ตอนที่7 ไม่ได้ตั้งใจ
นับเป็นประวัติศาสตร์เลยก็คงได้เมื่อปราชญ์หลับสนิทยังไม่รู้สึกตัว ทั้งที่ตอนนี้ก็เกือบเก้าโมงแล้วด้วยซ้ำ ถ้าหากไม่ใช่เพราะแรงบิดและเสียงร้องโอดของคนข้างกาย เขาก็คงไม่รู้สึกตัวตื่น
“อะ โอ้ย!” ลาทิชาที่รู้สึกตัวและกำลังขยับกายอย่างที่ยังไม่ลืมตา ก็ส่งเสียงร้องออกมาอย่างปวดขบไปทั้งร่าง
เธอค่อยๆ ขยับบิดร่างกายและค่อยๆ ลืมตาขึ้นเพื่อหาคำตอบว่าเธอทำอะไรมาถึงได้มีสภาพแบบนี้
พอลืมตาขึ้นก็เหมือนรับสติและความทรงจำเมื่อคืนนี้ไปด้วย เธอจำได้ว่าถูกวางยา และคนที่เดาได้ไม่ยากก็คงไม่พ้นลูกค้ารายนั้น เธอรีบเลี่ยงออกมาและเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัว
ใช่ ตอนยาใกล้หมดฤทธิ์เธอจำได้ว่าเธอทำอะไรกับใคร
แรงขยับตัวด้านข้างทำให้ลาทิชาเผลอกลั้นหายใจของตัวเองไว้ราวกับจะทำให้เธอไร้ตัวตนไปได้ เธอทำได้เพียงนอนนิ่งไม่กล้าขยับ หลับตาลงราวกับว่ายังไม่ตื่น
เมื่อไม่ได้ยินเสียงเขาพูดอะไรนอกจากการเคลื่อนไหวที่ลงจากเตียงพร้อมกับเสียงประตูห้องน้ำที่ปิดลง นั่นทำให้ลาทิชาลืมตาขึ้นมาอีกครั้งอย่างโล่งใจ
เธอฝืนความปวดขบไปทั่วร่างของตัวเองลุกจากเตียง มองหาเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายบนพื้นอย่างละเหี่ยใจ แต่ก็พาขาอันสั่นเทาลงไปหยิบเสื้อผ้าของตัวเองขึ้นมา
“แหวะ!” ความเหม็นอับตีพุ่งเข้ามาทันทีที่ยกผ้าขึ้นมาใกล้
นั่นเพราะเสื้อผ้าเธอเปียกและกองทิ้งไว้นั่นเอง
ที่แย่กว่านั้นก็คือกระดุมเสื้อมันไม่เหลือให้เธอใช้ติดเลยสักเม็ด เป็นฝีมือของเธอเองใช่ไหม
แกร็ก!
“!” ประตูห้องน้ำเปิดออกอีกครั้งทำให้ลาทิชานิ่งงันไปด้วยความตกใจ ดวงตากลมโตมองไปยังหน้าห้องน้ำที่มีใครบางคนออกมาด้วยผ้าขนหนูผืนเดียว เขามองเธอไม่ต่างกัน แต่แววตาของเขาเรียบนิ่งราวกับไม่มีความรู้สึกใดอยู่ในนั้น
แต่ทำไมเธอรู้สึกคุ้นเคยกับเขาจังนะ เหมือนกับว่าเคยรู้จักที่ไหนมาก่อนแต่ก็นึกไม่ออก
“หาเสื้อผ้าในตู้ใส่ซะ” น้ำเสียงเรียบนิ่งของเขาดังขึ้นระหว่างเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบเสื้อผ้าออกมาสวมใส่เอง
“ขอบคุณค่ะ” ลาทิชาได้ยินแบบนั้นก็ตอบรับออกไปก่อนจะรอให้เขาใส่เสื้อผ้าเสร็จ เธอก็ไปที่ตู้เสื้อผ้าอย่างทุลักทุเลจากผ้าห่มผืนใหญ่ หยิบเสื้อผ้าในตู้อย่างไม่ง่ายเลยเพราะมีแต่เสื้อผ้าตัวใหญ่ๆ ดีที่ได้เสื้อยืดมาหนึ่งตัวกับกางเกงนอนขายาวเอวยางยืดมา รีบพาตัวเองเข้าห้องน้ำไปอย่างรวดเร็ว
ไม่รู้ทำไมหัวใจแทบหล่นไปอยู่ตาตุ่ม ไม่รู้ว่าเขาจะคิดหรือมองเธอยังไงกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่อีกใจหนึ่งก็ยังละทิ้งความคุ้นเคยนั้นไม่ได้ด้วยกัน
ลาทิชาส่ายหัวเมื่อคิดอะไรไม่ได้ เพราะตอนนี้มีปัญหากำลังรอเธออยู่หลังจากเธอออกไป
จะพูดกับเขายังไง จะไล่เธอออกไหม ยังไงก็ต้องแสดงความบริสุทธิ์ใจออกไปให้เขารับรู้ให้ได้
หลังชำระร่างกายและใส่ชุดของเขาเรียบร้อย ลาทิชาก็ออกจากห้องน้ำมาด้วยเสื้อผ้าตัวโคร่งเรียกได้ว่าแค่เสื้อตัวเดียวเธอไม่จำเป็นต้องใส่กางเกงก็ปกปิดได้ด้วยซ้ำ แต่ถึงกระนั้นมันก็คงจะโล่งเกินไปหากไม่ใส่อะไรเลย
“หนูไม่ได้ตั้งใจทำแบบนี้นะคะ เฮียอย่าไล่หนูออกเลยนะคะ” พอออกมาเผชิญหน้ากับคนด้านนอก ลาทิชาก็ไม่รอช้ารีบยกมือไหว้ขอโทษสำนึกผิดออกไปอย่างไม่รอช้า
เพราะปีแรกทำในครัวเลยไม่ได้พบเห็นเจ้าของคนไหน หลังออกมาทำข้างนอกก็เคยเห็นผ่านๆ ไกลๆ ไม่กี่ครั้งไม่ชัดนัก อีกทั้งเจ้าของที่นี่มีสี่คนเลยไม่รู้ใครเป็นใคร แต่นี่เป็นพื้นที่ส่วนตัวเธอเลยมั่นใจว่าเขาเป็นหนึ่งในเจ้าของคลับ นั่นเลยทำให้เธอเรียกเขาเหมือนกับพนักงานคนอื่น
“.....” ปราชญ์ไม่ได้ตอบอะไร มองคนตรงหน้านิ่ง
นิ่งจนคนถูกมองคาดเดาไม่ได้
“หนูขอโทษนะคะ เฮียจะหักเงินเดือนหนูก็ได้ แต่อย่าไล่หนูออกเลยนะคะ” เธอหวาดกลัวกับสายตานั้นเหลือเกิน ได้แต่ร้องขอเขาออกไปอย่างทำอะไรไม่ได้ เพราะเธอยังต้องหาเงินกินเงินใช้ให้ตัวเองอยู่
“เดี๋ยวไปส่ง” ปราชญ์ไม่ได้บอกกล่าวเรื่องที่เธอกังวล หยัดตัวขึ้นเต็มความสูงก่อนจะเดินนำออกจากห้องพร้อมกับพูดบอกเธอ
“.....” ลาทิชามองตามหลังเขาไปอย่างไม่เข้าใจเท่าไหร่นัก แต่เพื่อให้มั่นใจว่าเขาจะไม่ไล่เธอออก และไม่ทำให้เขาไม่พอใจ อีกอย่างสภาพนี้เธอก็ไม่กล้านั่งรถสาธารณะด้วย นั่นเลยทำให้เธอรีบก้มเก็บเสื้อผ้าของตัวเองแล้วรีบตามออกไป
“ทิ้งมันไป” เมื่อลงมาถึงข้างล่างปราชญ์ก็หันไปสั่งลาทิชาขึ้นอย่างไม่ต้องการให้เธอเอาเสื้อผ้าขาดๆ เหม็นอับขึ้นรถของเขา
“แต่หนูจะเอาไปซ่อม” มันไม่ได้เสียหายอะไรนอกจากกระดุมขาด เธอเย็บและซักก็ใช้ได้ปกติ
“.....” เมื่อเห็นแบบนั้นเขาก็ปรายตามองเธอนิ่งแต่ไม่ได้พูดอะไรก่อนจะเดินขึ้นรถไป
เล่นเอาลาทิชารู้สึกทำตัวไม่ค่อยถูกเท่าไหร่ แต่ก็ขึ้นรถไปกับเขาอย่างไม่นึกกลัวสักนิดว่าเขาจะพาไปไหนหรือเปล่า
หรือเพราะความคุ้นเคยที่เธอรู้สึกกันนะ
“พักอยู่ที่ไหน” ปราชญ์ถามขึ้นหลังจากติดเครื่องยนต์
“หอชมชื่นค่ะ” ลาทิชาบอกชื่อหอก่อนจะบอกซอยออกไปให้เขาได้รู้จัก
บนรถตกอยู่ในความเงียบหลังจากเธอพูดจบ และอาจจะมีเสียงของเธอดังเป็นระยะบอกทาง ส่วนปราชญ์ทำหน้าที่ขับรถออกจากคลับไปตามตำแหน่งที่ได้รับฟัง ไปจนถึงแหล่งหอพักและที่อยู่อาศัยห่างจากคลับไม่มากเท่าไหร่กับการนั่งรถ แต่ก็ไม่ใกล้พอให้เดินได้
“ถึงแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะที่มาส่งหนู...”
“ส่วนเสื้อผ้าพวกนี้หนูจะรีบซักแล้วเอาไปคืนนะคะ” เมื่อถึงหน้าหอพักของตัวเองลาทิชาก็ยกมือไหว้อีกฝ่ายอย่างมีมารยาท
“.....” ปราชญ์ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ก่อนจะมองหอพักตรงหน้าของตัวเองด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
“เฮีย...ยังให้หนูกลับไปทำงานเหมือนเดิมใช่ไหมคะ” เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้ตอบอะไรก็ไม่รอช้าที่จะถามถึงเรื่องงานอีกครั้ง ถ้าเธอพลาดงานนี้ไปไม่ง่ายเลยจะหางานที่รายได้ดีแบบนี้ได้
“ลงไปเก็บของ” แต่คำพูดของเขากลับไม่ใช่เรื่องที่ลาทิชากำลังรอคำตอบ
“คะ?” เธอไม่เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร คำตอบที่ต้องการทำไมเป็นคำสั่งที่ไม่เข้าใจ
“ลงไปเก็บของของเธอมา ให้เวลาห้านาที” เขาออกคำสั่งอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง มองเธออย่างไม่ให้ปฏิเสธ
“เก็บของไปไหนคะ แล้วเก็บทำไม” ลาทิชายังไม่เข้าใจว่าเขาต้องการอะไรถึงสั่งเธอแบบนี้ จึงยังถามและไม่ลงไป
“ย้ายที่อยู่” นี่คือความต้องการของเขา
“ทำไมต้องย้ายด้วยคะ” เธอก็อยู่ที่นี่มาสักพักแล้ว เป็นหอพักที่ไม่ได้ใหม่หรือน่าอยู่มากนัก แต่ด้วยราคากับระยะทางก็ถือว่าเป็นหอที่เหมาะสมกับเธอมากแล้ว
“.....” ปราชญ์มองหน้าเธอนิ่งแกมสั่งให้ทำในสิ่งที่เขาบอก
ส่วนเหตุผลที่ต้องย้ายก็เพราะ หอพักขนาดสองชั้นสภาพดูเก่าที่บอกได้ว่าเปิดมานานมากแล้ว มองไปเห็นบันไดทางขึ้นที่ไม่มีการป้องกันเพื่อความปลอดภัย สภาพประตูลูกบิดที่กระโดดถีบสองสามทีก็พังเข้าไปได้ง่ายๆ หรือแค่งัดก็คงไม่ถึงห้านาที แล้วแบบนี้จะให้เขามองข้ามได้ยังไง
“ถ้าอย่างนั้นหนูขอตัวนะคะ สวัสดีค่ะ” เมื่อเห็นว่าเขานิ่งและจ้องเธออย่างบังคับทางสายตาแต่ไม่บอกเหตุผลอะไรออกมา นั่นก็ทำให้ลาทิชายกมือไหว้ลาเขาอย่างไม่เอาคำตอบเรื่องงาน
ในเมื่อเขาไม่ตอบก็แปลว่าไม่ได้ไล่ออก เธอจะคิดแบบนี้ก็แล้วกัน
“ทำไมถึงมาอยู่ที่แบบนี้” เมื่อลาทิชาหันตัวยื่นมือเพื่อเปิดประตู ปราชญ์ก็ถามเธอขึ้น
“หมายถึงอะไรคะ?” ลาทิชาชะงักและหันกลับมาถามเขาอีกครั้งอย่างไม่เข้าใจคำถามของเขา
“ทำไมไม่ไปอยู่ที่ที่ดีกว่านี้” นี่คือสิ่งที่เขาสงสัย
“ดีกว่านี้ก็แพงสิคะ” คำตอบไม่น่าจะต้องถามเลยด้วยซ้ำ
“ไม่มีเงินหรือไง” ที่ถามเพราะไม่เข้าใจไงว่าทำไมความเป็นอยู่ของเธอถึงได้ย่ำแย่แบบนี้ ทำงานคลับ พักหอเก่าๆ ไร้ความปลอดภัย
“.....” ลาทิชาไม่ได้ตอบเพราะคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ส่วนตัวมากๆ แม้เขาจะเป็นเจ้านายและ...ผู้ชายคนแรกของเธอ แต่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่เธอจะตอบทุกคำถามของเขาออกไป
“ถ้าไม่อยากโดนไล่ออกก็ย้ายที่อยู่” มันเป็นคำสั่งที่ไม่เหลือทางเลือกให้เธอเลยสักนิด เป็นการสั่งออกมาด้วยท่าทีราบเรียบอย่างไม่ได้สนใจเหตุผลของเธอเลย
“เฮียไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้กับหนูนะคะ เรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวกัน...”
“หนูไม่ย้ายที่อยู่ แล้วเหตุผลนี้เฮียก็ไม่มีสิทธิ์ไล่หนูออกด้วย!” ลาทิชาเถียงกลับไปอย่างดื้อรั้น พูดเสียงดังจบก็หมุนตัวผลักประตูเพื่อลงจากรถของเขาเข้าห้องพักไป
เพียงแต่...
“พูดให้ฟังนะชา”
