รับจ้างสร้างรัก

144.0K · จบแล้ว
ละอองดิน01
91
บท
3.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เพราะความจมไม่ลงทำให้สองย่าหลานต้องเหน็ดเหนื่อยกับคำว่าเปลือกเป็นเหตุให้หลานสาวจอมงกยอมตกเป็นลูกจ้างของนายปากร้ายข้างบ้านตั้งแต่ตำแหน่งเลขาจนถึงเมียจอมปลอม งานนี้เธอจะทนการจิกกัดของเขาไหวไหมหรือใครกันแน่ที่ต้องแพ้พ่ายไป

นิยายรักโรแมนติกประธานเลขาแต่งงานก่อนรักเศรษฐีรักหวานๆ18+

1

“บู้บี้.....บู้บี้.....บู้บี้” เสียงตะโกนเรียก ของหญิงสาวผมซอยสั้น หน้าตาแลดูอ่อนใส ราวกับเด็กมัธยม สวมกางเกงยีนส์ขาสั้น คลุมด้วยเสื้อยืดตัวโคร่ง ที่คอเริ่มจะย้วย ๆ แล้วด้วย คุณย่าท้วงติงกับชุดนี้หลายครั้ง แต่หล่อนก็ยังดึงดันที่จะใส่ จนท่านคร้านจะพูดอีก

“มันมุดออกไปนอกรั้วตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ...คุณหนูพิช”แป้น สาวใช้ร่างท้วมบอก ขณะที่มือก็ยังสาละวนอยู่กับการเช็ด ๆ ถู ๆ เป็นการบอกกลาย ๆ ว่าเรื่องนี้ หล่อนจะไม่ยุ่ง

“ตายแล้ว ! พี่แป้นป่านนี้เจ้าบู้บี้โดนรถชนบุบแบนไปแล้วมั้ง”สาวน้อยนามพิชญา บ่นอุบ แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก เดี๋ยวพี่แป้นลาออกอีกคนล่ะก็ ความซวยจะมาตกที่หล่อน ทุกวันนี้ก็มีเพียงแม่ครัวเก่าแก่ กับพี่แป้นนี่แหละ ที่ทนทำงานอยู่ที่นี่ได้และที่สำคัญพวกเขาทนความจู้จี้ของคุณย่าได้ดีเสียด้วย

“เอี๊ยด !..........” เสียงล้อรถยนต์บดถนนอย่างน่าหวาดเสียว ดังขึ้นใกล้ ๆ นี่แหละ...แต่.....เอ๊ะ !.....

“บู้บี้.....บู้บี้.....ของแม่ อย่าเป็นอะไรไปนะลูก..ฮือ...” สาวน้อยก้าวเท้าออกวิ่ง ไปทางที่มาของเสียงทันที

รถยนต์หรูจอดเกยอยู่บนทางเท้า เลยหน้าบ้านหล่อนไปนิดเดียว เหมือนว่ากำลังจะเลี้ยวเข้าบ้านข้าง ๆ หล่อนนี่เอง ปกติแถวนี้ไม่ค่อยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ เพราะเป็นหมู่บ้านที่ค่อนข้างเงียบ ต่างคนต่างอยู่ซึ่ง เป็นธรรมดาของหมู่บ้านหรู ๆ ก็มักจะเป็นแบบนี้

สายตาหล่อนแลเลยไปเห็นเจ้าบู้บี้ ยืนตัวสั่นเทา หางลู่ หูตก อยู่ใกล้กับหน้ารถยนต์คันนั้น

“บู้บี้ อยู่นี่เอง” หญิงสาวปรี่เข้าไปอุ้มหมาน้อยไว้ในอ้อมกอด ลูบหน้าลูบหลังปลอบโยนราวกับกำลังปลอบประโลมเด็กตัวน้อย ๆ

“นี่.....หมาเธอ ใช่ไหมเนี่ย...ทำไมถึงปล่อยให้เพ่นพ่านแบบนี้ ไร้ความรับผิดชอบสิ้นดี”

สาวน้อยกำลังจะอ้าปากถามชายหนุ่ม ร่างสูง แต่ปากรูปกระจับนั้นกำลังขยับ เหยียด บิดเบ้ ตามอารมณ์ที่พลุ่งพล่านของผู้เป็นเจ้าของ ทำให้ประโยคต่อมาเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง

“ทำไมจะไม่รับผิดชอบ ฉันก็กำลังตามหามันอยู่นี่ไง ไม่รับผิดชอบตรงไหน” พิชญากระแทกเสียงตอบกลับ คนอย่างหล่อน ไม่ยอมให้ใครมายืนด่าฝ่ายเดียวเหมือนกัน

“ยัง...ยังไม่สำนึกอีกนะ ดูสิรถฉัน เสียหายแบบนี้ใครจะรับผิดชอบ” ราพณ์ขึ้นเสียง เริ่มขู่ ทีแรกเขาหัวเสีย ที่เกือบจะชนลูกหมา ที่มันคงตกใจยืนตัวสั่นอยู่กับที่ได้แต่จ้องมองเขาตาแป๋ว กระทั่งเขาตัดสินใจหักรถหลบขึ้นไปเกยบนทางเท้าหน้ารั้วบ้านเขาเอง แต่ตอนนี้เขาโกรธยัยเด็กบ้า ที่กล้ามายืนเถียงเขา คำไม่ตกฟากมากกว่า

“เจ้าบู้บี้ คงไม่มีปัญญาชดใช้ให้คุณหรอกนะ” หญิงสาวแถ ไปได้อีก ถ้าจะพูดเรื่องเสียเงินล่ะก็ไม่มีทาง ส่วนเจ้าตัวต้นเหตุ ซุกตัวเข้าหาหญิงสาวร้อง งื๊ด ๆ.... คงจะทั้งตกใจและกลัวเสียงที่กำลังทุ่มเถียงกัน

“ฮึ....เธอนี่มันน่านัก..ยังมีหน้า มาโยนความผิดให้หมาอีก อย่างนี้ต้องฟ้องเจ้านายเธอ ให้อบรม สั่งสอนเสียบ้างเด็กอะไรไม่มีมารยาท กระด้างจริง ๆ ” ชายหนุ่มคิดเอาเองว่าหล่อนคงเป็นเด็กรับใช้ของบ้านนี้ ดูจากการแต่งเนื้อแต่งตัวก็น่าจะเป็นตามนั้น อันที่จริงรถของเขาไม่ได้เสียหายอะไรมากนักหรอก ประกันก็มี แต่คงเพราะอารมณ์คุกรุ่นจากเหตุการณ์ที่เขาเพิ่งเจอมา ความโกรธทั้งหมดเลยมาลงที่เด็กบ้านี่ เลยหาเรื่องข่มขู่ ทำท่าจะเดินเข้าไปภายในบ้าน

“อ๊ะ !.....ไม่ได้นะ.....คุณท่านไม่สบาย แถมเป็นโรคหัวใจด้วย ถ้าคุณเป็นต้นเหตุให้ท่านเป็นอะไรไปล่ะก็....คุณนั่นแหละที่จะรับผิดชอบไม่ไหว” หญิงสาวรีบกระโดดเข้าขวาง กางแขนข้างที่ว่างออกไปกั้นชายหนุ่มไว้เต็มที่ รับสมอ้าง สร้างเรื่องเพื่อเอาตัวรอดด่วนจี๋

“ฝากไว้ก่อนเถอะ...” ชายหนุ่มกัดฟันกรอด ชี้หน้า คาดโทษ แล้วรีบเดินลิ่ว ๆ เข้าบ้านไป

พิชญา ตกใจ นี่เขาเป็นคนที่เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่นี่เอง ตายล่ะ ! ถ้าเขาไม่ยอมลดละ เข้ามาหาคุณย่า มีหวังถูกเชือด โทษฐานที่ไปแช่งท่านว่าเป็นโรคหัวใจ โอย...กรรมของหนูพิช แท้ ๆ

“ไป...บู้บี้..เข้าบ้านกัน” เจ้าบูบี้ เงยหน้าขึ้น พยายามจะตะกายขึ้นมาเลียหน้าเลียตา แสดงความรักนายสาว ที่เลี้ยงมันมาตั้งแต่ลืมตาได้ไม่นาน คงจะเดือนหนึ่งเห็นจะได้ รู้แต่ว่าเจ้านายสาวสวยของมัน เป็นที่พึ่งเดียวในโลกใบนี้

“เกิดอะไรขึ้น ยัยพิช เสียงเอะอะ” คุณย่าถามขึ้น พร้อมเขม่นมองหลานสาวลอดแว่นเลยทีเดียว ไม่ชอบใจเลย กับสภาพมอซอ ของหลานสาว

“คนบ้ามาโวยวายหน้าบ้านค่ะ...”พิช ขี้เกียจอธิบายให้มากความ เดี๋ยวคุณย่าก็จะหาว่าเจ้าบู้บี้เป็นตัวซวยอีก ท่านไม่ชอบหมาที่มีสีดำ หรือแม้แต่มีส่วนประกอบของสีดำก็เถอะ พิชไม่รู้มาก่อนต่อเมื่อหล่อนรับเจ้าบู้บี้มาเลี้ยง ถึงได้รู้แต่ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว ได้แต่ดูแล ระมัดระวัง ไม่ให้เจ้าบู้บี้มันสร้างปัญหา ให้กับท่าน และก็เหมือนมันจะรู้ตัวดี มันไม่กล้าเฉียดเข้าใกล้ คุณย่าด้วยซ้ำ

“เมื่อวานไปสมัครงานอะไรมาล่ะ แต่บอกก่อนนะ พวกพริตต้งพริตตี้ นี่ไม่เอานะ ฉันไม่ยอมให้แกไปแต่งตัวล่อเสือล่อตะเข้ ให้เสียนามสกุลฉันหรอก” คุณนายอนงค์ ถือตัวว่า เคย เป็นผู้มีอันจะกิน ถึงแม้ตอนนี้จะเหลือเพียงเงินก้อนสุดท้ายที่สามีทิ้งไว้ให้ ได้อาศัยกินดอกเบี้ยที่ต่ำเตี้ยเต็มทีจึงต้องประหยัดทุกอย่าง ถ้าหากยอมขายบ้านหลังนี้ แล้วหาบ้านหลังเล็ก ๆ อยู่กันสองคนย่าหลาน ชีวิตจะสุขสบายกว่านี้เยอะแต่นางก็ไม่ยอม ตอนนี้ก็ฝากความหวังกับหลานสาวคนเดียวที่จะหารายได้มาจุนเจือครอบครัวให้สุขสบายกว่านี้

“หนูไปสมัครตำแหน่งเลขา ไม่รู้จะได้หรือเปล่า ไม่มีประสบการณ์ด้วย แต่ก็ลองเสี่ยง เผื่อฟลุ๊คค่ะคุณย่า” หญิงสาวพูดเอาใจ ทำให้หญิงสูงวัยเริ่มมีรอยยิ้มที่หลานสาวกระตือรือล้น ถึงแม้ว่า ความหวังจะน้อยเต็มที แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้หวัง

“แล้วเจ้าบู้บี้ล่ะ ถ้าไปทำงาน ทำการ ล่ะก็หากรงให้มันอยู่ ให้เรียบร้อยนะ ฉันไม่มานั่งเลี้ยงให้หล่อนหรอก เดี๋ยวมุดออกไปให้ รถราชนเข้า ฉันไม่รับผิดชอบนะ บอกไว้ก่อน” แม้คุณอนงค์จะรักหลานสาวคนเดียวมาก แต่ก็ยังอดวางท่าไม่ได้ เพราะไม่ชอบลูกสะใภ้ เข้าขั้นเกลียดเชียวแหละ พอลูกชายตาย หล่อนก็รีบไปรับหลานสาวมาเลี้ยง ตอนนั้นอายุราว 5-6ขวบ เห็นจะได้ ก่อนที่ลูกสะใภ้จะหอบหลาน หนีไปอยู่ต่างประเทศกับสามีใหม่ที่เป็นฝรั่งตาน้ำข้าว

“วันนี้กะว่าจะทำคอกชั่วคราว ให้มัน ที่หลังบ้านค่ะคุณย่า”

“หล่อน น่ะเหรอยะ จะทำเอง ไปซื้อเขาง่ายกว่ามั้ง” ผู้เป็นย่า ไม่เชื่อมือ

“ไปดูมาแล้วค่ะ แต่มันแพงมาก ทำเองดีกว่า เศษไม้หลังบ้านก็มี เจ้าบู้บี้ตัวนิดเดียว ทำไม่ยากหรอกค่ะ” หญิงสาวไม่ยอมจ่ายเงินง่าย ๆ

“จ้า...แม่คนเก่ง ไม่กลัว ตอกผิดตอกถูก มือไม้แตกก็ตามใจ” ผู้เป็นย่าค้อนปะหลับปะเหลือก คิดในใจ ไม่รู้มันงกเหมือนใคร