บท
ตั้งค่า

Chapter.6 นิติเวช !

#วาโย

ผมไม่รู้จะขำหรือว่าสงสารดี ชาเย็นทั้งดื้อแล้วก็ซน เห็นแขกมาบ้านไม่ได้เลยต้อนรับตลอด ครั้งนี้ชาเย็นคงเล่นแรงไป งับก้นแขกซะหน้างอคอหักแถมยังบ่นอุบเรื่องที่ผมจะขอดูก้นอีก ช่วยไม่ได้ ก้นเธอคงมีบางอย่างทำให้ชาเย็นอยากงับ เหมือนผมตอนนี้ที่อยากจับเธอฟาดก้นแรง ๆ สักร้อยที เอาให้ดื้อไม่ออก ยอมเป็นเด็กดีเหมือนเมื่อก่อนสักที

ต้องฟาดกี่ทีถึงจะกลับมาเป็นเด็กดีของพี่หมออีกครั้งนะ?

"ถอดกางเกงออกแล้วนอนคว่ำ "

" นี่ห้องหมอหรอ? "

"ใช่ โซฟานั่น ไปรอได้เลย ขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแป๊บหนึ่ง " ผมพยักหน้าไปที่โซฟากลางห้อง เธอส่ายหน้ารัวๆ แล้วถอยหลังหนี รู้แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ถ้าเป็นทิชาคนก่อนเธอคงรีบกระโดดไปนอนรอบนโซฟาเรียบร้อยแล้ว

"หน้าห้องมีพิทบลูตัวใหญ่นั่งรออยู่ มันจะต้องได้เข้าห้องทุกครั้งที่ฉันกลับมา เธอจะเปิดประตูรับมันเข้ามาก็ได้นะ "

ทิชาเดินมานั่งรอที่โซฟาอย่างจำใจ ในขณะที่นั่งรอเธอก็แอบชำเลืองมองที่ประตูห้องเป็นระยะ เกรงว่าเจ้าพิทบลูจะแสนรู้เปิดประตูเข้ามาเอง ถ้าเป็นแบบนั้นเธอได้กัดลิ้นตัวเองตายแน่นอน แค่โกลเด้นก็เกือบเอาชีวิตไม่รอด

คิดไปคิดมา ต้องเปิดก้นให้หมอนี่ดูจริงๆ หรอ ถ้าเกิดมันเป็นรอยเขี้ยวขึ้นมาต้องกลายเป็นเรื่องใหญ่ฉีดยาอีกแน่นอน ทำไมชีวิตเธอต้องป้วนเปี้ยนอยู่กับอุปกรณ์การแพทย์พวกนี้ไม่จบไม่สิ้นสักทีก็ไม่รู้ เข็มเอย ที่วัดไข้เอย หนักสุดก็คงเป็นเข็มที่ใช้สำหรับให้น้ำเกลือ มันสยองมากจริงๆ

"ยังไม่ถอดอีกหรอ? "

"ถอดแล้วก็ไม่เหลืออะไรเลยนะ ดึงขึ้นเฉยๆ ได้มั้ย "

"อายหรอ??? อยากให้มันเป็นรอยช้ำ เข้าเนื้อขึ้นมา กลายเป็นหมาบ้า ฉันไม่รู้ด้วยนะ "

เธอเริ่มทำท่าคิดหนัก สายบิกินี่อย่างทิชาไม่มีวันยอมให้ผิวสวยๆ ก้นเนียนๆ นั่นเป็นรอยช้ำอย่างแน่นอน

"ก็บอกแล้วไงว่าไม่ต้อง เฮ้อ ช่วยไปไล่พิทบลูหน้าประตูให้หน่อยได้มั้ย " น้ำเสียงอ้อนวอนปนเบื่อหน่ายของเธอทำให้ผมนึกสงสาร ทิชากลัวหมาทุกพันธุ์ ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่เธอกลัวไปหมด ยิ่งโดนงับก้นมาด้วย อารมณ์กลัวคงพุ่งขึ้นมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว

"ฉันเป็นหมอ ไม่ต้องกลัวฉันจะเอาก้นเธอไปนินทาหรอก "

"ไปให้คุณอาตรวจก็ได้ ที่จริง เอ่อ ที่ฉันต้องเดินตามมา เพราะฉันกลัวหมาต่างหาก ฉันไม่ได้อยากให้นายดูก้นให้นะ อย่าคิดมากล่ะ " ผมเพียงกระตุกยิ้มไม่ได้สนใจที่เธอพูดเลยสักนิด เธอทำท่าจะลุก แต่สักเดี๋ยวก็นั่งลงที่เดิม

"เธอจะใช้งานพ่อฉัน ทั้งๆ ที่ท่านยังป่วยก็เอาสิ " เฮ้อ ไม่คิดว่าทิชาเป็นแบบนี้มันจะทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมด นิสัยเอาแต่ใจเมื่อก่อนก็มีให้เห็นแต่ก็ไม่มาก เพราะทิชารู้ว่าผมหน่ะดุมากถ้าเธอไม่มีเหตุผลกับคนอื่น

ผมยืนถอนหายใจออกมาซ้ำๆ แล้วมองหญิงสาวนั่งมองบานประตูไม่กระดิกไปไหน เธอรักพ่อผมมาก มากพอกับที่รักพ่อของตัวเอง  ส่วนพ่อผมท่านก็รักทิชามากเช่นกันเพราะบ้านเราไม่มีลูกสาว

" แต่ฉันอยากออกไปแล้ว " เสี้ยววินาที สายตาหวานเริ่มวูบไหวกลับมาเป็นทิชาคนเดิม ผมสงสารแล้วก็อยากเข้าไปกอด แต่เกรงว่าเธอจะตกใจกลัว แล้วร้องโวยวายจนบ้านวุ่นวาย ถ้าเป็นแบบนั้นแม่ได้ถือไม้เรียวมาฟาดก้นผมช้ำแน่ๆ

"แค่แป๊บเดียว "

"ถ้าเกิดใครเปิดประตูเข้ามาล่ะ "

กริ๊ก

"ล็อกแล้ว สบายใจหรือยัง " ผมเดินไปกดล็อกลูกบิด ทีนี้ก็นอนลงเปิดก้นให้ผมดูได้อย่างสบายใจได้ ไม่รู้ว่าเธอมีท่าทียังไง เพราะตอนนี้ผมกำลังเดินไปหยิบกระเป๋าแพทย์สนามของตัวเองออกมาวางเตรียมไว้

เธอกำลังกลัว แค่ผมนั่งลงอย่างเงียบๆ เตรียมอุปกรณ์ออกมารอ เธอก็จ้องไม่วางตา ผมไม่อยากให้เธอรู้สึกแบบนั้นเลยสักนิด ไม่อยากเลย

"นอนลงเร็ว บอกแล้วไงว่าแค่แป๊บเดียว "

"แล้วถ้ามีใครใช้กุญแจสำรองไขเข้ามา ทุกคนจะเข้าใจผิดหรือเปล่า "

"ไม่หรอก นอนสิ ไม่มีใครกล้าไขเข้ามาหรอก นี่มันพื้นที่ส่วนตัวของฉัน " เธอมองซ้ายขวา แล้วหันไปมองที่ประตูอีกรอบ คราวนี้เธอยอมนอนคว่ำโดยใช้หมอนรองหน้าอกเอาไว้

"ไม่ต้องถอดออกได้มั้ย แค่ดึงลง มันก็เห็นก้นแล้ว " เธอเอ่ยออกมาเสียงเบาๆ นั่นทำให้ผมกระตุกยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว แค่นั้นก็พอแล้ว เดรสสีน้ำเงินเข้มถูกดึงขึ้นช้าๆ เผยให้เห็นชั้นในลูกไม้สีดำสุดเย้ายวน  ยังชอบชั้นในลูกไม้อยู่เหมือนเดิม ผมต้องลิสเอาไว้ในหัวอีกหนึ่งเรื่อง ว่าเธอจำเรื่องที่เกี่ยวกับตัวเองได้

"จะให้ฉันดึงลง หรือว่า เธอจะดึงมันลงเอง " ผมให้เธอเป็นคนเลือก เรื่องจัดการชั้นใน หากให้ผมดึง ผมก็จะดึงมันลงมาในระยะที่มองเห็นรอยงับของเจ้าชาเย็นเท่านั้น

"หมอดึงลงสิ ฉันไม่รู้ว่ามันต้องดึงลงมากแค่ไหน " น้ำเสียงเหนียมอายทำให้ผมอดยิ้มไม่ได้อีกกรอบ ผมเอื้อมมือไปดึงชั้นที่ห่อหุ้มก้นงอนๆ นั่นลง ขาวเนียนไร้ที่ติเหมาะกับการใส่บิกินี่อย่างที่เธอชอบ ผมสลัดไล่ภาพของทิชาในชุดบิกินี่สีหวานทั้งที่เธอชอบสีแรงๆ แต่เธอก็ยอมตามใจใส่สีหวานตามที่ผมชอบ

"เอาล่ะ มันแค่ช้ำ " ผมปลีกตัวมาที่ตู้ยาขนาดเล็ก เท่าที่จำได้ผมซื้อยาสามัญพวกนี้มาเก็บไว้ครบ หนึ่งในนั้นคือยาแก้ฟกช้ำ

"หมอ แล้วมันจะเป็นแผลเป็นมั้ย? คือ ฉันต้องใส่บิกินี่เร็วๆ นี้ " ใส่ที่ไหน เมื่อไหร่?

"แค่ช้ำไม่เกิดแผลเป็นหรอก ทายาซ้ำๆ เดี๋ยวก็หาย " ผมขมวดคิ้วไม่หาย เมื่อเธอบอกว่าต้องใส่บิกินี่เร็วๆ นี้ อารมณ์หวงแหนร่างบางเริ่มปะทุขึ้น

"หมอ มือเบาดีนะ " ผมระบายยิ้มอ่อนๆ ออกมาอีกครั้ง วันนี้เธอทำให้ผมยิ้มหลายรอบ ผมใช้นิ้วเกลี่ยเนื้อยาไปจนทั่วเนื้ออ่อนที่กลายเป็นสีเขียวช้ำ นวดคลึงเบาๆ เพื่อให้ตัวยาแทรกซึมเข้าโดยง่ายแล้วเกิดประสิทธิผลกว่าการทาลวกๆ แบบนั้นก็หายเหมือนกันแต่อาจจะช้ากว่าทาแบบนี้ ทิชาทิ้งศีรษะลงไปบนหมอน เธอกำลังผ่อนคลายกับนิ้วของผม

"เจ็บตรงไหนอีกหรือเปล่า " เธอยกศีรษะขึ้นมาจากนั้นก็หันมามองหน้าผมออกอาการเลิ่กลั่ก

"คะ คือ ไม่เจ็บแล้ว " หึ กำลังเพลินล่ะสิ

"สบายใช่มั้ย ชอบหรือเปล่า " คนตัวเล็กเริ่มอาย เพราะเมื่อกี้เธอกำลังเคลิ้มกับนิ้วมือที่รู้จุดของหมอเข้าจริงๆ ถ้าได้สองมือมานวดเฉพาะจุดให้ เธอคงผ่อนคลายไม่น้อย แค่ก้นยังฟินขนาดนี้ ถ้าเป็นช่วงหลังล่ะ เอว สะโพก บ่าที่เธอมักบ่นเมื่อยเวลาต้องนั่งเกร็งเซ็นเอกสารนานๆ อีก

" ก็ดีนะ เป็นหมอด้านไหนหรอ? กระดูกใช่มั้ย " ผมส่ายหัวพลางเก็บอุปกรณ์ที่รื้อออกมาใส่กระเป๋า เธอทำหน้าครุ่นคิดไม่ตกเกี่ยวกับเฉพาะทางสาขาของผม

ทิชาจำไม่ได้สินะ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับผม เธอจำไม่ได้เลยแม้แต่หน้าผมเธอก็ยังจำไม่ได้

"ไม่ใช่หรอก อะ เอายานี่ไปด้วย เก็บเอาไว้ให้ดี ทาเช้ากับเย็น รอยช้ำจะจางลงเอง " ผมยื่นยาแก้ฟกช้ำให้เธอ มือเล็กรีบจัดแจงชั้นในแล้วลุกขึ้นนั่งในท่าเรียบร้อยแล้วรีบดึงหลอดยาไปถือเอาไว้

"ขอบคุณ อันที่จริง หมอต่างหากที่ต้องขอโทษฉัน "

"ชาเย็นมันคงคิดถึงหน่ะ " เธอหันขวับมองหน้าผม

แปลกใจอะไร?

"อย่าพูดแบบนั้นสิ ฉันไม่เคยเห็นหมาตัวนั้นเลยนะ หรือว่าฉันมาแค่แป๊บๆ " เธอเริ่มเกาหัวทำหน้าครุ่นคิดอีกครั้ง ผมเลื่อนกระเป๋าออกห่างตัว แล้วนั่งมองคนที่กำลังใช้ความคิด

'อย่าเพิ่งเร่งรัดน้องมากนะลูก ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป '

ประโยคของพ่อลั่นอยู่ในหัวของผม ท่านก็เป็นหมอ รักษาทิชามาตลอด ท่านดูแลทิชาแทนผมในช่วงระยะหลายปีที่ผมไปเรียนต่อที่อังกฤษ ในวันนั้น วันที่ผมได้รับโทรศัพท์จากพ่อ สติของผมขาดผึง เมื่อรู้ว่ารถหรูของทิชาแหกโค้งพุ่งชนเนินเขาทางภาคเหนือ จนรถเกือบตกเหว โชคยังเข้าข้างต้นไม้ใหญ่ตรงนั้นเป็นที่ยึดเหนี่ยวรถหรูของทิชาเอาไว้ ทำให้ทางการไปช่วยเอาไว้ทัน

"หมอ หมอ "

"หืม มีอะไร " ผมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงเล็กร้องเรียก

"หมอยังไม่ตอบเลยนะ ว่าหมอจบอะไรมา ตอนนี้เป็นหมออะไร? " ผมกระตุกยิ้มน้อยๆ ออกมา เพราะสาขาของผมมันเป็นที่สนใจสำหรับเธอมากในตอนนี้

"ฉันจบหมอทั่วไปที่ไทย แล้วไปต่อเฉพาะทางที่เมืองนอก "

"เก่งนี่ ว่าแต่ เฉพาะทางด้านอะไรหรอ " ผมยกยิ้มแล้วตอบเธอกลับไปว่า

"นิติเวช "

ปึก!!

หลอดยาแก้ฟกช้ำในมือของเธอร่วงหล่นลงพื้น ไม่ต่างจากดวงตากลมโตที่กำลังเบิกกว้างพร้อมกับปากเล็กๆ นั่น ผมรีบเก็บหลอดยาขึ้นมาแล้วยัดใส่มือเธออีกรอบ เกรงว่าตอนนี้เธอจะค้างไปแล้ว

"ผ่าศพ!! ใช่มั้ย " ร่างเล็กขยับหนีผมไปหลายเมตรจนเกือบตกโซฟา ให้ตายสิ เธอกำลังทำให้ผมช็อกยิ่งกว่าเรียนผ่าร่างอาจารย์ใหญ่ครั้งแรกซะอีก

"ใช่ เธอโอเคหรือเปล่า มือไม้เธอทำไมเกร็งจิกขนาดนั้น หุบปากก่อนมั้ยเดี๋ยวจะเป็นตะคริว "

"ไม่ๆ ฉันไม่เป็นไร เอ่อ ฉันหิวแล้ว เอ่อ ใช่ หิว " เธอลุกลี้ลุกลนจนผมเริ่มเป็นห่วง ท่าทางของคนตัวเล็กชี้มือชี้ไม้ไปที่ประตู แล้วก็บอกว่าหิวข้าวเป็นระยะ

น่ากลัวกว่าศพก็ทิชานี่แหละ!

"รอลงไปพร้อมกันได้มั้ย " ดวงตากลมโตกวาดมองไปรอบๆ ห้องอย่างหวาดหวั่น อันที่จริงผมไม่น่าบอกเธอเลย ตอนนี้สายตาที่เธอหันกลับมามองผม เหมือนกับว่า มองหมอผี!!

"ไม่อะ หมอไปไล่หมาให้หน่อยสิ "

"มันคงไปแล้ว "

"งั้นหรอ เค งั้นเจอกันข้างล่างนะ " เธอยกมือพร้อมกับบอกลาแถมยังปิดประตู ปึง!! จนตัวสะดุ้งเอง ทำไมต้องกลัวขนาดนั้นด้วย

ข้างล่าง

"ทิชา ไปไหนมาลูก แล้วทำไมทำหน้าแบบนั้น " ฉันรีบเดินไปหาแม่ที่นั่งอยู่กับคุณอายาหยี ทั้งสองท่านกำลังนั่งคุยกันอย่างออกรส เพราะท่าทางของแม่ออกรสกว่าใครๆ มือไม้ไปหมด

"แม่ หนูอยากกลับบ้านแล้ว " ฉันขยับเข้าไปกระซิบข้างๆ ใบหูของแม่ ทำเอาแม่ตกใจแล้วมองหน้าฉันอย่างสงสัย

"ไปทำอะไรมา? "

"หมางับตูด " ฉันกระซิบอีกรอบ ที่จริงไม่เกี่ยวกับหมาหรอก หมอต่างหาก งื่อ วิญญาณตามฉันมากี่ดวงแล้วก็ไม่รู้ ทำไมไม่บอกให้เร็วกว่านี้วะว่าเป็นหมอผ่าศพ ตายๆ ฉันกลัว พรุ่งนี้ต้องไปรดน้ำมนต์เก้าวัดเก้าวาซะแล้ว

"ทิชา!! "

ฉันพยักหน้าหงึกๆ แล้วส่งสายตาอ้อนวอน พร้อมกับชูหลอดยาแก้ฟกช้ำให้แม่ดู

"ลูกคนนี้ "

"เจ็บ ตูด " ฉันทำหน้าไม่ไหวจริงๆ ให้แม่เห็น ท่านถอนหายใจแล้วบ่นฉันชุดใหญ่โดยมีคุณอายาหยีคอยปรามอยู่ข้างๆ

"เอาหน่า วันหน้ายังมี ชาเย็นนี่ก็ " ถ้าไม่ได้ชาเย็นฉันคงไม่รู้ว่าหมอที่นวดก้นให้ฉันจนเคลิ้ม คือหมอผ่าศพ

บรื๋อ

____

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel