บท
ตั้งค่า

ตอนที่8 เราเคยรู้จักกัน

“พูดให้ฟังนะชา” น้ำเสียงเรียบนิ่งแต่ติดดุดันดังขึ้นอย่างหงุดหงิดกับความดื้อรั้นของเธอ

“!” และมันก็ทำให้มือบางของลาทิชาชะงักนิ่ง ลมหายใจผิดจังหวะอย่างควบคุมไม่ได้

เธอค่อยๆ หันกลับไปมองคนข้างหลังอีกครั้ง มองพิจารณาใบหน้าของเขาที่เธอรู้สึกคุ้นเคยแต่นึกไม่ออกจนตอนแรกเผลอคิดว่าคิดมากไป แต่หลังจากได้ยินเขาเรียกชื่อของเธอออกมาอย่างสนิทสนม มันกลับทำให้เธอยิ่งรู้สึกว่าเธอกับเขาเหมือนเคยรู้จักกัน

“เฮีย...รู้จักหนูด้วยเหรอ” ลาทิชาถามเขาอย่างต้องการคำตอบ ไม่ได้สงสัยเลยว่าเขาจะรู้จักเธอจากชื่อที่ติดตัวนั่น เพราะการเรียกขานที่ดังออกจากปากของเขามันบ่งบอกว่าเขา รู้จักเธอ

“ไปเก็บของ” เขาไม่ตอบสิ่งที่เธอถามแต่สั่งเธอขึ้นแทน

“บอกหนูมาก่อนสิว่าเฮียรู้จักหนูด้วยเหรอ หรือว่าเราเคยรู้จักกันมาก่อนหรือเปล่า” เธอยังคงดื้อรั้นเอาคำตอบให้ได้

“อืม” ปราชญ์ตอบกลับสั้นๆ อย่างไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเลยสักนิด

“รู้จักหนูได้ยังไง แล้วหนูรู้จักเฮียไหม เราไปรู้จักกันตอนไหน” เธอรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก ถามเขาอย่างต้องการคำตอบมากกว่านี้

“ไปเก็บของ” เขาสั่งอีกครั้งอย่างไม่ตอบคำถามของเธอ

“หนูย้ายหอไม่ได้หรอกค่ะ ตรงนี้มันถูกและสะดวกกับการเดินทางที่สุดแล้ว” เธอบอกเหตุผลกับเขาออกไปอย่างไม่ปิดบัง เพราะหากหาที่ใหม่แล้วสะดวกกับการเดินทาง ไม่อยากคิดถึงค่าใช้จ่ายเลย

“อย่าต้องให้พูดซ้ำ” ครั้งนี้เสียงเขาเข้มขึ้นอย่างเริ่มหงุดหงิดที่เธอพูดไม่ฟัง

“แล้วเฮียจะให้หนูไปอยู่ที่ไหน มันกะทันหันเกินไป” ให้เธอเก็บของแล้วหลังจากนั้นล่ะ ยังไม่ได้หาที่อยู่ใหม่เลย แม้ใจจะยังประท้วงไม่คิดจะย้ายก็ตาม แต่หากย้ายจริงจะหาที่ไหนได้ทันทีเดี๋ยวนี้

“.....” สายตาเรียบนิ่งดุขึ้นอย่างเห็นได้ชัด มองเธอเป็นการเตือนให้รู้แล้วว่าถ้าเขาต้องพูดอีกรอบ อาจจะไม่ใช่แค่พูดดีๆ หรือพูดเปล่า เป็นการข่มขู่ด้วยสายตาไร้สุ้มเสียงแต่กลับน่ากลัวอย่างมาก

“ค่ะ” ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะความกลัว แต่อีกส่วนอื่นล่ะเพราะอะไรกันนะเธอถึงได้ยอมตอบรับออกไปอย่างว่าง่ายแบบนี้

พาตัวเองลงจากรถเดินเข้าไปห้องพักแล้วจัดการเก็บของใช้ส่วนตัวที่ไม่ได้มีมากมายอะไรใส่กระเป๋า แล้วออกจากหอพักมาที่รถของเขาอีกครั้ง

ก็ต้องรอดูไปก่อนว่าเขาจะทำอะไรกับเธอ หากเอาเธอไปทิ้งในหอพักดีๆ แล้วราคาที่เธอรับไม่ไหว สุดท้ายเธอก็คงต้องแอบย้ายกลับมาที่นี่เหมือนเดิม ก็ได้แต่ภาวนาว่าห้องมันจะว่างรอให้เธอย้ายกลับมานะ ไม่อย่างนั้นเงินที่หาได้แต่ละเดือนคงหมดไปกับค่าเช่าแน่ๆ

ลาทิชานั่งรถมากับปราชญ์สักพักก็ถึงคอนโดหรูแห่งหนึ่ง นั่นทำให้เธอต้องหันไปมองคนขับ

“พาหนูมาที่นี่ทำไมคะ...”

“อย่าบอกว่าจะเช่าที่นี่นะ!” อย่าบอกว่าจะให้เธอมาอยู่ที่นี่นะ เงินเดือนทั้งเดือนเธอก็จ่ายไม่ไหวหรอก แค่อพาร์ทเม้นท์ทั่วไปหรือแม้แต่คอนโดมาตรฐานทั่วไปราคาก็เกือบหมื่นจนถึงหมื่นและเธอก็จ่ายไม่ไหวแล้ว

แต่นี่มันคอนโดหรูเลยนะ หรูแบบราคาแปดหลักขึ้น ราคาเช่าไม่ต้องพูดถึง ไม่ต่ำกว่าเดือนเป็นแสนแน่

“ลงมา” เขาไม่ได้ตอบคำถามของเธอแต่ออกคำสั่งก่อนจะดับเครื่องยนต์แล้วลงจากรถไป

“.....” ลาทิชาลังเลไม่น้อย แต่ก็ยอมลงตามก่อนรถจะล็อก ถือกระเป๋าเสื้อผ้ากึ่งวิ่งกึ่งเดินตามเขาเข้ามาด้านในคอนโดอย่างไม่ค่อยเข้าใจอะไรเท่าไหร่

แต่เขาไม่ได้ไปติดต่อกับพนักงาน หรือว่าที่นี่จะเป็นคอนโดของเขาอยู่แล้ว?

แต่ถ้าใช่แล้วทำไมเขาพาเธอมาที่นี่ล่ะ นอนด้วยกันคืนเดียวเขาต้องใจดีกับเธอขนาดนี้เหรอ

ไม่สิ เขารู้จักเธอ หรือเพราะรู้จักกันเขาเลยอยากช่วยเหลือเธอ?

ไม่ว่าจะคิดอะไรก็ไม่ได้คำตอบ ทำได้เพียงเดินตามเขาไปเงียบๆ จนกว่าจะได้คำตอบ

ลิฟท์หรูพาปราชญ์และลาทิชามาหยุดชั้นสามสิบสอง เปิดเข้ามาเจอกับโถงทางเดินและประตูหน้าห้องทันที เขาก้าวนำโดยไม่พูดอะไร ไม่สนใจแม้สายตาสงสัยของเธอ สแกนคีย์การ์ดลงประตูบานใหญ่สองบานนำเข้าห้อง

“ตกลงเฮียจะบอกหนูได้หรือยังคะว่าพาหนูมาทำอะไรที่นี่ แล้วเฮียเป็นใครกันแน่” เธอยอมเดินตามเข้ามาอย่างไม่มีความคิดว่าเขาจะทำร้ายเธอเลยสักนิด แต่เธอก็ยังต้องการคำตอบที่สงสัยจากเขาเหมือนเดิม

“พักอยู่ที่นี่ก่อน หาที่พักได้แล้วค่อยไป” เขาหันมาบอกพร้อมกับชี้ไปยังห้องรับแขกที่ว่างอยู่ให้เธอได้อยู่ห้องนั้น

“ถ้าเฮียไม่บอกว่าเป็นใครหนูไม่อยู่กับเฮียนะคะ” แม้จะดูตลกเพราะเก็บเสื้อผ้าตามเขามาขนาดนี้แล้วแท้ๆ แต่เพราะอยากรู้อะไรบ้างเลยทำให้ความดื้อรั้นปรากฏออกมาต่อหน้าเขา

“.....” เขามองความดื้อรั้นของเธอนิ่ง คนที่เขาพามาอยู่ในที่ที่ดีกว่าแต่กลับยังไม่ยอมง่ายๆ เพียงเพราะไม่ได้คำตอบ

“.....” ลาทิชาก็มองตอบอย่างไม่เกรงกลัวเพื่อรอคำตอบจากเขา

“ปราชญ์” และในที่สุดคำตอบสั้นๆ ก็ดังออกจากปากของปราชญ์ บอกชื่อของตัวเองออกไปอย่างไม่สนใจว่าเธอจำได้หรือไม่

“ปราชญ์...” ลาทิชาได้ยินแบบนั้นก็ทวนคำพูดสั้นๆ ของเขาอย่างไม่ค่อยเข้าใจ พยายามนึกคิดว่าเขาหมายถึงอะไร ชื่อตัวเอง หรือชื่อของใคร

“.....” ปราชญ์มองเธอนิ่งไม่ได้บอกอะไรมากกว่านี้ หากจำไม่ได้ก็ช่วยไม่ได้ และไม่ใช่เรื่องของเขาที่ต้องทำให้เธอนึกออก

“พี่ปราชญ์!?” แต่หลังจากยืนคิดยืนงงมาสักพัก เหมือนความทรงจำอันแสนไกลของเธอจะผุดขึ้นมา เธอทวนถามเขาออกไปเพื่อความแน่ใจ มองเขาอย่างต้องการคำยืนยันจากปากทั้งตื่นเต้นตกใจและดีใจ

“.....” เขาไม่ตอบ มองเธอนิ่ง

แต่ความนิ่งของเขานี่แหละที่เป็นคำตอบให้เธออย่างดี

ไม่ใช่ว่านิ่งเพราะปฏิเสธ แต่นิ่งแบบที่เธอพอจะจำได้ว่าตอนเด็กเคยคุ้นเคยกับสายตานี้ที่ไหน

“พี่ปราชญ์ พี่ชายของพี่ปราบใช่ไหมคะ” เธอถามออกไปด้วยรอยยิ้มอย่างมั่นใจแล้วว่าใช่ ใช่พี่ชายผู้นิ่งเงียบที่ชอบมาเฝ้าพี่ปราบเล่นกับเธอในวัยเด็ก คนที่ชอบมองทุกอย่างนิ่งๆ ยิ้มยากๆ

เธอจำเขาได้แล้ว

“พี่...เอ่อ เฮียจำหนูได้ด้วยเหรอคะ” ลาทิชาตื่นเต้นไม่น้อยที่ได้เจอกับคนที่เคยรู้จักกันในวัยเยาว์อีกครั้ง แต่ไม่อยากเชื่อว่าเขาจะจำเธอได้จนต้องถามออกไป ถามด้วยคำเรียกขานที่ไม่รู้ว่าต้องเรียกยังไงถึงจะถูก

แต่เพราะเขาอยู่ในฐานะเจ้านาย สุดท้ายก็เรียกแบบเดิมเหมือนก่อนหน้า

“อืม” อาจเพราะครั้งสุดท้ายที่เขาเจอกับเธอก็ตอนเธอแปดขวบ ซึ่งตอนนั้นเขาอายุสิบหกปีแล้ว โตให้จดจำเรื่องราวได้มากมาย ใบหน้าของเธอแม้จะเปลี่ยนไปบ้างแต่ก็คงเค้าเดิมในวัยเด็ก พอได้เห็นชื่อก็ยิ่งมั่นใจ

เพราะแบบนั้นเขาถึงไม่อยากฉวยโอกาสกับคนไร้สติอย่างเธอตั้งแต่แรก

“ดีจัง” ลาทิชาพูดอย่างดีใจที่ยังมีคนจดจำเธอได้แม้เวลาจะผ่านไปนานเป็นสิบปีแล้ว

“ทำไมทำงานที่คลับ” ในเมื่อรู้แล้ว่าเขาเป็นใคร ทีนี้ก็คงตอบคำถามเขาได้แล้ว ไม่รอช้ายิงคำถามออกไปทันที

เขาจำได้ว่าหลังจากพ่อแม่เธอเสียลุงกับป้าก็รับไปเลี้ยงดู ตอนนั้นปราบน้องชายของเขางอแงคิดถึงเธอไม่น้อยเพราะบ้านอยู่ไกลกัน

และด้วยฐานะของครอบครัวเธอก็ถือว่าร่ำรวยมาก มันแปลกเกินไปที่จะไม่มีเงินไว้ให้เธอใช้จนต้องไปทำงานและมีชีวิตความเป็นอยู่อย่างที่เขาเห็น

“หนูยังไม่ได้สิทธิ์ดูแลทรัพย์สินด้วยตัวเองค่ะ” ด้วยอายุที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะทำให้สิทธิ์พวกนั้นยังอยู่กับลุงและป้า อยู่ตั้งแต่แรกที่เธออยู่กับพวกเขา นั่นเลยทำให้เธอไม่มีเงินติดตัว

“หมายความว่ายังไง” อย่าบอกว่าลุงกับป้าของเธอไม่ให้เงินเธอเลยอย่างนั้นเหรอ

“ช่างเถอะค่ะ รอถึงเวลาหนูค่อยทวงทุกอย่างกลับคืน” เธอไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้เท่าไหร่ ได้แต่รอเวลาที่เหมาะสมพอจะสู้กับพวกเขาได้ค่อยกลับไปทวงของพ่อแม่ตัวเองคืน

แม้จะรู้ดีว่าอาจจะไม่เหลือตกถึงเธอ หรือคงเหลือเงินไม่เท่าไหร่ก็ตาม

“.....” ปราชญ์มองหญิงสาวตรงหน้าอย่างไม่ได้พูดอะไร แต่ดูไปแล้วการไปอยู่กับลุงและป้าของเธอหลังพ่อแม่เสียคงไม่ได้ง่ายเลยสักนิด

“ขอบคุณเฮียปราชญ์มากนะคะที่ให้หนูมาอยู่ที่นี่ด้วย แต่จริงๆ เฮียไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้” ลาทิชายกมือไหว้เขาอีกครั้งก่อนจะพูดอย่างซาบซึ้ง เขากับน้องชายยังคงใจดีกับเธอไม่เปลี่ยนเลย

“ได้ต่อมหา’ลัยไหม” เขาไม่ได้สนใจสิ่งที่เธอพูดก่อนจะถามสิ่งที่อยากรู้ต่อ ถ้าจำไม่ผิดตอนนี้เธอน่าจะอายุสิบแปดสิบเก้าแล้ว

“ก็เพราะต่อนั่นแหละค่ะถึงต้องทำงานหาเงิน” แม้จะกู้เรียนทุกอย่างเท่าที่กู้ได้ แต่ก็ใช่ว่าจะพอสำหรับการใช้ชีวิตในการเรียน

“ไปพักได้แล้ว” เขาพูดขึ้นแค่นั้นโดยไม่ได้ถามต่อ เดินเข้าห้องของตัวเองไปดื้อๆ

“.....” ลาทิชามองตามอย่างไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่กับท่าทางของเขา เพราะเขาไม่ได้เปลี่ยนไปจากตอนเด็กเลย...ไม่สิ เป็นมากกว่าตอนเด็กอีก

เธอได้แต่มองซ้ายมองขวาอย่างสับสนว่าจะเอายังไงต่อไป จะยอมอยู่ที่นี่ตามที่เขาสั่งหรือจะเดินออกไปตอนนี้เลย

ไม่รู้ว่าจะอยู่ด้วยกันในฐานะอะไร ถึงจะบอกว่าเคยรู้จักกันแต่ก็รู้สึกเกรงใจ แต่จะออกไปก็กลัวว่าเขาจะโมโหและพาลใส่งานของเธอ

“เฮ้อ!” ลาทิชาระบายลมหายใจออกมาอย่างหนักใจ แต่สุดท้ายก็พาตัวเองเดินไปยังห้องที่ปราชญ์ชี้ก่อนหน้านี้

เธอจะลองอยู่ที่นี่ก่อนสักวันสองวันก็แล้วกัน ดูท่าทีของเขาไปก่อน หากเขาทำเพราะสงสารและเอ็นดูเธอเหมือนวัยเด็กก็ค่อยว่ากันอีกที บางทีอาจจะมีทางออกที่ไม่ต้องหนักใจหรือเกรงใจกันแบบนี้

แต่...

“เดี๋ยว” แล้วเขาก็เรียกเธอไว้อีกครั้งเมื่อนึกบางอย่างขึ้นได้

“คะ” มือพึ่งยื่นไปถึงด้ามบิดก็ต้องชะงักด้วยความตกใจกับเสียงเรียบนิ่งที่ดังขึ้น

“ลงไปซื้อยาคุมฉุกเฉินมากินก่อน” เขายื่นคีย์การ์ดให้เธอแล้วบอกสิ่งที่หลงลืมก่อนหน้านี้ไป

“เอ่อ...ค่ะ” เพราะมีเรื่องเกิดขึ้นพร้อมกันมากมายทำให้หลงลืมเรื่องก่อนหน้าไปชั่วขณะ พอได้ยินมันขึ้นมาก็รู้สึกทำตัวไม่ถูกขึ้นมา

ใบหน้าแดงขึ้นอย่างทำตัวไม่ค่อยถูก ยิ่งรู้ว่าเขาเป็นใครและเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นะหว่างเรา มันกลับยิ่งทำให้รู้สึกกระอักกระอ่วนมาก แต่ก็รับไปรับคีย์การ์ดแล้วหลบหน้าเขาเข้าห้องมาทันที

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel