บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 3 ที่มาที่ไป

รัก(ไม่)แรกพบ

ตอนที่ ๒

ที่มาที่ไป

กลิ่นอาหารพื้นบ้านลอยอบอวลไปทั่วห้องโถงใหญ่ของบ้านไม้ ทั้งกลิ่นแกงเห็ดหอม กลิ่นน้ำพริกหนุ่มเผ็ดหอมฉุน และไก่ทอดสมุนไพรที่เพิ่งยกลงมาจากเตา เสียงแมลงกลางคืนคลอเป็นฉากหลัง เสริมให้ค่ำคืนนี้ของมัชฌิมาดู “ลูกทุ่ง” กว่าที่เธอเคยเจอในชีวิต

ร่างบางในชุดนอนลายการ์ตูนสีฟ้าเดินลงบันไดมาช้า ๆ ผมยาวสลวยถูกรวบหางม้าไว้หลวม ๆ หน้าสดไร้เครื่องสำอาง เธอไม่ได้ตั้งใจจะให้ใครเห็น แต่ความเหนื่อยจากการเดินทางทำให้เธอไม่คิดจะเปลี่ยนเป็นชุดอื่นให้มากพิธี

เสียงหัวเราะหึ ๆ ดังขึ้นทันทีที่เธอเดินมาถึงโต๊ะอาหาร

“ฮ่า ๆ ๆ …เธอนี่มันตัวตลกชัด ๆ ตอนกลางวันทำอย่างกับเดินแฟชั่นวีค ตอนกลางคืนกลายเป็นเด็กอนุบาล” ต้นลานหัวเราะจนแทบสำลักน้ำชา

มัชฌิมาหน้าแดงก่ำ หมอนี่นี่มันน่าเอาเล็บข่วนหล้า เอาชะแลงง้างปาก เอาที่คีบดึงหมาออกจากปากเสียบ้าง ดูท่าแค่ตะกร้อคงคุมหมาในปากเขาไม่ได้

“นี่นาย! หัวเราะอะไรของนายหา! ก็ฉันเหนื่อย จะให้แต่งชุดราตรีมากินข้าวด้วยหรือไง!” ใช่สิ คนแบบเธอเคยยอมใครที่ไหน ยิ่งเป็นเขาด้วยแล้ว ไม่มีวันที่เธอจะยอมลงให้หรอก วันนี้เขาแกล้วเธอสารพัด ซ้ำยังทำเธอขายหน้าอีก เคยเจอกันก็ไม่เคย ไม่รู้ไปโกรธไปเกลียดอะไรเธอมา

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกมั้ง แค่ไม่คิดว่า ดาวมหาลัย จะใส่ชุดการ์ตูนลายเป็ดลงมากินข้าวเท่านั้นเอง” เขายักคิ้วกวน ๆ จนเธอแทบอยากจะปาไก่ทอดใส่หน้า

หัสดินทร์ที่นั่งหัวโต๊ะหัวเราะเอ็นดู ดวงตาส่องแระกายความสมหวังบางอย่าง

“เอาล่ะ ๆ อย่าไปแหย่หนูมัดไหมนักเลยตาต้นลาน มานั่งสิลูก มากินข้าวกัน”

มัชฌิมาทำหน้าบูดแต่ก็ยอมนั่งลงตรงข้ามกับต้นลาน ข้าวสวยร้อน ๆ ถูกตักลงจาน เธอเผลอหิวจนกินคำแรกเข้าไปอย่างลืมตัว รสเผ็ดนัวของน้ำพริกหนุ่มทำเอาเธอเบิกตากว้าง

“เผ็ด! เผ็ดอะ! น้ำ ๆ ๆ” ต้นลานยื่นแก้วน้ำให้ทันทีแต่ไม่วายยิ้มกวนๆ

“อย่าบอกนะว่าน้ำพริกบ้าน ๆ ยังสู้ไม่ไหว สาวกรุงเทพฯอย่างเธอคงกินแต่อาหารฟิวชันล่ะสิ”

“ยุ่งน่า! ฉันก็แค่ไม่ชินเท่านั้นเอง” มัชฌิมาปัดปากแล้วดื่มน้ำแก้เผ็ด

หัสดินทร์หัวเราะพลางตักกับข้าวใส่จานเธอเพิ่ม

“ค่อย ๆ กินไปนะหนูมัดไหม ที่นี่อาจไม่หรูเหมือนในเมือง แต่ก็มีรสชาติบ้าน ๆ ของมัน”

บรรยากาศเริ่มคลี่คลายลงจนกระทั่งหัสดินทร์เอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงอบอุ่นปนอยากรู้อยากเห็น

“ว่าแต่…ทำไมหนูถึงอยากมาอยู่ไร่กับลุงล่ะลูก เมืองก็สะดวกสบายกว่าเยอะนี่นา”

คำถามนั้นทำเอามัชฌิมาถึงกับชะงัก ช้อนในมือหยุดกลางอากาศ เธอเหลือบมองต้นลานที่ทำท่าเหมือนรอฟังคำตอบอย่างจงใจ

“อยากมา?” มัชฌิมาหัวเราะแห้ง ๆ

“คุณลุงคะ หนูไม่เคยอยากมาเลยสักนิดค่ะ”แม้จะตอบไม่เต็มเสียงนัก แต่มันคือความจริง

หัสดินทร์เลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ

“อ้าว…ไม่อยากมา? งั้นที่มานี่…”

“ก็เพราะคุณพ่อบังคับให้มาค่ะ” น้ำเสียงเธอเจือทั้งความขุ่นเคืองและน้อยใจ

“ท่านบอกว่าหนูเอาแต่ใจเกินไป ใช้ชีวิตฟุ้งเฟ้อ ไม่รู้จักความลำบาก…เลยส่งมาฝากไว้กับคุณลุง”

หัสดินทร์หัวเราะในลำคอเบา ๆ แต่ดวงตากลับแฝงแววตัดพ้อ

“แสดงว่าหลานสาวลุงไม่ได้อยากอยู่กับลุงเลยสินะ…โถ่ ลุงก็นึกดีใจตอนที่พ่อหนูโทรมาบอกลุงว่าหนูจะมาอยู่ด้วยช่วงปิดเทอม นึกว่าหนูคิดถึงลุง น่าน้อยใจเหมือนกันนะเนี่ย”

“ไม่ใช่นะคะคุณลุง!” มัชฌิมารีบปฏิเสธ หน้าแดงน้อย ๆ

“หนูไม่ได้ไม่คิดถึงคุณลุงนะคะ แค่…มันไม่แฟร์เลย คุณพ่อเชื่อแต่คำพูดของชลาลัย…ลูกติดแม่เลี้ยงของหนู”เธอเม้มปากแน่นก่อนจะเล่าออกมาทีละน้อย ราวกับเก็บกดมานาน

"ชลาลัย ลูกติดชลธิชาใช่ไหม?" หัสดินทร์ทำท่านึกถึงเด็กสาวที่ดูท่าทางเรียบร้อยที่เพื่อนรักของเขาแนะนำว่าเป็นลูกติดของภรรยาใหม่ในวันแต่งงาน

“ใช่ค่ะ ยัยนั่นแหละ ยัยชลาลัยน่ะ ชอบแกล้งหนูตลอดเวลา ทำเป็นใสซื่อในสายตาคนอื่น แต่ลับหลังร้ายยิ่งกว่าตัวร้ายในละครน้ำเน่า! วันก่อนก็ทำเป็นร้องไห้ใส่รอยแดงบนแขนตัวเองแล้วฟ้องพ่อว่าหนูผลักเธอ ทั้งที่จริง ๆ เธอสะดุดล้มเอง! แต่คุณพ่อก็ไม่ฟังหนูเลยสักคำ หาว่าหนูเอาแต่ใจ เอาแต่โทษคนอื่น”

ต้นลานวางช้อนช้า ๆ ฟังด้วยสีหน้าที่แปลกไปนิด ไม่ได้ยียวนเหมือนก่อนหน้า

มัชฌิมายกหลังมือปาดน้ำตาเร็ว ๆ

“พอหนูอธิบาย พ่อก็ยิ่งโกรธ ท่านบอกไม่มีใครเขาทำตัวเป็นละครน้ำเน่า แบบนั้น ท่านหาว่าหนูใส่้ายชลาลัย ท่านบอกว่าให้มาอยู่ที่นี่กับคุณลุง จะได้รู้จักคำว่าลำบากนิสัยจะได้ดีขึ้น รู้จักเห็นอกเห็นใจคนอื่นบ้าง”พูดถึงตรงนี้มือบางก็ยกปาดน้ำตาเร็วๆอีกครั้ง ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจที่คิดว่าพ่อไม่รัก ที่โดนพ่อขับไล่ไสส่งให้มาลำบาก อีกทั้งยังมีความรู้สึกเหนื่อยบ้าตลอดการเดินทางทั้งวัน ทำให้หญิงสาวไม่อาจกลั้นน้ำตาได้อยู่จริงๆ

โต๊ะอาหารเงียบไปพักหนึ่ง หัสดินทร์ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะเอื้อมมือมาตักแกงใส่จานของเธอ

“ลุงขอโทษแทนพ่อหนูด้วยนะที่ทำให้หนูรู้สึกไม่เป็นที่รัก…แต่เชื่อเถอะ การอยู่ที่นี่อาจทำให้หนูได้เจออะไรบางอย่างที่ต่างไปจากในเมือง ที่นี่มีอะไรสนุกๆให้ทำเยอะแยะไปหมดเลยนะ”

ต้นลานเอ่ยขึ้นบ้าง น้ำเสียงขี้เล่นหายไป กลายเป็นจริงจังขึ้น

“ถึงเธอจะนิสัยไม่ดีเหมือนที่พ่อเธอว่าแต่อย่างน้อยอยู่ที่นี่ก็เจอคนงานสุดหล่อคนนี้ไง”มัชฌิมาหันขวับ เธอลืมได้ยังไงว่าเขายังอยู่ตรงนี้

“นายยังไม่เลิกอีกใช่มั้ย! หลายรอบแล้วนะ แล้วยังกล้ามาชมว่าตัวเองหล่อ มั่นใจฉันไม่ว่าแต่มั่นหน้าขนาดนี้ก็ไม่ไหวนะ”

เสียงหัวเราะดังลั่นโต๊ะ แต่คราวนี้ไม่ได้มีแค่ต้นลาน แต่รวมถึงหัสดินทร์ที่หัวเราะเอ็นดูด้วย

บรรยากาศมื้อค่ำที่ดูเคร่งเครียดในตอนแรก จึงกลายเป็นความอบอุ่นปนเสียงหัวเราะที่แปลกใหม่สำหรับมัชฌิมา…

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel