5
เรยา ออกไปแล้ว เจ้านายหนุ่มทิ้งตัวพิงพนักเก้าอี้ หลับตานิ่ง ๆ มองไม่ออกว่าเสียดาย หรือเบื่อหน่ายกันแน่ พิชญาได้แต่ยืนรอเอกสาร ที่เขาสั่งให้หล่อนเอากลับไปด้วย แต่ก็ไม่ทีท่าว่าเขาจะทำอะไร จนอดรนทนไม่ไหว เอ่ยออกมาอย่างเกรงใจ
“เอ่อ...เจ้านายจะให้ดิฉันเอาเอกสารอะไรออกไปคะ” พิชญาถามเสียงเบา
ชายหนุ่มลืมตา นิ่วหน้า ขมวดคิ้วเหมือนยังงงอยู่ สักพักเขาก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น
“นี่คุณ ไม่รู้จริง ๆ เหรอว่าผมเรียกไว้ทำไม” ชายหนุ่มเปลี่ยนสรรพนาม เลื่อนขั้นจากเธอเป็นคุณ เพราะวันนี้หล่อนสร้างความพอใจให้เขาหลายเรื่อง
“ก็พอจะทราบ แต่ไม่ค่อยแน่ใจ เห็นคุณกับแฟนสนิทสนมกันขนาดนั้น”
“เรยาไม่ใช่แฟนผม เขาเป็นลูกสาวของเพื่อนแม่” ชายหนุ่มอธิบาย ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมจึงต้องอธิบายกับหล่อนด้วย
“นึกว่าพวกชอบโชว์” พิชญาบ่นพึมพำกับตัวเอง
“อะไรนะ” ชายหนุ่มได้ยินแว่ว ๆ
“เปล่าค่ะ งั้นดิฉันออกไปก่อนนะคะ” หญิงสาวรีบเดินออกมาเร็วปรื๋อ....
หล่อนกลับมานั่งทำงานต่อ เสียดายเวลา ให้ยืนดูเขาจีบกันอยู่ได้ พิชญาเพลิดเพลินกับการเตรียมงานเพื่อการนัดหมายในวันพรุ่งนี้ กว่าจะเรียบร้อยก็เกือบหกโมงเย็น จะกลับบ้านก่อนก็ไม่กล้า เพราะพี่เข็มบอกว่าเลขาที่ดี ควรมาก่อนและกลับทีหลังเจ้านาย เมื่อเช้าก็พลาดทีนึงแล้วที่มาทีหลังเขา เลยเก็บของและนั่งศึกษาข้อมูลของบริษัทไปพลาง ๆ ก่อน
วันนี้หล่อนเหนื่อยมาก และก็ปวดระบมเท้าไปหมด เพราะไม่เคยชินกับการใส่รองเท้าส้นสูงทั้งวัน อีกอย่างต้องรีบจ้ำตามเจ้านายตลอด ไม่รู้จะรีบไปไหนสิน่า หญิงสาวฟุบกับโต๊ะทำงาน ตั้งใจว่าจะขอพักสายตาสักแป๊บเถอะ แต่ดันเลยเถิด จนกระทั่ง ราพณ์ เดินออกจากห้องมาเห็น เขายืนชะโงกมอง เรียกหญิงสาวเบา ๆ ก็ยังไม่ตื่น
“คุณพิชญา !” ชายหนุ่มตะโกน พร้อมกับตบโต๊ะดังปัง
หญิงสาวสะดุ้งสุดตัว ลุกขึ้นนั่งตัวตรง ถึงแม้ว่าจะยังงัวเงียอยู่ จำได้ว่าเพิ่งงีบไปเมื่อกี้นี้เอง
“ทำไมไม่กลับบ้าน มานอนรออะไร” ราพณ์ดุทั้งวาจา และเชือดเฉือนด้วยสายตา ถึงแม้ชายหนุ่มจะเริ่มเห็นความแตกต่างของสาวน้อยคนนี้ กับผู้หญิงอีกหลายคนที่พยายามจะทอดสะพานให้เขาด้วยสารพัดวิธี แต่ก็ยังไม่วางใจนัก หล่อนอาจจะใช้วิธีที่เขาคาดไม่ถึงก็ได้
“ก็เจ้านายยังไม่กลับนี่คะ” หญิงสาวชี้แจง หล่อนอุตส่าห์พยายามเป็นเลขาที่ดี กลับต้องมาถูกดุ
“กลับได้แล้ว วันหลังอย่าทำอย่างนี้อีก เป็นสาวเป็นนางกลับมืด ๆ ค่ำ ๆ ฉันไม่อยากมีปัญหา” ราพณ์สั่งสอน
“ค่ะ” หญิงสาวรับคำ แล้วรีบหยิบกระเป๋าเดินออกไป อายแทบจะมุดแผ่นดิน ตั้งใจจะทำความดี กลับกลายเป็นเรื่องเปิ่น ๆ ไปได้
“เดี๋ยว” ชายหนุ่มเรียกไว้
“คะ?” หญิงสาวหยุดรอฟังว่าเขาจะว่าอะไรอีก
“กลับด้วยกันก็ได้” ชายหนุ่มเปลี่ยนใจ
“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวยิ้มแป้น ไม่มีอิดออด จะได้ประหยัดค่ารถไปในตัว
พิชญาเดินตามเจ้านาย เขาแวะเข้าห้องน้ำ หล่อนก็แวบไปจัดการตัวเองเหมือนกัน ทุกกิจกรรมของวันนี้ต้องรวดเร็ว แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับพิชญาอยู่แล้ว
ราพณ์พาสาวน้อยมานั่งกินบะหมี่ร้อน ๆ ที่ตลาดกลางคืน อันคลาคล่ำไปด้วยผู้คนเดินกันขวักไขว่ ชายหนุ่มถอดสูทและเนคไท แขวนไว้ในรถ เหลือเพียงเสื้อเชิ้ตที่พับแขนขึ้นมาเหนือข้อศอก ดูลำลองและอ่อนวัยมากว่าเมื่อเช้าตั้งเยอะ
“ไม่คิดว่าเจ้านายจะชอบแบบนี้นะคะ” พิชญากล้าที่จะชวนเขาคุยมากขึ้น นอกจาก ฝีปากเชือดเฉือนแล้ว อย่างอื่นเขาก็ไม่ได้ร้ายกาจอะไรนักหรอก
“ทำไม แบบนี้ คุณกินไม่ได้หรือไง” ชายหนุ่มตีรวนอีกจนได้
“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ ดิฉันคุ้นเคยดี ชอบด้วยสิคะ บะหมี่ร้อน ๆ เข้ากันกับบรรยากาศยามค่ำคืน” พิชญาตอบตามตรง
“ปกติคุณใช้คำพูดแทนตัวเอง กับคนที่บ้านยังไง” ราพณ์ถามเสียงเรียบเรื่อย
“พิช... ค่ะ” หญิงสาวตอบ งง ๆ เริ่มตามอารมณ์เขาไม่ทัน
“เออนั่นแหละ...เรียกตัวเองอย่างนั้นแหละ”
“จะดีเหรอคะ..ดิฉันคิดว่า.....”
ชายหนุ่มส่งสายตาดุ เป็นสัญญานว่าต้องจบ ตามนั้น ห้ามเถียง จากนั้นทั้งเขาและหล่อนก็โซ้ยบะหมี่กันอย่างเอร็ดอร่อย
“คุณนี่มัน....จะรีบกินไปไหน..ห๊า.. ต้นหอมขึ้นไปติดอยู่ปลายจมูกแน่ะ เอ้า..เช็ดซะ” ราพณ์ยื่นทิชชูจากกล่องบนโต๊ะข้างมือส่งให้สาวน้อย ดูคล้ายการ กระทำที่พี่ชายปฏิบัติกับน้องสาวมากกว่าจะคิดเป็นอย่างอื่น
พิชญารับทิชชูมาเช็ดลวก ๆ ไม่ได้เขินอายเลยสักนิด จะไม่ให้หล่อนรีบได้ไง เขาก็ไวปานวอกขนาดนั้นขืนทำอะไรยืดยาด เดี๋ยวก็โดนด่าอีก หล่อนได้แต่คิด ไม่กล้าพูดออกไป
กว่าเจ้านายกับเลขาจะกลับถึงบ้านก็ปาเข้าไปเกือบสามทุ่ม คุณย่ายังไม่นอน อยู่หน้าทีวีกับพี่แป้นแล้วก็ป้าสมร แม่ครัว
“มาแล้วหรือยะ ทำงานวันแรกก็กลับดึกแล้ว เจ้านายแกเขาใช้งานหนักหรือว่ามัวไปเถลไถลที่ไหนอยู่ล่ะ” คุณย่าบ่นทันทีที่หล่อนย่างเข้าไปอยู่ในรัศมีสายตาของท่าน แต่ก็ไม่จริงจังนัก เพราะรู้อยู่แล้วว่าหลานสาวไม่ใช่คนแบบนั้น ถึงกระนั้น ก็ต้องปรามไว้บ้าง ไม่อย่างนั้นจะได้ใจ
“หนูเป็นเลขานี่คะคุณย่า ต้องรอให้เจ้านายกลับก่อน ถึงจะกลับได้” ดาวิกาชี้แจงพร้อมเข้าไปกอดเอวหญิงชราที่เนื้อตัวนุ่มนิ่มไปหมดเพราะกล้ามเนื้อหย่อนคล้อยไปตามวัย แต่ไม่ยอมเล่าว่าหล่อนนั่งหลับ จนเจ้านายต้องตบโต๊ะปลุกให้ตื่น ก็หล่อนนอนขี้เซาแต่ไหน แต่ไรมาแล้ว
“ดีแล้ว ที่หัดใส่ใจในหน้าที่การงาน อย่าให้ใครมาว่าได้ว่าเหลาะแหละ เหลวไหล ไม่ได้เรื่อง เสียชื่อเสียงวงศ์ตระกูลฉันหมด” คุณย่าร่ายยาว
“แล้วนี่ กินอะไรมาหรือยัง แป้นไปหาอะไรให้คุณพิช กินหน่อยเร็ว”
“คุณหนูพิช กินอะไรดีคะ มาม่าดีมั้ย ร้อน ๆ” แป้นเสนอ เพราะใช้เวลาเดี๋ยวเดียวก็ได้กิน ไม่รู้ว่าห่วงคุณหนูพิช หรือว่าห่วงดูละครกันแน่
“ไม่เป็นไร พิชกินบะหมี่มาแล้ว เจ้านายพาไปเลี้ยงค่ะ”
“เจ้านายแกนี่ใจดีแฮะ ผู้ชายหรือเปล่า ระวังไว้บ้างก็ดี” คุณย่าเปรย
“เจ้านายของพิช ก็ผู้ชายที่อยู่ข้างบ้านเราไงคะ คุณย่า วันนี้เขาชวนหนูกลับด้วยกันเพราะเห็นว่ามืดแล้ว แถมพรุ่งนี้เช้าก็ให้รอไปพร้อมกันเลย เพราะต้องออกแต่เช้าอีก พอดีมีงานที่เมืองกาญจน์น่ะค่ะ”
“อ้อ...แต่ยังไงก็เกรงใจเขาบ้างนะยัยพิช ไม่ใช่เขาใจดีแล้วจะมาทำตัวเป็นภาระเขาไม่ได้” คุณย่าอดไม่ได้ที่จะสั่งสอน เพราะนางเกรงว่าจะเสื่อมเสียถึงตระกูลผู้ดีเก่าของนาง
