34
“.......ฮ่า...ฮ่า.........”
“บอกแล้ว ไม่เห็นต้องคิดมาก แค่แต่งงานหลอก ๆ แล้วก็ใช้ชีวิตแบบเดิม แบบนี้แหละ สักพักค่อยหาเรื่องหย่า แค่นี้ก็สมประโยชน์ทุกฝ่าย พวกแม่ ๆ ผมก็จะไม่กล้าเรียกร้องให้แต่งงานอีกเพราะครั้งแรกล้มเหลวไปแล้ว ส่วนคุณก็เป็นอิสระเหมือนเดิมพร้อมกับเงินก้อนใหญ่ ไม่ดีหรือยังไง
“แล้วถ้ามันไม่ใช่แค่นั้นล่ะคะ”
“มันไม่มีอะไรหนักหนาเกินแก้ไขหรอก คุณพิช คิดดูดี ๆ”
“คุณไม่ลองวิธีอื่นก่อนล่ะคะ บางทีเราอาจจะมีทางออกที่ดีกว่านี้ก็ได้นะคะ” พิชญาพยายามหาทางออก
ราพณ์ เองก็แปลกใจว่าทำไมเขาถึงไม่คิดแข็งขืน อย่างที่ควรจะเป็น กลับเลือกที่จะแต่งงานกับสาวน้อยให้ได้ ตามคำขาดของแม่ใหญ่ อาจจะเป็นเพราะ เขาเริ่มจะชินกับการมีพิชญาอยู่ใกล้ ๆ และก็ต้องยอมรับว่า เขามีความสุขที่ได้อยู่ใกล้หล่อนจริง ๆ
หลังจากที่คุณหญิงโสภิต ได้รับรายงานจากดุจดาวเรื่องภาระกิจที่มอบหมายให้ไปทำแล้ว อย่างน้อยก็ได้รู้ว่า ลูกชายมีใจให้กับพิชญาไม่มากก็น้อย เขาอุตส่าห์เดินทางมารับหญิงสาวกลับบ้าน ซึ่งผิดวิสัยของชายหนุ่ม ที่มักจะเห็นผู้หญิงเป็นภาระ ส่วนจะมีใจให้กันมากน้อยแค่ไหนก็ช่างเถอะ แต่งงานกันไปเดี๋ยวก็รักกันเอง ในเมื่อเจ้าลูกชายตัวดี กล้าโกหกถึงขนาดอุปโลกน์ ผู้หญิงคนนี้มาเป็นแฟน ท่านก็จะให้เขาได้สมหวัง คุณหญิงโสภิต ปลาบปลื้มกับแผนการนี้ยิ่งนัก.....ฮึ...แม่ก็คือแม่..วันยันค่ำ.....
“คุณแม่ใหญ่มีอะไรหรือเปล่าครับ” ราพณ์มานั่งอยู่หน้าคุณหญิงโสภิต และคุณโฉมนภา เมื่อท่านโทรเรียกให้เขามาพบด่วน
“ถ้าฉันไม่บอกว่าด่วน ก็คงไม่ได้เห็นหน้าแกสินะ” คุณหญิงโสภิตประชดลูกนอกไส้ ที่ท่านรักดั่งลูกแท้ ๆ ของตัวเอง
“โธ่ คุณแม่ ผมก็มาแล้วนี่ไงครับ”
“แม่โฉมนภา มีอะไรก็ว่าไป ลูกชายหล่อนอยู่ตรงนี้แล้ว” คุณหญิงโสภิตยังงอน
“คืออย่างนี้นะ ตาราพณ์ แม่ไปดูฤกษ์แต่งงานมาแล้ว ซินแสเขาบอกให้เราน่ะ แต่งงานภายในเดือนนี้ ถ้าเลยจากเดือนนี้ จะหายนะ ”
“อะไรนะครับคุณแม่ !” ราพณ์ตกใจ ย้อนถามเสียงดัง
“ดีนะ นี่เพิ่งจะต้นเดือน ยังมีเวลาอีกตั้งยี่สิบกว่าวัน”
“ไร้สาระ ผมไม่เชื่อ”
“โธ่ ! ลูก เชื่อไว้บ้างก็ดี ซินแสคนนี้แม่นนะ กว่าจะจองคิวได้ไม่ใช่ง่าย ๆ”
“ราพณ์ นึกว่าแม่ของร้องได้ไหมลูก เห็นแก่แม่สองคนนะ จะตายวันตายพรุ่งก็ยังไม่รู้ ถ้าลูกเป็นฝั่งเป็นฝา แม่ก็หายห่วง” คุณหญิงโสภิต ช่วยพูดอีกแรง
“แต่มันไม่ใช่แบบนี้นะครับคุณแม่” ชายหนุ่มอึดอัด เพราะพิชญาก็ยังไม่ยอมตกลง
“แกจะกล้าเสี่ยงกับคำว่าหายนะเหรอ ธุรกิจหายนะ หรือตระกูลเราหายนะ ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน แกรับผิดชอบไหวหรือ ถ้ามีคนต้องเดือดร้อนกับเรื่องนี้อีกมากมาย” คุณหญิงโสภิตพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง หล่อนฉลาดพอที่จะผลักภาระอันหนักอึ้งไปไว้ที่การตัดสินใจของลูกชาย
ชายหนุ่มนิ่งคิด นี่มันเรื่องบ้าอะไร เขาไม่อยากจะเชื่อว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับเขา
“เอาอย่างนี้นะตาราพณ์ แม่จะจัดการให้ทุกอย่าง ลูกกับหนูพิชแค่รอเป็นเจ้าบ่าวเจ้าสาวแค่นั้น นะลูกนะ” คุณโฉมนภาต่อรอง
“ก็ได้ แต่สัญญาได้ไหมครับ ว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย ที่จะกดดันผมด้วยวิธีนี้”
“ได้จ้าลูก แม่สัญญา แต่แม่ไม่ได้กดดันนะ แค่ขอร้องให้ทำเพื่อความสุขของลูกเองเท่านั้น” คุณโฉมนภาดีใจ จนแทบจะระงับความตื่นเต้นไว้ไม่อยู่ เพราะไม่อยากให้มันแสดงออกมามาก จนผิดสังเกต
ราพณ์ กลับไปแล้ว คุณโฉมนภากับคุณหญิงโสภิต ยังนั่งปรึกษาหารือกันอยู่
“คุณพี่ว่าเราเล่นใหญ่ไปหรือเปล่าคะ” คุณโฉมนภาถึงแม้จะดีใจ แต่ก็ยังไม่วายที่จะกังวล
“ไม่เป็นไรหรอกน่า เราทำเพื่อความสุขของลูกทั้งนั้น”
คุณโสภิตปลอบใจตัวเองด้วย เพราะก็รู้อยู่ ว่ากำลังทำผิดศีลด้วยการมุสา เมื่อสลัดความรู้สึกผิดออกไปได้ ก็ช่วยกันวางแผนงานแต่งงานของลูกชายคนเดียวของตระกูลอย่างชื่นมื่น
ราพณ์เข้าออฟฟิศในช่วงบ่าย เขาเรียกพิชญาเข้าไปหาหน้าตาไม่สู้ดี ชายหนุ่มยืนเอามือล้วงกระเป๋า สายตาทอดมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างใช้ความคิด ในขณะที่เลขาสาวถือแก้วกาแฟเข้าไปด้วยหล่อนวางมันลง ตรงมุมโต๊ะเหมือนเช่นเคย แล้วหยุดยืนรอว่าเขาจะสั่งอะไร
“พิช คุณตัดสินใจได้หรือยัง” ราพณ์ พูดโดยไม่หันมามอง
“เรื่องแต่งงานน่ะหรือคะ”
“ใช่ นอกจากนี้ยังจะมีเรื่องอะไรอีก” ชายหนุ่มเริ่มหงุดหงิด
“พิช บอกไปหลายครั้งแล้วนี่คะ ว่าไม่ตกลง” หญิงสาวยังยืนยันคำเดิม
ราพณ์หันหลังกลับมา เขาก้าวเข้ามาหา สายตายังจับจ้องอยู่บนดวงหน้าหมดจด หญิงสาวผงะ ถอยหลังได้เพียงก้าวเดียว ก็ถูกมือแข็งแรงจับบ่าบอบบาง รั้งเข้ามาหา แล้วโน้มหน้าลงมาประทับริมฝีปากนุ่มลากไล้แผ่วเบา ไม่รุกราน แต่เรียกร้อง จนหญิงสาวแย้มเผยอรับจูบนั้นอย่างเต็มใจ
“บอกผมสิ ว่าคุณรังเกียจผม” ราพณ์กระซิบถาม ขณะถอนริมฝีปากออกมาให้สาวน้อยได้หายใจเข้าปอด ลมหายใจอุ่นยังเป่ารดอยู่ข้างแก้ม
พิชญาหายใจสะท้อนถี่ รับรู้ถึงเสียงหัวใจของตนเองที่แทบจะออกมาเต้นอยู่นอกอก หล่อนพูดอะไรไม่ออก ไม่กล้าแม้แต่จะสบสายตาหวานเชื่อมคู่นั้น
“กลับบ้านกันนะ ผมมีบางอย่างต้องทำอีก” ชายหนุ่มชวนหญิงสาวกลับตั้งแต่ยังไม่หมดเวลางาน
พิชญาได้แต่นั่งเงียบมาตลอดทาง ไม่กล้าต่อปากต่อคำกับเขาอย่างเคย หล่อนจมในห้วงความคิดของตัวเอง สับสนตัวเอง ทำไมถึงไม่โกรธกลับเต็มใจให้เขาจูบ น่าอายชะมัด ราพณ์ปรายตามอง เห็นหญิงสาวสิ้นฤทธิ์ก็อดยิ้มไม่ได้ นึกว่าจะแน่สักแค่ไหน......
ถึงบ้านพิชญา ชายหนุ่มเดินตามหญิงสาวเข้าไปโดยที่ไม่มีใครเชื้อเชิญ
“คุณราพณ์ มีอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมถึงยังไม่กลับบ้าน” หญิงสาวหยุดเดินหันกลับมาถาม สัญชาตญาณ บอกว่าเริ่มมีอะไรไม่ชอบมาพากล หญิงสาวเริ่มระแวง ว่าเขาจะทำอะไรแผลง ๆ อีก
“ผมจะเข้าไปคุยกับคุณย่า” ชายหนุ่มบอกเรียบ ๆ
“อะไรนะคะ ไม่ได้นะคะ คุณจะคุยกับท่านไม่ได้”
“คุณรู้หรือ ว่าผมจะคุยกับท่านเรื่องอะไร”
“ก็เรื่อง......”
“อย่าเดาเลย คุณไม่มีทางเดาถูกหรอก”
“แต่ว่า..........” หญิงสาวไม่สบายใจเลยจริง ๆ
“คุณจะไปทำอะไรก็ไป ผมจะไปคุยกับคุณย่า” ชายหนุ่มไล่พิชญาไปดื้อ ๆ เลย
หญิงสาวละล้าละลัง สังหรณ์ใจยังไงก็ไม่รู้ เกรงว่าชายหนุ่มจะทำอะไรห่าม ๆ อีก
