บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 6

แต่ไหน ๆ ก็มาอยู่ที่นี่แล้ว เขาก็ควรตอบแทนค่าข้าวค่าที่อยู่ให้เราบ้าง พ่อก็ยังไม่หายเจ็บ ฉันเลยคิดจะให้เขามาทำขนมแทนพ่อ

"เมื่ิอยังไม่มีที่ไป ก็...อยู่ช่วยที่บ้านฉันไปก่อนละกัน"

"ข้าก็มิได้นิ่งดูดาย ช่วยผ่าฟืน ช่วยยกของ..."

"ฉันอยากให้นายมาช่วยฉันทำขนม นายก็เห็นว่าพ่อฉันมือเจ็บ ไม่มีใครช่วยฉันกับแม่ทำขนม นาย...ควรมาช่วยเรานะ"

ฉันเหลือบมองเขา เขาทำหน้านิ่ง

"ข้าเป็นชายชาตินักรบ มิบังควรมาทำงานเยี่ยงนี้"

"แล้วนายต้องกินต้องอยู่ไหมล่ะ นายจะอยู่กินเปล่า ๆ หรือ"

"ข้าพอมีอัฐ..."

"อัฐของนายช่วยอะไรไม่ได้หรอก มันใช้กับสมัยนี้ไม่ได้"

นายพฤกษ์นั่งเงียบ หันหน้าออกไปมองนอกรถ

"ฉันไม่บังคับหรอกนะ นายไปลองคิดดูก็แล้วกัน"

"มิต้องคิดนาน ข้ามิตกลงแน่ ข้าเป็นชายชาตรี มิควรทำครัวเยี่ยงสตรี คนอย่างหลวงณรงค์ฤทธิ์ จะมิมีวันทำเยี่ยงนั้น"

เขาพูดด้วยเสียงที่หนักแน่น ฟังดูน่าเกรงขาม แต่ฉันแทบอยากถีบเขาลงไปจากรถ หนอยแน่...รักเกียรติ รักศักดิ์ศรี แล้วมันทำให้อิ่มท้องไหม พูดมาได้...ไอ้หลวงมโนเอ้ย

ตั้งแต่วันนั้น...ฉันก็ไม่พูดกับเขาอีกเลย มีแต่พ่อแม่และเจ้านิวที่ชื่นชมยินดีกับเขา เขาก็ช่วยทุกอย่างที่ทำได้ ยกเว้น...งานในครัว เขาไม่แม้แต่จะเฉียดมาใกล้ครัวอีกเลย

ทุกเช้า...เขาจะมาฝึกดาบและหมัดมวย จนทุกคนในบ้านชินกับกิจวัตรของเขา ร่างกายเขาแข็งแกร่งมาก เจ้านิวบอกฉันว่า ถังน้ำหนัก ๆ เขาก็ยกได้ ก็แน่ล่ะ...ตัวใหญ่ขนาดนั้น ไม่มีแรงก็แย่แล้ว

วันนี้ฉันอยากกินเม็ดมะม่วงคั่วงา เลยคั่วกินเอง กลิ่นคั่วเม็ดมะม่วงหอมไปทั้งบ้าน ฉันคั่วเสร็จก็เอามาเทลงถาด เอามือบี้ไม่ให้ถั่วติดกัน ผึ่งไว้ให้เย็นค่อยเอาใส่กระป๋องไว้กิน

"กลิ่นหอมนัก แม่หญิงทำกระไรรึ"

ใบหน้าสีน้ำตาลคมเข้มชะโงกหน้าเข้ามาในครัว เขาใส่เสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นเลยเข่า เดินมาดูถาดใส่ถั่วอย่างสนใจ

"นี่คืออันใดรึ...กลิ่นหอมนัก"

"เม็ดมะม่วงคั่วงา"

"เม็ดมะม่วงรึ..."

เขาหยิบเม็ดมะม่วงขึ้นมาพลิกดูซ้ายดูขวา ฉันมองเขาที่ขมวดคิ้ว

"ไม่รู้จักเหรอ"

เขาส่ายหัว ฉันเอาเม็ดหนึ่งเข้าปากเคี้ยว อืม...อร่อยมาก

"กินได้ด้วยรึ..."

"กินสิ...อร่อยนะ"

นายพฤกษ์เอาเม็ดมะม่วงเข้าปาก โดยไม่ต้องให้บอกซ้ำ เขาเคี้ยวไปยิ้มไป แล้วหยิบเข้าปากอีก

"รสชาติช่างโอชะนัก"

"ชอบเหรอ"

นายพฤกษ์ยิ้มพยักหน้า จะเอื้อมมือมาหยิบอีก แต่ฉันตีมือไม่ให้เขาหยิบไปกิน

"เม็ดมะม่วงนี่ราคาแพง แล้วฉันก็เสียแรงคั่ว นายไม่ได้ช่วยอะไรฉันสักหน่อย จะมากินเปล่า ๆ ได้ไง"

นายพฤกษ์มองฉันแล้วมองเม็ดมะม่วงทำหน้าอยากกิน เขาคงติดใจเม็ดมะม่วงคั่วของฉันเสียแล้วสิ ถ้าฉันเอาเม็ดมะม่วงมาต่อรองกับเขา จะได้ไหมน๊า

ฉันถือกระป๋องเม็ดมะม่วงคั่วงา นั่งกินไปฟังพ่อแม่คุยกันไป นายพฤกษ์นั่งมอง สงสัยคงอยากกิน ฉันล้วงหยิบ 3-4 เม็ดส่งให้ เขายิ้ม ซัดเข้าปากทีเดียวหมดเลย แล้วแบมือขออีก ฉันส่ายหัวไม่ให้

"แม่หญิง..."

