13
“ตามใจก็แล้วกัน ไม่บอกก็ไม่อยากรู้” คุณโฉมนภาชักน้อยใจ
“โอ๋...คุณแม่อย่างอนสิ เดี๋ยวแก่เร็วนะครับ”
“ไม่ต้องทำเป็นพูดดีเลย ...เมื่อไหร่จะกลับบ้านกลับช่อง หรือต้องรอให้แม่ อกแตกตายไปซะก่อน”
“อีกสองสามวันนะครับ ช่วงนี้งานผมยุ่ง” ชายหนุ่มยื้อเวลาออกไป รอให้มารดาใจเย็นก่อน
“ก็รีบตกลงปลงใจกับใครสักคนสิลูก...ทำงานเหนื่อย ๆ จะได้มีคนดูแล ถ้าไม่ชอบหนูเรยา เดี๋ยวแม่หาคนใหม่ให้มั้ยลูก รอให้เราหาเอง เกรงว่าจะกลายเป็น เลือกนักมักได้แร่” คุณโฉมนภา นึกถึงเรื่องที่ เรยาเล่าให้ฟัง เกี่ยวกับเลขาใหม่ใจแตกของลูกชาย ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ แต่ก็ไม่อยากเอ่ยออกไปเกรงจะกลายเป็นชี้โพรงให้กระรอก
“อย่าเลยครับคุณแม่ เอาไว้ผมจะลองมองหาลูกสะใภ้ไปให้คุณแม่เองดีกว่านะครับ”
“ก็พูดแบบนี้มากี่ปีแล้ว ไม่เห็นจะได้สักที” ผู้เป็นมารดาบ่นอีกหลายคำ ก่อนจะวางหูโดยไม่รู้ความจริงอยู่ดี
ราพณ์ เร่งมือเคลียร์งานบนโต๊ะ ตลอดบ่ายแทบจะไม่ได้หยุดพัก เขาอ่านเอกสาร ทุกแฟ้มอย่างละเอียด ก่อนจะจรดปากกาเซ็นชื่อลงไปทุกครั้ง และนี่เป็นอีกหนึ่งในหลายเหตุผลที่ทำให้ธุรกิจของเขาได้รับการพัฒนารุดหน้า ไปอย่างรวดเร็ว ด้วยความพิถีพิถัน และพัฒนาอยู่เสมอไม่ยอมหยุดนิ่ง กระทั่งเลยเวลาเลิกงานมาเกือบชั่วโมง ทุกอย่างจึงเสร็จเรียบร้อย
ชายหนุ่มเดินออกมานอกห้องเห็นพิชญายังอยู่ หล่อนมักจะกลับ พร้อมหรือทีหลังเขาเป็นประจำ นึกหมั่นไส้ ที่ทำเป็นก๋ากั่น ยั่วเขาดีนัก
“วันนี้กลับบ้านค่ำหน่อย ได้หรือเปล่า” ราพณ์ถามเลขาสาว
“คะ..มีอะไรรึเปล่าคะ”
“ก็ลองไปทำกิจกรรมแบบที่คนเป็นแฟนกันเขาทำไงล่ะ”
“กิจกรรมแบบไหนกันคะ” พิชญายังงง
“ตามมาเถอะน่า” ชายหนุ่มเร่ง
ราพณ์ ขับรถพาพิชญา ออกชานเมือง หญิงสาวเริ่มกระสับกระส่าย ความคิดกระเจิดกระเจิงไปไกลเขาบอกว่ามาทำกิจกรรมแบบที่คนเป็นแฟนเขาทำกัน แต่ก็ไม่ยอมบอกว่ามันคืออะไรกันแน่
“เจ้านาย บอกมาเถอะค่ะ เราจะไปที่ไหนกัน” สาวน้อยผู้ไม่เคยเกรงกลัวใคร บัดนี้ สีหน้าและแววตาฉายชัดว่าหล่อนเริ่มไม่แน่ใจใน สวัสดิภาพของตัวเอง
“....ฮ่า...ฮ่า......ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้น ผมพาคุณมาคลายเครียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่สึกหรอ หรอกน่า” ชายหนุ่มว่าเข้าไปนั่น พูดให้มันสองแง่สองง่ามเข้าไปอีก
“ไม่นะ...จอดรถ...จอดรถเดี๋ยวนี้เลย” พิชญาตะโกนสั่งเสียงดัง เมื่อเห็นหน้าตา ท่าทางหื่น ๆ ของเขา แบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
......เอี๊ยด.......เสียงล้อรถบดกับถนน เพราะคนขับ เหยียบเบรกกะทันหัน...ขณะที่คนสั่งยังไม่ทันระวังตัว หัวทิ่มไปชนคอนโซลหน้ารถ พอดิบพอดี
“อูย......”พิชญาร้อง มือคลำหน้าผากป้อย ๆ
ราพณ์พารถเข้าจอดข้างถนนด้วยความเป็นห่วง เขาชะโงกหน้ามา พร้อมกับรั้งร่างบางเข้ามาใกล้ มือข้างหนึ่ง เสยปัดเส้นผมออกจากหน้าผาก เผยให้เห็นรอยแดงเป็นปื้น ๆ ตัดกับผิวขาวนวลอย่างเห็นได้ชัดชายหนุ่มไล้นิ้วแผ่วเบาสำรวจทุกตารางนิ้ว แต่ก็ไม่พบส่วนใดบุบสลาย
“ผมขอโทษ เจ็บมากมั้ย” ราพณ์พูดเสียงนุ่มอยู่ข้างขมับ
“เจ้านาย แกล้งพิช” หญิงสาวบ่นงอน ๆ ยกมือดันตัวเองออกจากอ้อมแขนของชายหนุ่ม ก่อนที่หล่อนเองจะคิดฟุ้งซ่านมากไปกว่านี้
“ผมไม่ได้ตั้งใจให้คุณเจ็บตัวเลยนะพิช...แค่จะเอาคืนเรื่องเมื่อกลางวัน ที่คุณจูบผม” ราพณ์พูดหน้าตาย
“ใครจูบคุณ แค่เอานิ้วแตะริมฝีปากเท่านั้นน่ะนะ” พิชญาถามเสียงสูง
“ใช่ ! ทำเป็นกล้าก๋ากั่น อย่าไปทำอย่างนี้กับใครอีก” เจ้านายหนุ่มอบรมเสียงเข้ม ทำเอาพิชญาหน้าเหวอ....ไปต่อไม่ถูก
“คุณเห็นป้ายข้างหน้ามั้ย จะเข้าไปหรือจะกลับ” ชายหนุ่ม ชี้ให้ดูป้ายใหญ่ห่างจากตรงที่จอดรถกันอยู่ ประมาณสามร้อยเมตร
“สนามยิงปืน...ไปค่ะ” พิชญายิ้มออกมาได้ เมื่อเห็นชัด ๆ ว่าเขาพามาที่ไหน
ชายหนุ่มพาสาวน้อยเข้าไปยังสนามยิงปืนสร้างใหม่ ก้าวแรกที่เข้าไปภายในอาคาร พิชญาคิดว่าจะพบกับบรรยากาศดิบ ๆ แต่ที่ไหนได้ กลับสัมผัสกับความเย็นฉ่ำ สดชื่นด้วยระบบฟอกอากาศชั้นเยี่ยม หรูหราและดูดีมากด้วย ไม่เหมือนกับภาพที่หล่อนคิด เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวได้เข้ามาในสถานที่แบบนี้ หล่อนสนุก ตื่นเต้นกับการหัดยิงปืนโดยมีชายหนุ่มเป็นครูฝึกที่ดี บรรยากาศรอบตัว อบอวลไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ
เวลาล่วงเลยไปอย่างรวดเร็ว ราพณ์ต้องบังคับพาพิชญากลับ เพราะหญิงสาวอิดออด ทำท่าไม่อยากกลับบ้านเสียแล้ว จนต้องยกคุณย่าขึ้นมาขู่
“ขอบคุณนะคะ...เจ้านาย พิชไม่เคยได้มาทำอะไรสนุก ๆ อย่างนี้มาก่อนเลยค่ะ” หญิงสาวยิ้ม ประกายตาสุกใส
“ถ้าจะให้ดี เลิกเรียกว่าเจ้านายได้แล้ว”
“แล้วจะให้เรียกว่าอะไรล่ะคะหรือว่าเรียก...ที่รัก....จะได้สมบทบาทหน่อย ดีมั้ยคะ” ยัง....สาวน้อยไม่เข็ด ยังจะกล้าแหย่เขาอีก
“อย่าล้น...”ชายหนุ่มปรายตาคมดุ เป็นการปราม
“งั้นเรียกว่า..คุณราพณ์.....โอเค มั้ยคะ” หญิงสาวอารมณ์ดี จนขี้เกียจจะเถียงกับเขา
“ตามใจ”
คืนนั้นราพณ์พาหญิงสาวส่งถึงบ้าน เกือบสี่ทุ่ม บางทีเขาอาจจะต้องเข้าไปทำความรู้จัก ฝากเนื้อฝากตัวกับผู้เป็นย่าของพิชญาเสียหน่อย เพราะคงต้องพาหลานสาวท่านตะลอนสร้างภาพคนรักกันอีกนาน อย่างน้อยเขาก็บริสุทธิ์ใจ ไม่ได้คิดหมิ่นเกียรติ สองย่าหลานเลยสักนิด
เช้าวันหยุดสุดสัปดาห์ ชายหนุ่มเดินหิ้วกระเช้าผลไม้ใบใหญ่ มายืนกดกริ่งอยู่หน้าประตูรั้ว พิชญากำลังเล่นกับเจ้าบู้บี้อยู่หน้าบ้านพอดี หล่อนกับเจ้าตัวเล็กแข่งกันวิ่งมาเปิดประตูให้กับชายหนุ่ม
“ว่ายังไงเจ้าบู้บี้...” ชายหนุ่มส่งกระเช้าให้พิชญา แล้วคว้าเจ้าบู้บี้ขึ้นมาอุ้ม ส่วนเจ้าตัวเล็กกระดิกหาง ดีใจจนออกนอกหน้า
“คุณราพณ์ มีอะไรหรือเปล่าคะ แล้วกระเช้านี่...” หญิงสาวถามด้วยความสงสัย
“อ๋อ..จะมาสวัสดีคุณย่าคุณน่ะแหละ...จะเป็นหลานเขยทั้งที ยังไม่เคยเข้ามาหาท่านเลย ดูจะเสียมารยาทไปหน่อย” ชายหนุ่มอมยิ้ม
