26
“คุณราพณ์เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” ดุจดาวเปิดประตูเข้าไป หล่อนก็สังเกตเห็น เหมือนที่พิชญาเห็นเช่นกัน
“ไม่เป็นอะไรหรอกครับ คุณดุจดาวมาก็ดีแล้ว ไปทานข้าวกันดีกว่า กำลังจะให้คุณพิชไปชวนอยู่พอดี”
“ลาภปากเลยนะคะเนี่ย ไม่ปฏิเสธนะคะ” ดุจดาวอมยิ้ม
“งั้นไปกันเลยนะครับ” ชายหนุ่มกดโทรศัพท์ยุกยิก เพียงครู่ก็ลุกขึ้นยืน โอบเอวพิชญาไว้หลวม ๆ และชวนดุจดาวให้ออกไปพร้อมกัน
สาวน้อยขืนตัว จนราพณ์ต้องกระซิบบอก หล่อนจึงค่อยผ่อนคลายลง ส่วนดุจดาวหล่อนมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าอยู่ตลอด มองไม่ออกว่าเบื้องหลังรอยยิ้มนั้นหล่อนคิดอะไรกันแน่
ทั้งสามมาถึงร้านอาหารไทย ไม่ไกลจากออฟฟิศมากนัก ภายในติดแอร์เย็นฉ่ำ หนุ่มคิมนั่งรอยิ้มเผล่อยู่แล้ว พร้อมอาหารเต็มโต๊ะ
ทั้งหมดทักทายกันก่อนจะเข้านั่งประจำที่ ราพณ์นั่งกับพิชญา ส่วน คิมนั่งข้าง ๆ ดุจดาวที่ตอนนี้รอยยิ้มเลือนหายไปแล้ว ตั้งแต่เห็นหนุ่มหน้าทะเล้น
“ผมไลน์บอกเจ้าคิมเองครับ พอดีจะคุยธุระด้วย คุณดุจดาวคงไม่ว่าอะไรนะครับ” ราพณ์ออกตัวอย่างเกรงใจ เขาเพิ่งเห็นว่าหญิงสาวมีสีหน้าไม่พอใจ
“คนกันเอง ทั้งนั้นพี่ราพณ์ ไม่ต้องซีเรียส” หนุ่มคิมแย่งตอบ พลางส่งยิ้มกว้างให้สาวข้างกาย
“ฉันว่าคุณราพณ์เขาพูดกับฉันนะ” ดุจดาวหันมาจิกตาใส่ชายหนุ่ม
“โธ่ ! คุณดาวฮะ ก็บอกแล้วว่าคนกันเอง” ชายหนุ่มยังไม่เลิกกวน
“พี่ราพณ์มีอะไรให้ผมรับใช้ฮะ หรือว่าแค่คิดถึง” ชายหนุ่มแสร้งทำตาเล็กตาน้อย
“เมื่อคืนฉันลืมบอกว่าอาทิตย์หน้า จะพาพนักงานไปพักที่โรงแรมของแกที่ภูเก็ต จัดการให้ด้วยนะ ส่วนรายละเอียดเอาไว้คุยกับคุณพิชอีกที”
ดุจดาวนั่งเงียบ ๆ แต่ก็เก็บข้อมูลเต็มที่ อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าผู้ชายสองคนนี้สนิทกันมากขนาดกลางค่ำกลางคืนยังอยู่ด้วยกัน
“ถือว่าเป็นพระคุณอย่างยิ่ง ที่ใช้บริการฮะ จะบอกป๋าให้คิดราคาพิเศษ"
“เออ ๆ ขอบใจ”
ราพณ์ดูแลตักอาหารให้พิชญาแลดูกระหนุงกระหนิงราวกับเป็นคู่รักกันจริง ๆ เขาต้องการแสดงให้ดุจดาวเห็นชัด ๆ เผื่อว่าหล่อนจะคิดกับเขา แบบที่เจ้าคิมบอกจริง ๆ
“หงุดหงิดเหรอฮะ หรือว่าเห็นภาพบาดตา เลยยิ้มไม่ออก” ชายหนุ่มก้มลงกระซิบกับดุจดาว ให้ได้ยินกันสองคน
“คิดบ้าอะไรของคุณ” หญิงสาวกัดฟันตอบ
“เรามาลองมาคบกันบ้างไหมฮะ” หนุ่มคิมรุกสุดตัว
ดุจดาวถึงกับอ้าปากค้าง พูดอะไรไม่ออก ไม่คิดว่าชายหนุ่มจะห่ามเบอร์นี้
โธ่ ! คุณคิม น่าสงสารจัง คงจะปวดใจที่เห็นคนรัก เอาใจสาวคนอื่นต่อหน้าต่อตา....พิชญาคิด
ไอ้คิม มันกล้าดีว่ะ ! .......ราพณ์คิด
อย่ามาหลอกฉันให้ยาก อยากคบกับฉันเพื่อปกปิดอะไรหรือเปล่า...... ดุจดาวคิด
คู่ของราพณ์ กับพิชญา ก็พลอยหยุดชะงักไปด้วย เพราะไม่รู้ว่า คิมลืมตัวหรือจงใจ พูดเสียงดังให้ทุกคนได้ยินกันแน่ ทั้งหมดเหมือนลืมหายใจ ต่างคนต่างคิดในมุมของตัวเอง
“เป็นอะไรกันไปหมดหรือฮะ...” คิมสงสัยว่าเขาพูดอะไรผิด หน้าตาเหรอหรา เหมือนไม่รู้จริง ๆ
“คิม เดี๋ยวช่วยไปส่งคุณดุจดาวด้วยนะ พอดีฉันไม่ค่อยสบาย กะว่าจะกลับบ้านเลย” ราพณ์เปิดโอกาสให้เพื่อนรุ่นน้อง จะได้เลิกคร่ำครวญเสียที ตั้งแต่คบกันมาเขาไม่เคยเห็นคิมจริงจังเท่าครั้งนี้
“ขอโทษนะครับ คุณดุจดาว” ราพณ์เอ่ยกับดุจดาวอย่างเกรงใจ
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันกลับเองได้ ไม่ต้องห่วงนะคะ” ดุจดาวตอบแบบไม่มีแง่งอน
“ได้โปรด....อย่าปฏิเสธน้ำใจของผมเลยครับ” คิมอ้อนวอน เขาไม่ยอมให้โอกาสดี ๆ แบบนี้หลุดลอยไปแน่
“คุณราพณ์เป็นอะไรหรือเปล่า แวะโรงพยาบาลก่อนดีไหมคะ” พิชญานึกเป็นห่วง
“ผมหายแล้ว” ราพณ์ตอบหน้าตาเฉย
“อ้าว ! เมื่อตะกี้คุณยัง....” หญิงสาวละคำพูดไว้แค่นั้น
“ทำไม ...อยากนั่งดูคนเขาจีบกันเหรอ” ชายหนุ่มต่อว่าเสียงดุ
โอ...แม่เจ้า...นี่เขารีบออกมาเพราะหึงหวงงั้นเหรอ เป็นใครก็คงจะเจ็บ พิชญาหันไปมองเสี้ยวหน้าคร้ามคมของคนที่กำลังขับรถ อยากจะปลอบประโลม ให้คลายความเสียใจ หญิงสาวได้แต่ ตะโกนก้องร่ำร้องอยู่ในใจ อยากให้เขารู้ว่ายังมีผู้หญิงแสนดี นั่งอยู่ตรงนี้อีกคน .....เฮ้อ.....
“เป็นอะไรของคุณน่ะ พิช จู่ ๆ ก็นั่งถอนใจ”
“เสียดายค่ะ..อุ้ย...อุ๊บส์” หญิงสาวยกมือปิดปาก ตะปบคำพูดที่มันอาจจะทำให้หล่อนตกงานได้
“เสียดายอะไร นายคิมเหรอ” ชายหนุ่มไม่แปลกใจเลย ถ้าหากพิชญาจะเคลิ้มไปกับ คิม เพราะหมอนั่นนอกจากหล่อแล้ว ยังขยันส่งยิ้มให้กันอีกต่างหาก ดีนะที่มันเปลี่ยนเป้าหมายไปที่ดุจดาว ไม่อย่างนั้น.....เออ.!..ใช่สิ ไม่อย่างนั้นจะเป็นยังไง เขายังไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ ๆ คือไม่อยากให้ใครมาเกาะแกะกับผู้หญิงของเขา ถึงแม้จะปลอม ๆ ก็เถอะ
“ไม่ใช่นะคะ” พิชญาปฏิเสธทันควัน
“........ฮึ.......” ชายหนุ่มปรายตามามองแล้วก็หันหน้ากลับไปมองทาง ดังเดิม
โอ้โฮ...มีขว้างค้อนด้วยแฮะ..หญิงสาวได้แต่คิด ปิดปากสนิท ไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมาอีก
“ทำไมวันนี้กลับเร็วนักล่ะ ยัยพิช” คุณอนงค์ถามหลานสาว
“พอดีเจ้านายไม่ค่อยสบายค่ะ เลยกลับมาพักผ่อน”
“อ้าว ! แล้วแกไม่สบายกับเขาด้วยเหรอ ถึงได้ตามติดกลับมาด้วย”
“โธ่ คุณย่าขา พิชไม่ได้อู้งานนะคะ เจ้านายให้กลับพิชก็ต้องกลับ เดี๋ยวเขาจะหาว่ากระด้างกระเดื่อง ไม่เชื่อฟัง”
“ย่ะ แม่คนมีเหตุผล” คุณอนงค์รู้ว่าหลานสาวพูดจริง แต่ก็อดที่จะปรามไว้บ้างไม่ได้ เพราะหล่อนไม่อยากให้หลานสาวคนเดียว เหลาะแหละเหลวไหล
