20
“คุณย่าขา ยังไม่นอนอีกเหรอคะ” พิชญาเข้าไปกอดเอวผู้เป็นย่า
“ไปไหนมา กลับซะค่ำเชียว” คุณอนงค์ อดเป็นห่วงหลานสาวไม่ได้ ถึงแม้ฝ่ายชายจะเข้าตามตรอก ออกตามประตู ขออนุญาตคบหาดูใจกัน แต่การตะลอนกันไปจนค่ำมืดบ่อย ๆ มันก็คงไม่งามเท่าไหร่
“ไปออกกำลังกายค่ะ ไม่ได้เถลไถลเลยนะคะ” หญิงสาวบอกกว้าง ๆ ไว้ก่อน
“นี่ค่ะเงินเดือน เดือนแรกของพิช พิชให้คุณย่าหมดเลยค่ะ” หญิงสาวส่งซองเงินเดือนที่หล่อนตั้งใจเอามาให้ท่าน
“ให้ย่าหมดแล้วเราจะเอาที่ไหนใช้ล่ะ ยัยพิช” ผู้เป็นย่าถาม
“พิช ยังมีรายได้จากงานพิเศษอยู่ค่ะ ” พิชญาไม่กล้าบอกไปตรง ๆ ว่าหล่อนมีรายได้ก้อนโตจากการรับจ้างเป็นแฟนของชายหนุ่มข้างบ้าน คุณย่าคงรับไม่ได้แน่ ๆ
คืนนั้นพิชญายังอดคิดถึงเรื่อง ในสระว่ายน้ำไม่ได้ มันน่าโมโหตัวเองนัก อ่อนด้อยประสบการณ์ จริง ๆ เจอกล้ามแน่น ๆ เข้าไปหน่อย ทำท่าจะละลายให้ได้ แล้วอย่างนี้หล่อนจะทนได้อีกนานแค่ไหนกันเชียว ขืนไปหลงรักเกย์เข้าล่ะก็ มีหวัง เข่าสองข้างก็ไม่พอให้เช็ดน้ำตา เฮ้อ ! สติค่ะลูก...สติ..พิชญาพยายามปลุกปลอบใจตัวเอง
คู่บ่าวสาวยืนเคียงคู่โดดเด่นอยู่บนเวที เจ้าบ่าวก็หล่อราวเทพบุตร ส่วนเจ้าสาวก็งามประดุจเจ้าหญิง ยากจะหาคู่ใดเหมาะสมกันกว่านี้ ไม่มีแล้ว
“ขอถามเจ้าบ่าวครับ ว่ารักเจ้าสาวของคุณตอนไหน” เสียงพิธีกรบนเวที ถามความรู้สึกเจ้าบ่าว ท่ามกลางสายตาที่จับจ้องแทบไม่กระพริบ ของบรรดาแขกเหรื่อที่มาร่วมยินดีในงาน
“ผมไม่รู้ครับว่ารักเธอตอนไหน มารู้ตัวอีกทีก็มีเธออยู่เต็มหัวใจแล้ว” ราพณ์ตอบ พลางหันมาส่งสายตาชวนหวาม ให้กับเจ้าสาว ขณะที่ด้านล่างส่งเสียงหวีดวิ้ว กิ้วก้าว ถูกใจกันใหญ่
“เจ้าสาวล่ะครับ รู้ตัวว่ารักเจ้าบ่าวตอนไหน” พิธีกรหนุ่ม หันมาถามเจ้าสาว ที่ยืนเอียงอายแทบจะมุดไปสิงร่างเจ้าบ่าว ยึดเอาเป็นที่กำบังกาย
“พิชก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ รู้แต่ว่าคุณราพณ์เป็นชายเดียวในดวงใจน้อย ๆ ของพิชค่ะ” หญิงสาวพูดออกไป ยังรู้สึกเลี่ยน ๆ กับคำพูดของตัวเองเห่ย ! พูดออกไปได้ไงวุ้ย ยัยพิช
ด้านล่างเวที ส่งเสียงหวีดวิ้วดังกว่าเดิม ใครคนหนึ่ง ตะโกนออกมา “ จูบเลย..จูบเลย..จูบเลย” ต่อจากนั้นก็มีเสียงเชียร์กันเซ็งแซ่..จูบเลย...จูบเลย..
เจ้าบ่าวของหล่อนหันหน้าเข้ามา กอดกระชับเจ้าสาวเข้ามาแนบชิดก่อนจะ ค่อย ๆ โน้มตัวก้มลงหาริมฝีปากที่แย้มเผยอรอรับอย่างเต็มใจ
“ก๊อก....ก๊อก.....ก๊อก..คุณหนูพิช...คุณหนูพิช..ตื่นหรือยังคะ” แป้นขึ้นมาดูหญิงสาวตามคำสั่งของคุณอนงค์ ที่เห็นหลานสาวลงไปผิดเวลา
พิชญา ตกใจตื่น ลุกขึ้นมานั่ง งง ๆ ถึงได้รู้ว่าฝันไป โธ่ ! พี่แป้น นะพี่แป้น รออีกหน่อยก็ไม่ได้
“ค่ะ..พี่แป้น กำลังจะไปเดี๋ยวนี้แหละค่ะ” หญิงสาวกระวีกระวาด ลุกขึ้น อาบน้ำ แต่งตัวไปทำงาน
ราพณ์รับพิชญาไปทำงานด้วยกัน แทบจะเป็นกิจวัตรประจำวันของคนทั้งคู่ ตอนเย็นก็กลับพร้อมกัน จนกลายเป็นความเคยชิน ต่างแทรกซึมเข้ามาในชีวิตของกันและกัน อย่างไม่รู้ตัว
หญิงสาวแอบมองเสี้ยวหน้าคมคายอยู่เป็นนาน จนกระทั่ง
“มีอะไรหรือเปล่าคุณ เอาแต่จ้องหน้าอยู่นั่นแหละ”
“ใคร....ใครคะจ้องหน้าคุณ” พิชญาเฉไฉ
“ก็อยู่กันสองคนแค่นี้จะให้เป็นใครล่ะ...เดี๋ยวปั๊ด” ชายหนุ่มหมั่นเขี้ยว ในความยอกย้อน และอาการหน้าซื่อ ตาใส ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ของสาวน้อย
“โอ้โห....วันนี้โหดน่ะ..ไม่เหมือนเมื่อคืนเลย” ประโยคท้ายหล่อนพูดสียงเบาอยู่ในลำคอ
“บ่นอะไร...หืม..”
“เปล่าค่ะ”
“อ๊ะ..อ๊ะ....อย่านะ พิชคิดเงินจริง ๆ ด้วย” หญิงสาวรีบเตือน ก่อนที่ชายหนุ่มจะเอื้อมมือมาจับหัวเธอโยกเหมือนเคย
“เขี้ยว !”
“สวัสดีค่ะ...พี่ดาว” พิชญาไหว้หญิงสาวที่เพิ่งเดินเข้ามาพร้อมกับ หอบข้าวของพะรุงพะรังเต็มมือ ล้วนแต่เป็นของกินเล่นทั้งสิ้น หล่อนเรียกให้แม่บ้านแบ่งเอาไปจัดส่งเข้าไปในห้อง และแบ่งไปแจกจ่ายกินกันในแผนก
“กลางวันนี้ว่างมั้ยคะ น้องพิช”
“ก็ว่างค่ะ วันนี้เจ้านายไม่มีนัดข้างนอกหรอกค่ะ” พิชญาตอบ เพราะคิดว่าดุจดาวอาจจะอยากถามถึงชายหนุ่มมากกว่า แต่ผิดคาด
“ดีเลยค่ะ ไปเป็นเพื่อนพี่เลือกของหน่อยนะคะ”
“อืม...มันจะไม่ทันเวลางานตอนบ่ายสิคะ เปลี่ยนเป็นตอนเย็นได้มั้ยคะ” หญิงสาวเสนอ เพราะยินดีช่วยจริง ๆ
“เอาอย่างนี้ เดี๋ยวพี่เข้าไปขอคุณราพณ์ให้”
“ก็ได้ค่ะ” พิชญารับคำ เพราะถ้าเป็นแบบนี้ เจ้านายจะมาว่าหล่อนอู้งานไม่ได้ด้วย
ณ ห้างสรรพสินค้า
“น้องพิชว่าใบไหนดีคะ” ดุจดาวพาพิชญาเข้ามาในแผนกเครื่องหนังของผู้ชาย หล่อนชูกระเป๋าสตางค์แบรนด์ดังขึ้นมาสองใบ เป็นหนังสีดำเหมือนกัน
“พิชว่าแบบสองพับดีกว่านะคะ สามพับจะหนาเกินไป” พิชญาคิดว่า สมัยนี้ไม่จำเป็นต้องพกเงินสดมากมาย แม้แต่บัตรก็มีใบเดียวก็พอ ส่วนใหญ่ก็ใช้ในมือถือกันแพร่หลายแล้ว
“พี่ก็ชอบแบบนั้นเหมือนกัน งั้นเอาใบนี้เลยแล้วกันค่ะ ห่อของขวัญให้ด้วยนะคะ” ดุจดาวส่งกระเป๋าให้พนักงาน พร้อมบัตรเครดิต
พิชญาเหลือบเห็นราคา 20,000 บาท โอยจะเป็นลม ถ้าเป็นกระเป๋าผู้หญิง หล่อนพอเข้าใจได้ แต่นี่กระเป๋าใบเล็กนิดเดียว เรียบ ๆ มีก็แต่ โลโก้เป็นโลหะสีเงินโดดเด่นออกมาบ่งบอกว่าเป็นของแบรนด์ดังเท่านั้นจริง ๆ หญิงสาวสงสัยว่าหล่อน ซื้อให้ใครกัน คงต้องเป็นคนสำคัญแน่ ๆ
ออกจากร้านกระเป๋า สองสาวก็มานั่งจิบกาแฟกับมาการอง ที่ส่งตรงจากโรงแรมดังของจังหวัดเชียงใหม่ สองสาวนั่งคุยกันอย่างสนิทสนม
“น้องพิช รู้จักคุณราพณ์มานานแล้วเหรอคะ” ดุจดาวถามหญิงสาวเหมือนชวนคุยเรื่อยเปื่อยมากกว่า
“เอ่อ! ก็ไม่นานหรอกค่ะ” พิชญา ตอบไม่เต็มเสียงนัก
“แสดงว่ารักแรกพบ” ดุจดาวเลิกคิ้ว ประหลาดใจ
“ก็ประมาณนั้นค่ะ” หญิงสาวอ้อมแอ้มตอบ หล่อนไม่สะดวกใจกับการโกหกนัก จึงไม่อยากพูดอะไรมาก
