ 2 ของเขาต่อกันเถอะว่าเขาจะมีวรยุทธธาตุรึเปล่า" อาวุโสสำนักกระบี่เฉิดฉายกล่าว
จากนั้นฟ่านอวิ๋นก็ไม่รอช้าเดินมายังแท่นทดสอบที่ 2 ฟ่านอวิ๋นรวบรวมพลังฟ้าดินและสวรรค์เข้ามาในร่าง แน่นอนว่ารวมถึงพลังแห่งจักรวาลด้วย จากนั้นฟ่านอวิ๋นจึงทาบฝ่ามือลงไปที่แท่นทดสอบ
"เอาล่ะมาดูกันว่าวรยุทธธาตุดวงดาราจะเป็นสีแบบไหน" ฟ่านอวิ๋นพึมพำ
วิ้งง!! วูซซ!! เมื่อพลังปรานของฟ่านอวิ๋นถูกประทับลงบนแท่นทดสอบ ในตอนนั้นเองระดับขั้นของฟ่านอวิ๋นก็ปราก็ซึ่งมันคือขั้นผสานรากฐานที่ใกล้จะทะลวงสู่ระดับก่อเกิดแล้ว และต่อจากนั้นเองแสงของแท่นทดสอบก็เปล่งประกาย
แว๊บบบ!! ฟู่!! ทันใดนั้นเองแท่นทดสอบก็มีแสงสีทองอร่ามออกมาเนื่องจากผลของดวงตาดาราของฟ่านอวิ๋นนั่นเอง ซึ่งหมายความว่าวรยุทธธาตุดาราของฟ่านอวิ๋นเป็นสีทองนั่นเอง นอกจากนี้ดวงตาดาราก็ประกายแสงออกมาอีกด้วยทำให้ฟ่านอวิ๋นต้องรีบเก็บมันรวมถึงเก็บพลังธาตุไว้อีกด้วย และดูเหมือนว่าดวงตาดาราจะรู้ถึงจุดประสงค์ของฟ่านอวิ๋น มันรีบกระตุ้นสายเลือดของฟ่านอวิ๋นทำให้พลังธาตุที่ 2 ของฟ่านอวิ๋นปรากฏออกมา
วู้มม!! เปรี๊ยๆๆ!! เปรี้ยงง!! ทันใดนั้นแสงสีทองจากแท่นทดสอบก็หายไปและกลายเป็นธาตุอัสนีสีม่วงและสีทองทั้ง 2 สายแทน ซึ่งมันเป็นวรยุทธธาตุอัสนีเฉกเช่นเดียวกับพ่อของฟ่านอวิ๋นนั่นเอง
"โอ้!! เด็กนี่มีวรยุทธธาตุสายฟ้าที่หายากอย่างนั้นเหรอ!! ทั้งยังมี 2 ระดับอีกด้วย!!" อาวุโสของนิกายจรัสแสงกล่าว
"อ่า!! แต่ที่ข้าตกใจก็คือแสงสีทองก่อนหน้ามันคืออะไร มันเป็นผลจากสายฟ้าสีทองด้วยอย่างนั้นหรือ" อาวุโสนิกายเทพโอสถกล่าว
แต่ยังไม่ทันที่ทุกๆคนจะพูดอะไรต่อ หญิงกลางคนที่เป็นอาวุโสของสำนักกระเรียนขาวก็ทะยานมาหาฟ่านอวิ๋นและจับที่ข้อมือของฟ่านอวิ๋นไว้ทันที
"เจ้าหนูข้าจะพาเจ้าเข้าสำนักกระเรียนขาวและเจ้าไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ" อาวุโสสำนักกระเรียนขาวกล่าวเสียงแข็ง
"อะ..เอ๊ะ!! ตะ..แต่ผู้อาวุโสขอรับข้า.." ฟ่านอวิ๋นพยายามจะพูดบางอย่าง
"อาวุโสเหลียงจื่อเซียนท่านไม่เห็นแก่ตัวเกินไปหน่อยอย่างนั้นเหรอที่จะพาเขาไปโดยไม่ถามเจ้าตัวก่อนแบบนี้" อาวุโสของสำนักดาบเทวะกล่าวถาม
"หืม!! หมายความว่าพวกท่านจะขัดขวางข้าสินะ พวกท่านเตรียมใจที่จะสู้กับข้าแล้วงั้นหรือ" อาวุโสจื่อเซียนหันมามองตาขวาง
เมื่อเห็นเช่นนั้นทุกคนก็ตกใจหน้าซีดลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่มีใครกล้าที่จะต่อต้านอาวุโสจื่อเซียนแม้แต่คนเดียว ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตัวของนางต้องมีพลังและอำนาจสูงมากแน่ๆ จากนั้นอาวุโสจื่อเซียนจึงเดินลากฟ่านอวิ๋นมาทางลุงต้วนก่อนจะยื่นบางอย่างให้
"ขอบคุณสำหรับการดูแลเด็กคนนี้ นี่คือของขวัญเล็กน้อยจากสำนักกระเรียนขาว ข้าจะพาเด็กคนนี้ไปตอนนี้ ดังนั้นแล้วข้าให้เวลาพวกท่านกล่าวลาเขาซะ" อาวุโสจื่อเซียนกล่าวหน้านิ่ง
เมื่อได้ยินแบบนั้นฟ่านอวิ๋นก็ได้แต่ทำใจเพราะไม่คิดว่าความอยากรู้อยากเห็นพลังธาตุดวงดาราจะทำให้ตนหมดทางเลือกเช่นนี้ แต่ทว่าฟ่านอวิ๋นก็ไม่เสียใจแม้แต่น้อยก่อนจะมาร่ำลาลุงต้วนและป้าเสวี่ยที่ดูแลตนมาตลอด 1 ปี จากนั้นอาวุโสจื่อเซียนก็พาฟ่านอวิ๋นเหาะหายไปอย่างรวดเร็วท่ามกลางความเสียดายของอาวุโสสำนักและนิกายที่เหลือที่ได้มองตามตาละห้อยนั่นเอง