"อยากกินก็ต้องทำเอง รู้ไหมว่าฉันเหนื่อยแค่ไหน กว่าจะคั่วเสร็จ ให้นายมานั่งกินสบาย ๆ เนี่ยนะ เอาเปรียบไปหรือเปล่า"

"ก็ถูกต้องแล้วนี่ เป็นหน้าที่ของแม่หญิง ที่ต้องทำครัวดูแลบ้านเรือน ปรนนิบัติพัดวีชาย หาใช่เรื่องที่ข้าจักต้องทำเองไม่"

"นี่มันยุคโลกาภิวัตน์แล้ว หญิงชายเท่าเทียมกัน หมดยุคผู้หญิงถูกกดขี่แล้วย่ะ อยากกินก็ต้องทำกินเอง ไม่งั้นก็อด...เข้าจ๋าย"

ฉันเอาเม็ดมะม่วงเข้าปาก แล้วยักคิ้วให้เขาอย่างท้าทาย

"เจ้าช่างก๋ากั่นนัก ไร้ความเป็นกุลสตรีที่ดี กล่าววาจาระคายหู มีเยี่ยงไรที่หญิงจักทัดเทียมชายได้"

"ก็มีเยี่ยงนี้ล่ะวะ...ไอ้หลวงมโน"

"ข้าหลวงณรงค์ฤทธิ์ หาใช่หลวงมโนเช่นเจ้าเรียกไม่"

"ฉันจะเรียกหลวงมโน...จะทำไม"

ฉันวางกระป๋องเม็ดมะม่วง ลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับเขา ทั้งที่เขาสูงกว่าฉันเยอะ มอง ๆ ไปเหมือนหนูสู้กับหมา

"เฮ้ย!...ไอ้ตาล พ่อพฤกษ์ จะทะเลาะเบาะแว้งไปทำไมกัน กินข้าวหม้อเดียวกันแท้ ๆ"

พ่อฉันลุกมาห้ามศึก แม่เอากระป๋องเม็ดมะม่วงมายื่นให้นายพฤกษ์ แต่ฉันแย่งมากอดไว้

"แบ่งให้เขากินบ้าง มันไม่นักหนาหรอกลูก"

"ไม่...อยากกินก็ทำเองสิ มือเท้าก็ดี ๆ ไม่ได้ง่อยไม่ได้กุดซะหน่อย ทำไม่เป็นก็ไม่ต้องกิน"

ฉันพูดใส่หน้าเขา เขาถลึงตามองฉันด้วยความโกรธ ฉันค้อนแล้วทำเป็นเมิน ไม่อยากสบตาแข็ง ๆ ของเขา มันรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ ชอบกล

นายพฤกษ์เดินลงไปจากบ้าน ดูท่าเขาจะโกรธมาก แม่ตีแขนต่อว่าฉัน

"แกนี่ยังไงนะ กะอีแค่เม็ดมะม่วงแค่นี้ ทำไมต้องงกจนเป็นเรื่องด้วย"

"แม่...ทำไมแม่เข้าข้างคนนอกล่ะ ตาลเป็นลูกแม่นะ...ไม่ใช่ไอ้บ้านั่นซะหน่อย"

ฉันน้อยใจที่แม่เข้าข้างเขา

"เขามาอาศัยเราอยู่นะ อยู่ฟรีกินฟรี จะให้ช่วยทำขนมก็ไม่ยอม บ้ายศ ถือศักดิ์ศรี แล้วแม่ยังจะเข้าข้างเขาอีกนะ แล้วเนี่ย...ตาลยืนทำเป็นชั่วโมง ไม่ช่วยแล้วยังจะมาขอกิน...ง่ายไปมั๊ง"

ฉันพูดกับแม่อย่างน้อยใจ แม่ส่ายหัวไม่พูดอะไร พ่อก็มาลูบหัวฉันเบา ๆ

"เอ็งก็อย่าโกรธไปเลยวะ ไม่ใช่เรื่องใหญ่เสียหน่อย ผู้ชายบางคน เขาก็คิดกันแบบนี้เยอะแยะไป"

"โธ่เอ๊ย...ขี้เกียจก็บอกเหอะพ่อ ข้ออ้างทั้งนั้น ถ้าไม่ช่วยงานแบบนี้ ก็อัญเชิญเขาไปอยู่ที่อื่นเถอะ อยู่ไปก็สิ้นเปลืองเปล่า ๆ"

ฉันกอดกระป๋องเดินขึ้นห้อง ก็รู้ว่าตัวเองทำเกินไป แต่ฉันไม่มีทางออกแล้วนี่ เดือนหน้าฉันก็จะเปิดเทอมแล้ว ใครจะช่วยพ่อกับแม่ทำขนมล่ะ พ่อก็มือเจ็บ แม่คนเดียวทำไม่ไหวหรอก

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel