รัก(ไม่)แรกพบ

64.0K · ยังไม่จบ
พอลอที่แปลว่าไพลิน
32
บท
1.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

-

นิยายรักโรแมนติกผู้ชายอบอุ่นดาวมหาลัยรักแรกพบฟินๆแฮปปี้เอนดิ้งโรแมนติกรักหวานๆความสัมพันธ์ไม่ชัดเจนรักแท้

ตอนที่ 1 คนแบบนี้ก็มีด้วย

รัก(ไม่)แรกพบ

ตอนที่ ๑

คนแบบนี้ก็มีด้วย

"นี่นาย!!! นาย!!! ไอ้บ้าเอ๊ย!!" ร่างบางระหงในกระเดรสหนังสีดำรัดรูป กำลังจะทรงตัวบนรองเท้าส้นสูงสี่นิ้วที่ตัวเองเลือกใส่มาไม่อยู่ จนต้องตะโกนขอความช่วยเหลือจากคนที่เดินนำหน้า

"อะไร?" เสียงตอบกลับมาช่างเย็นชานัก มันอาจจะดูเป็นปกติสำหรับคนที่นี่แต่สำหรับคุณหนูมัชฌิมา อรุณรักษ์ นักศึกษาคณะสังคมศาสตร์ชั้นปีที่สี่ที่พ่วงตำแหน่งดาวมหาลัยอย่างเธอมันไม่ปกติเลยสักนิด หมอนี่มันไม่มีมารยาทเลยสักนิด

"นายว่าฉันเป็นผู้หญิงไหม?"

"ก็ไม่มีตรงไหนดูเป็นผู้ชายนี่ ถามอะไรไร้สมอง"

กรี๊ดดดด!!! นั่นควรเป็นคำพูดออกจากปากผู้ชายหรือไง ทำไมหมอนี่ถึงพูดได้หน้าตาเฉย

"งั้นเอาใหม่ นายว่านายเป็นผู้ชายไหม"อดทนไว้มัดไหม เธอต้องอดทนไว้ เธอต้องใช้ความสวยที่มีให้เป็นประโยชน์ เธอต้องใช้ประโยชน์จากผู้ชายตัวโตๆตรงหน้านี้

"ผมก็ไม่ได้ใส่กระโปรงนะ นี่เธอแกล้งโง่หรือโง่จริงเนี่ย คำถามแต่ละอย่างมันได้ผ่านกระบวนการคิดหรือวิเคราะห์บ้างไหม?"

ไม่ไหวแล้วโว้ย!!! หมอนี่มันเกินจะเยียวยาจริงๆ เธอพูดขนาดนี้แล้วเขาควรจะเอะใจบ้างไม่ใช่ตีมึนแบบนี้!!!

"ก็ถ้าฉันเป็นผู้หญิง แล้วนายเป็นผู้ชาย นายเห็นอะไรไหม?" มัชฌิมาพูดพร้อมพายมือไปที่กระเป๋าเดินทางใบโตสองใบที่ใส่สัมภาระของเธอมา และใช่เธอทั้งลาก ทั้งยกมันขึ้นเนินตามเดินตามเขามาถึงที่นี่

"กระเป๋า?"

"ใช่ กระเป๋า!!"

"แล้วยังไง?"

"นายก็ควรช่วยฉันถือไหมล่ะ แต่นี่นายเดินตัวปลิวทิ้งให้ฉันทั้งลาก ทั้งยก มาคนเดียวตลอดทางเลย แล้วเนี่ยต้องเดินอีกไกลแค่ไหนก็ไม่รู้ นายไม่คิดจะมีน้ำใจช่วยฉันถือสักนิดเลยหรือไง" คิดถึงตรงนี้แล้วอดโมโหไม่ได้ คนขับรถจอดส่งเธอกับเขาตรงทางเข้าไร่ พอเธอถามเขา เขากลับบอกว่ารถเข้าไปไม่ได้ ต้องเดินเท้าอย่างเดียว ข้ามภูเขาอีกสองลูกลูกก็ประมาณสิบกิโลเมตร ตอนนั้นเธอแทบจะกรีดร้อง ลำพังระยะทางสิบกิโลเมตรมันก็กันดานมากแล้วนี่ต้องข้ามภูเขาอีกสองลูก คุณลุงหัสดินทร์เจ้าของไร่เพื่อนของพ่อเขาคิดอะไรอยู่ถึงมาสร้างไร่อยู่ใจกลางป่าเขาลำเนาไพรไกลขนาดนี้

"กระเป๋านั่น...ของใคร?" เสียงทุ้มดูน่าฟังถามขึ้น ทำให้มัชฌิมาหลุดจากภวังค์ความคิดของเธอทันที

"ของฉัน.."

"ใช่ กระเป๋าเป็นของเธอ"

"นี่นายไม่เข้าใจที่ฉันพยายามจะบอกใช่ไหม?" มัชฌิมาอดหัวเสียอีกครั้งไม่ได้ หมอนี่ไม่ได้ซื้อบื่อ แต่หมอนี่กำลังกวนประสาทเธออยู่ชัดๆ

"ในกระเป๋าเธอมียารักษาโรคไหม หรือพวกอุปกรณ์ปฐมพยาบาลอะไรพวกนี้" หมอนี่ตั้งคำถามอะไรพิลึกชะมัด

"จะไปมีได้ยังไง ใครจะบ้าพกของแบบนั้น"

"เธอรู้ไหมว่ากลางคืนที่นี่หนาวมาก จำเป็นต้องมีเสื้อผ้าหนาๆสำหรับให้ความอบอุ่นร่างกาย ในนั้นคงมีสักตัวสองตัวใช่ไหม?"

"ไม่มี" มันจะไปมีได้ยังไง อะไรคือหน้าหนาว เธอเกิดและโตที่กรุงเทพ เมืองที่มีแต่ฤดูร้อนกับร้อนมากเท่านั้น แต่พอเห็นสีหน้าคนตรงหน้ามัชฌิมาก็จำเป็นต้องอธิบายต่อ

"ก็ที่กรุงเทพมันไม่หนาว อีกอย่างที่นี่คงไม่ยากไร้ขนาดผ้าห่มก็ไม่มีให้แขกหรอกใช่ไหม?"เธออธิบายเสียงอ้อมแอ้ม เธอลืมคิดถึงตรงนี้ไปได้ยังไง หรือเพราะตอนเธอจัดกระเป๋าเธอกำลังโมโห ทำให้เธอลืมไตร่ตรองให้ดี

"อย่างน้อยเธอก็ควรมีความรู้พื้นฐานด้านภูมิศาสตร์บ้าง นี่ภาคเหนือนะ แล้วนี่ก็ฤดูหนาวด้วย อีกอย่างเสื้อผ้าก็เป็นปัจจัยสี่นะ เธอนี่มันไร้สมองจริงๆ"

"นี่!!! คำก็ไร้สีมอง สองคำก็ไร้สมอง ถ้าฉันไร้สองมองนายก็ไร้จิตสำนึก ไร้น้ำใจ ไร้ความเป็นสุภาพบุรุษเหมือนกัน!!!" ความอดทนของเธอหมดลงทันทีที่โดนเขาตำหนิ หมอนี่เป็นใครถึงกล้ามายืนด่าเธอฉอดๆแบบนี้แค่คนงานในไร่ของคุณลุงหัสดินทร์เท่านั้น คอยดูนะถ้าเธอเจอคุณลุงเมื่อไหร่ เธอจะฟ้องและขอร้องให้เขาไล่หมอนี่ออกคนแรกเลย

"แล้วในกระเป๋าเธอมีอะไรบ้างล่ะ" เขาถอนหายใจก่อนจะถามเธออีกครั้ง

"ก็เสื้อผ้า พวกเดรส เครื่องสำอางค์ รองเท้า แล้วก็เครื่องประดับ"

"ทั้งสองใบเลยเหรอ?"

"ใช่สิ ฉันเป็นผู้หญิงนะ ก็ต้องมีของพวกนี้อยู่แล้ว" มัชฌิมาตอบอย่างไม่เข้าใจ เขาจะถามเรื่องพวกนี้ไปทำไม หมอนี่กำลังทำให้เธอเป็นไบโพล่า อารมณ์เธอเหวี่ยงขึ้นเหวี่ยงลงตลอดเวลา ตลอดปิดเทอมนี้ถ้าเธอต้องอยู่กับหมอนี่ กลับบ้านไปเธอต้องไปพบจิตแพทย์แน่ๆ

"แล้วเธอคิดว่าระหว่างสองใบนี้ ใบไหนจำเป็นมากกว่ากัน"

"มันก็ทั้งสองใบนั่นแหละ ใบนี้มีรองเท้ากับเสื้อผ้า ส่วนใบนี้ใส่พวกเครื่องสำอางค์และก็ของใช้อื่นๆ"

"สรุปใบนี้สินะ" เขาชี้ไปที่ใบแรก

"ทั้งสองใบ นี่นายฟังที่ฉันพูดไหมเนี่ย!!!" อะไรของหมอนี่อยู่ไปก็มาถามว่าใบไหนจำเป็นมากกว่ากัน ของในกระเป๋าทุกชิ้นจำเป็นหมดสำหรับเธอทั้งนั้นแหละ เธอเลือกไม่ได้หรอก

"ฉันบอกให้เธอเลือกไปที่จำเป็น"

หมอนี่ไม่เข้าใจที่เธอพูดเลยสักนิดหรือไง เธอพูดจนปากจะฉีกถึงรูหูแล้วว่าจำเป็นทั้งสองใบ ยังจะให้เธอเลืออยู่ได้ ไม่!! เธอไม่เลือก เธอเลือกไม่ได้หรอกว่าอะไรจำเป็นมากกว่ากัน

"สรุปจะไม่เลือกใช่ไหม ได้!! ถ้างั้นฉันจะเลือกให้เธอเอง" เขาดึงกระเป๋าใบที่สองที่เธอบอกว่าใส่เครื่องสำอางค์พวกเครื่องประดับออกจากมือเธอ ตอนแรกมัชฌิมาเองก็นึกดีใจที่เขาเข้าใจสิ่งที่เธอพยายามร้องขอมาตลอดสักที ก่อนที่ความรู้สึกจะดับวูบไป เพราะเขาใช้เท้าถีบกระเป๋าเดินทางใบนั้นไหลลงไปตามทางเดินที่เธอเพิ่งลากมันขึ้นมา

"นี่นาย!!! ทำบ้าอะไร นั่นมันกระเป๋าฉันนะ!!" มัชฌิมาโวยวายเสียงหลง มองตามกระเป๋าเดินทางที่ไถลไปตามทางเดินด้วยความตกใจ

"เอาแค่ของที่จำเป็นก็พอ" มัชฌิมากำหมัดแน่น เธออยากจะซัดหน้าของเขาสักหมัดสองหมัดเพื่อระบายความแค้นที่มันสุมอก แต่พอเห็นขนาดตัวแล้ว อย่าดีกว่า เธอกลัวว่าตัวเธอเองจะถูกโยนตามกระเป๋าใบนั้นไปอีกคน หรือถ้าแย่กว่านั้น เขาอาจจะใช้เท้าถีบเธอเหมือนที่ถีบกระเป๋าของเธอก็ได้ มัชฌิมาได้แต่เก็บความแค้นไว้ในใจ ก่อนจะก้าวเพื่อจะตามไปเก็บกระเป๋าของเธอแต่ต้องชะงักเมื่อเสียงที่เธอคิดว่ามันน่าฟังในตอนแรกดังขึ้นอีกครั้ง

"ถ้าเธอจะตามลงไปเก็บกระเป๋าของเธอก็ได้นะ แต่นี่ก็เย็นมากแล้วกว่าจะเดินไปถึงบ้านพัก ผมคงไม่รอเธอกลับมา"

"...."

"ไม่ได้ห้ามนะ เอาที่เธอสบายใจเลย"

"นายกำลังขู่ฉันนะ เผื่อลืมไปว่าฉันเป็นแขกของคุณลุงหัสดินทร์ที่เป็นเจ้าของไร่ เจ้านายของนายของนาย อย่าให้ฉันได้ฟ้องคุณลุงนะว่านายให้ฉันลากกระเป๋าเอง แล้วยังถีบกระเป๋าฉันทิ้งด้วย!!!" ในเมื่อหมอนี่ทำตัวไม่น่ารักกับเธอก่อน เธอก็จำเป็นต้องเอาคุณลุงหัสดินทร์มาขู่เขาคืนบ้าง คิดว่าตัวเองเป็นใคร ลูกชายเจ้าของไร่หรือยังไงถึงวางมาดใหญ่โตขนาดนี้

"โถ่ คุณคนสวยครับ อย่าถึงขั้นต้องฟ้องคุณท่านเลยนะ ผมยังไม่อยากตกงาน กระเป๋าใบนี้ผมถือให้เองครับ" เขามองหน้ามัชฌิมาอย่างสงสัยก่อนจะเปลี่ยนท่าทีจากที่ดูหยิ่งผยองในตอนแรกเป็นประจบสอพลอแทนแทบทันที

"ก็ยังดีที่รู้ตัว แล้วกระเป๋าใบนั้นของฉันที่นายถีบไปเมื่อกี้ล่ะ" มัชฌิมาไม่วายทวงถามถึงกระเป๋าอีกใบที่นอนนี้ไม่รู้ไปนอนแอ้งแม้งตรงไหนของทางเดิน

"เดี๋ยวผมให้คนงานมาตามเก็บไปให้ทีหลังนะครับ"เขาตอบด้วยท่าทีนอบน้อม ต่างจากตอนแรกมากทีเดียว ทำให้มัชฌิมาอารมณ์ดีขึ้นเล็กน้อย

"ก็ยังดี" หญิงสาวดันกระเป๋าส่งให้อีกฝ่าย ก่อนจะเดินนำหน้าอย่างผู้ชนะ

"ยัยนี่ไม่รู้จริงๆสินะว่าเราเป็นใคร คนแบบนี้ก็มีด้วย" เขาส่ายหน้ามองตามร่างระหงที่เดินไปอย่างทุลักทุเล แต่ก็ยังฝืนประคองตัวอยู่ คนแบบนี้ก็มีแหะ