บท
ตั้งค่า

ตอนที่9 ให้ทำอะไรก็ทำ

เมื่อถึงเวลาเดิมที่คุ้นชิน ลาทิชาก็ลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวสำหรับออกไปทำงาน การย้ายมานอนที่นี่เป็นวันแรกไม่รู้ทำไมเธอถึงได้หลับสนิทลืมเรื่องหนักใจในตอนแรกไปอย่างง่ายดาย

ดูเชื่อใจเขาวง่ายเกินไปหรือเปล่านะ

ช่างเถอะ

เมื่อจัดการตัวเองเรียบร้อยลาทิชาก็ออกจากห้องพักแสนหรูหรามา เจอกับร่างสูงเจ้าของห้องที่นั่งไขว่ห้างอยู่โซฟาหรูตัวใหญ่กลางโถง ใบหน้าหล่อเหลาก้มมองจอในมือทำให้เธอเผลอมองอย่างลืมตัว

สายตาของเขายังทำให้เธอคุ้นเคยได้ก็จริง แต่หน้าตาของเขาหล่อเหลาจนเธอจำไม่ได้เลยสักนิด หรือเพราะตอนนั้นเธอยังเด็กเกินกว่าจะมองถึงความหล่อนี้เลยไม่ได้จดจำอะไรมาก

“.....” เหมือนคนถูกมองรู้ตัว เขาเงยหน้าขึ้นจากจอมองสบตากับเธอนิ่ง

“!...เอ่อ หนูไปทำงานก่อนนะคะ” เธอรีบดึงสติกลับมาก่อนจะบอกเขาอย่างไร้พิรุธแล้วรีบเดินตรงไปที่ประตูบานใหญ่ออกจากห้องไปทันที

ปราชญ์ไม่ได้ถามหรือสนใจ ก้มลงมองจอในมือของตัวเองต่อ ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเองราวกับไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปหรือมีใครแทรกเข้ามา

Club…

เพราะเมื่อวานได้ประสบการณ์น่าสะพรึงกลัวมา ทำให้วันนี้ลาทิชาระวังตัวเองมากกว่าปกติ เธอไม่รับแก้วจากลูกค้าเลยสักคนแม้จะเป็นลูกค้าประจำ ทำหน้าที่เพียงรับออเดอร์แล้วจัดการเสิร์ฟเครื่องดื่มก่อนจะผละออกมาทันที

เธอยังคงทำหน้าที่ตัวเองได้อย่างดี แต่เพราะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์เลยทำให้ลูกค้าในคลับค่อนข้างหนาแน่นจนไม่มีเวลาพักเลย งานหนักมากจนลืมไปแล้วว่าตอนนี้ตัวเองอาศัยอยู่กับเจ้าของคลับ ลืมไปแล้วว่าเมื่อวานเธอกับเขาก้าวกระโดดอย่างไม่คาดคิด

กระทั่งเธอเดินไปเอาเครื่องดื่มและเจอกับปราชญ์เข้า ทำให้จำได้ว่าตอนนี้มีบางอย่างเปลี่ยนไปแล้ว

แต่คงเป็นแค่เธอที่กระอักอ่วนทำตัวไม่ถูก ส่วนเขาดูท่าจะไม่ได้คิดอะไรเหมือนเธอเลยสักนิด สายตาคมเฉี่ยวเหลือบมองเธอเล็กน้อยเหมือนคนไม่รู้จักกัน ไม่ได้หยุด ไม่แม้แต่จะทักทายกันด้วยซ้ำ ก้าวขาเรียวยาวก้าวตรงไปยังประตูขึ้นชั้นส่วนตัวไปราวกับเห็นพนักงานคนอื่นๆ

“.....” ลาทิชาเผลอเม้มปากเบาๆ อย่างทำตัวไม่ค่อยถูก มันมีหลายความรู้สึกและคำถามในหัว แต่สุดท้ายก็สะบัดหัวไล่และกลับไปทำหน้าที่ตัวเองอีกครั้ง

กระทั่งถึงเวลาเลิกงาน

ลาทิชาเตรียมตัวสำหรับกลับบ้าน เธอกำลังจะเดินไปยังห้องพักของพนักงานแต่ก็ถูกผู้จัดการเรียกขึ้นมาก่อน

“ทิชา ตามพี่มานี่หน่อย” ฉัตรชายพูดจบก็เดินนำลาทิชาไปยังโถงทางเดินในที่ที่ไม่มีพนักงาน

“มีอะไรคะ” ลาทิชาถามระหว่างตามออกมา

“เฮียบอกให้ไปรอที่รถ” เขาได้รับคำสั่งจากปราชญ์มา และไม่ลืมให้บอกเป็นการส่วนตัว ซึ่งเขาก็เข้าใจดี

“อ๋อ ค่ะ” ลาทิชาได้ยินแบบนั้นก็ตอบรับออกไปอย่างทำตัวไม่ถูก เพราะแบบนี้ก็คงทำให้ผู้จัดการสงสัยในความสัมพันธ์ของเธอกับปราชญ์ได้แล้ว

“อืม” ฉัตรชายพูดสั้นๆ ก่อนจะเดินออกไป

ส่วนลาทิชาก็รอจนถึงเวลาเลิกงานก็พาตัวเองออกไปยังรถที่เธอจำได้ว่าเป็นคันไหน เธอเดินหาสักพักก็เห็นว่าจอดอยู่ด้านหลังที่เป็นพื้นที่เฉพาะ และดีที่ตรงนี้ไม่มีผู้คนพลุกพล่านทำให้เธอไม่ต้องหวาดระแวงว่าพนักงานจะมาเห็นเข้า

ยืนรอเขาไม่นานก็เห็นร่างสูงเดินออกจากประตูหลังมา ปลดล็อกรถแล้วขึ้นไปโดยไม่ได้พูดอะไร ลาทิชาเห็นแบบนั้นก็ขึ้นไปอย่างรู้หน้าที่ไม่ต้องรอให้เขาพูดสั่ง

บนรถตกอยู่ในความเงียบอย่างไม่มีใครพูดอะไร มันเป็นบรรยากาศที่ทำให้รู้สึกอึดอัดขึ้นมาเล็กน้อยสำหรับลาทิชา เธออดไม่ได้ลองเป็นฝ่ายเอ่ยปากพูดกับเขาออกไปก่อน

“เฮียปราชญ์สบายดีไหมคะ” เพราะไม่ได้เจอกันมานานเป็นสิบปี คำถามนี้จึงถูกเอ่ยออกไป

“อืม” เขาตอบกลับสั้นๆ อย่างไม่มีประโยคอะไรต่อท้ายมา

“แล้วพี่ปราบสบายดีไหมคะ” แล้วก็อดถามถึงใครอีกคนที่เธอสนิทมากกว่าไม่ได้

เพราะจากกันในวัยเด็กเลยทำให้ตอนนั้นไม่ได้มีช่องทางติดต่อใดๆ กว่าจะโตมาพอรู้เรื่องก็ไม่ได้มีโทรศัพท์มือถือเหมือนคนอื่นๆ ใช้ด้วย เธอพึ่งมีโทรศัพท์ใช้ตอนเริ่มทำงานพาร์ทไทม์

ผู้คนในอดีตก็คงหลงลืมกันไปหมดแล้วเลยทำให้เธอไม่ได้ค้นหาอะไรเกี่ยวกับพวกเขาเพื่อติดต่อไป แต่ก็ดีใจที่สุดท้ายก็ได้เจอคนเคยรู้จักสักคนและเขาก็ยังจำเธอได้

“อืม” ตอนนี้อีกฝ่ายอยู่ต่างประเทศ ไปเรียนต่อตั้งแต่ปริญญาตรีและต่อโท อีกไม่นานก็คงกลับมา

“ดีจัง” ดีจังที่พวกเขาสบายดี ไม่เหมือนกับเธอที่ไม่เฉียดคำนั้นเลย

“.....” เขาเงียบอย่างไม่ได้ถามไถ่อะไรเธอกลับ

“เรื่องที่พักจริงๆ หนูอยู่ที่เดิมได้นะคะ หนูเกรงใจ” ถึงเขาไม่พูดแต่เธอก็เริ่มพูดถึงเรื่องที่พักขึ้นมาอีกครั้งโดยไม่ลืมบอกเหตุผลออกไป ถึงจะเคยรู้จักกันแต่เราก็ห่างหายกันไปนาน พอต้องมารับความช่วยเหลือจากเขาแบบนี้มันก็อดจะเกรงใจไม่ได้จริงๆ

“ให้ทำอะไรก็ทำไป” ปราชญ์ปรายตามองเธอเล็กน้อยออกคำสั่งราบเรียบ

“หนูก็แค่เกรงใจ” เธอพูดเสียงเบาเน้นย้ำเขาให้เขาได้เข้าใจกันก็เท่านั้น

“.....” ปราชญ์ไม่ได้ตอบอะไร เลือกจะขับรถต่ออีกนิดก็ถึงคอนโดของเขา

ทั้งสองคนเดินขึ้นห้องไปด้วยกันและไร้ซึ่งบทสนทนาอีก พอเข้ามาด้านในก็ต่างแยกย้ายกันเข้าห้องใครห้องมันอย่างที่ควรจะเป็น

แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ปราชญ์หงุดหงิดอย่างไม่รู้ตัวเลยก็คือ เขายังคงเป็นเหมือนเดิมเหมือนที่ผ่านมา พอตกดึกก็นอนพลิกไปพลิกมาด้วยอาการนอนไม่หลับ ต่างจากวันก่อนที่เขาหลับสนิทได้ถึงเก้าโมงเช้าโดยไม่ฝันไม่สะดุ้งตื่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนหรือน้อยมากจะเป็นแบบนี้

เขาไม่เคยอยากกินยานอนหลับทุกวัน เขารู้ว่ายาพวกนี้กินตลอดไม่ใช่ผลดีต่อร่างกาย ที่สำคัญช่วงแรกๆ ที่เกิดเรื่องเขากินมันติดต่อกันทุกวัน และก็ยังคงกินมันมาเรื่อยๆ ในช่วงที่ไม่สามารถหลับได้เลยจริงๆ แล้วถ้าจะให้หยุดกินเขาก็คงไม่ต้องหลับต้องนอนกันพอดี

“ฟู่ว!” ร่างสูงพ่นลมหายใจออกมาอย่างละเหี่ยใจกับอาการของตัวเอง เขาวาดขายาวลงจากเตียงพาตัวเองออกจากห้องนอนเพื่อไปเอาน้ำดื่มสำหรับกินยา

แต่พอเดินไปถึงโซนครัวกลับเห็นใครบางคนกำลังนั่งกินขนมปังอยู่ที่บาร์

“เอ่อ...” ลาทิชาหันไปมองตามเสียงเดินก็ทำตัวไม่ถูกขึ้นมาดื้อๆ เธอไม่คิดว่าเวลานี้แล้วเขาจะออกมาอีก

ปกติเธอก็ไม่ได้กินข้าวหลังเลิกงานแบบนี้ แต่นั่นเพราะเธอจะกินก่อนออกไปทำงานไง แต่วันนี้เธอไม่ได้กินอะไรแล้วก็ออกไปเลยทำให้เกิดหิวขึ้นมากลางดึกแบบนี้ ยังดีที่มีขนมปังที่แวะซื้อเมื่อเย็นติดกระเป๋าอยู่เลยได้ออกมากินกับน้ำในตู้เย็น

“เฮียหิวเหรอคะ” เธอกลืนขนมปังในปากลงคอก่อนจะถามแก้เขินออกไป กลัวเขาตำหนิเหมือนกันที่เดินเพ่นพ่านในบ้านของเขาไปทั่วไม่ขออนุญาตก่อน

“เปล่า” ปราชญ์ตอบกลับสั้นๆ ก่อนจะเดินตรงไปยังตู้เย็น เปิดเอาน้ำออกมาหนึ่งขวดแล้วกลับเข้าห้องนอนของเขาไปอย่างไม่ได้ตำหนิหรือพูดอะไรเพิ่ม

“ยิ่งอายุเยอะยิ่งพูดน้อยจัง” ลาทิชาบ่นอุบกับตัวเองเมื่อคนตัวสูงเข้าห้องตัวเองไปแล้ว

หลายวันต่อมา

จากที่ว่าจะอยู่ก่อนวันสองวันแล้วขอกลับไปอยู่ที่เดิม แต่กลายเป็นว่าตอนนี้เธออยู่ที่ห้องของปราชญ์ได้หลายวันมากแล้ว อยู่โดยที่เขาก็ไม่ได้พูดเรื่องห้องพักใหม่ของเธอเหมือนที่เคยบอกไว้ตอนแรก และก็ยังไม่อนุญาตให้เธอกลับไปอยู่ที่เดิมอีกด้วย

ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยลองถามเขา แต่สิ่งที่ได้ก็คือความเงียบ หรือไม่ก็ ‘ให้ทำอะไรก็ทำ’ เป็นการสั่งกรายๆ ให้เธออยู่เงียบๆ ไม่ต้องถามมาก นั่นทำให้ลาทิชาต้องจัดการทำเรื่องออกจากหอพักให้เรียบร้อยเพื่อเอาเงินประกันคืน

ตอนกลางคืนเธอก็ไปทำงานที่คลับเหมือนเดิม ไปเองโดยที่เขาก็ไม่ได้สนใจถามไถ่หรือพูดคุยอะไร แต่ขากลับเขาจะให้เธอรอที่รถกลับพร้อมเขาทุกวัน ส่วนตอนกลางวันเธอก็ออกไปเรียนในฐานะน้องปีหนึ่งคนหนึ่ง

และเป็นชั้นปีที่กิจกรรมค่อนข้างเยอะมาก เยอะชนิดที่เล่นเอาคนทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยอย่างเธอแทบไม่มีเวลาพักเลย

และอีกหนึ่งกิจกรรมที่เธออยากจะหลีกเลี่ยงมากที่สุดเลยก็คือ การเลี้ยงสายรหัส

วันนี้เธอจึงต้องขอลางานกับทางคลับไว้ล่วงหน้า แต่ก็ไม่ลืมลางานกับปราชญ์อีกครั้งเพื่อบอกเขาที่อยู่ด้วยกันรับรู้ ซึ่งเขาก็ยังคงเป็นเขาที่รับฟังแต่ไม่คิดจะพูดอะไรหรือว่าอะไร แต่นั่นก็เท่ากับว่ารับรู้และไม่ปฏิเสธนั่นเอง

ส่วนสถานที่ที่นัดหมายเป็นร้านนั่งชิลล์ที่มีทั้งอาหารและเครื่องดื่ม ร้านกึ่งบาร์ที่อายุยังไม่ถึงยี่สิบปีแบบเธอก็สามารถเข้าได้

เวลาสองทุ่มที่ลาทิชาออกจากห้องของตัวเองมาด้วยเสื้อสายเดี่ยวกับกางเกงยีนส์รัดรูดสีดำอวดหุ่นเอสไลน์น่ามองของเธอ เป็นชุดสบายๆ แต่กลับดูเซ็กซี่ด้วยเสื้อสายเดี่ยวที่เห็นร่องอกและเนื้อนูน ไหนจะสะโพกผายในกางเกงรัดรูดอีก

“หนูไปก่อนนะคะ” เมื่อออกจากห้องนอนมาเจอกับเจ้าของห้องที่เขามักจะนั่งก้มหน้ากับจอไอแพดในมืออยู่ที่โซฟากลางโถงที่ต้องเป็นทางผ่านไปประตูหน้าห้อง ทำให้เธอต้องบอกเขาอย่างมีมารยาทก่อนจะออกจากห้องไปทันที

“.....” ปราชญ์ไม่ได้ถามอะไร เงยหน้าขึ้นตามเสียงก่อนสายตาของเขาจะจ้องมองตามร่างบางของเธอไป มองอยู่แบบนั้นเงียบๆ ก่อนจะก้มหน้าทำงานของตัวเองต่อไปราวกับไม่ได้สนใจอะไร

กระทั่งเที่ยงคืนของวัน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel