Chapter.7 ความฝันและหญิงคนนั้น ?
"เฮ้อ"
"คุณทิชาคะ นี่เป็นรายงานทั้งหมดค่ะ เกลสรุปให้แล้วเรียบร้อย ถ้ามีข้อสงสัยเรียกเกลได้ตลอดเลยนะคะ "
"ขอบใจมาก ไปทำงานต่อเถอะ ฉันจะเอาไปตรวจที่บ้าน วันนี้คงไม่ไหว " ฉันดันแฟ้มหนาออกห่างตัว ยิ่งเห็นก็ยิ่งทำให้ปวดหัว เกลเดินออกไปทิ้งให้ฉันจมอยู่กับความเงียบ ฉันปิดเปลือกตาลงเพราะอยากพัก ประชุมบอร์ดบริหารวันนี้ทำให้ฉันเสียพลังงานไปเกือบครึ่ง หุ้นตก พนักงานลาออก ยอดส่งออกลดลง น้ำมันแพง เศรษฐกิจแย่ บลาๆ
ฉันจะบ้า!! มิน่าล่ะพ่อถึงหันไปปลูกต้นไม้ อนาคตฉันคงเดินตามรอยพ่อ ปลูกตอนนี้คงไม่ไหว กระถางแตกบรรลัยแน่นอน!
"อยากไปนวดจัง " ฉันนั่งเกร็งคอเป็นนางพญาอยู่หลายชั่วโมง ฟังฝ่ายนั้นฝ่ายนี้ถกเถียงกัน เถียงกันไปเถียงกันมาพาลมาตีกันอีก ซีอีโอร่างบางน่าทะนุถนอมคนนี้ต้องออกแรงปราม ปวดหัวกับเรื่องในที่ประชุมไม่เท่าเกร็งกล้ามเนื้อเปล่งเสียงสั่งทุกคนให้หยุด
หัวหงอกหัวดำ ฉันไม่เคยเกรงใจเพราะสิ่งที่พวกเขาทำมันยิ่งกว่าเด็กอนุบาลเถียงกันเรื่องรองเท้าสลับคู่ แล้วผลข้างเคียงของมันก็คือ ฉันหมดแรง ปวดหัว ผลักไสงานทุกอย่างยกยอดเป็นวันพรุ่งนี้ เพราะร่างกายของฉันไม่เต็มร้อย ฉันถึงต้องพักวางมือแล้วหลับตาลง
'ตายยากนี่ เธอมันดวงแข็ง แต่อีกไม่นานนักหรอก เธอจะต้องกลายเป็นคนป่วยทางจิตที่ไม่มีใครเหลียวแล '
"ฮึก "
'ไม่นานหรอก ไม่ต้องกลัว ใครก็ช่วยเธอไม่ได้ เวรกรรมกำลังจะตามเธอทันแล้วนะ รีบหนีสิ ฮ่าๆ '
"ไม่ ไม่ ออกไป! ออกไป "
"ทิชา! ทิชา ทิชาตื่น "
"ฉันไม่ได้ทำ ฉันไม่เคยทำ ฉันเปล่า ปะ ปล่อย "
"ทิชา "
"กรี๊ด " ฉันสะดุ้งเฮือกตื่นจากฝันร้ายที่มีหญิงแก่มายืนสาปแช่ง เสียงหอบหายใจทำให้ฉันรีบลืมตา เมื่อกี้ฉันได้ยินเสียงคนเรียกให้ตื่น แล้วตอนนี้คนคนนั้นก็กำลังกอดรัดฉันเอาไว้แน่น
"เป็นอะไร เรียกทำไมไม่ยอมตื่น " น้ำเสียงแบบนี้ ฉันเคยได้ยินมาก่อน
'นิติเวช'
พลั่ก!
"มะ หมอ เข้ามาได้ไงอะ แล้ว นี่ไปทำงานมาหรอ " ฉันใช้มือปัดเสื้อของตัวเองออกเล็กน้อย ไม่ได้รังเกียจ แต่คำว่านิติเวชมันสั่งให้ฉันทำแบบนั้นโดยอัตโนมัติ บ้าจริง! ถ้าเขาเป็นหมอเฉพาะทางด้านอื่นฉันจะไม่หวาดกลัวแล้วก็ตื่นตัวขนาดนี้เลย
เขาคงรู้ตัว ว่าฉันกำลังกลัว
"ขับรถมา กำลังจะไปทำงานแต่แวะเอานี่มาให้ " หมอยื่นกล่องอาหารในถุงสีใสให้ฉันเห็น เขาวางมันลงบนโต๊ะจากนั้นก็เดินไปลากเก้าอี้ตัวตรงข้ามมานั่งข้างๆ ฉันทำท่าขยับหนีเล็กน้อย จนหมอถอนหายใจออกมา
ฉันเชื่อว่านิติเวช ต้องมีวิญญาณติดตามอย่างแน่นอน เพราะเขาทำงานกับศพ ไม่แน่อาจจะมีวิญญาณที่มาเรียกร้องความยุติธรรมให้เขาช่วย เหมือนในหนังในละครไรงี้!
โอ้ไม่นะ!!! ฉันกลัว
"หมอกินเถอะ ฉันไม่หิว "
"แม่ผมอุตส่าห์ไปเลือกเป็ดนานสองชั่วโมงเพื่อตั้งใจทำเป็ดน้ำแดงมาฝากคุณ " คุณอายาหยีนั่นเอง เป็ดน้ำแดงหรอ ฉันหันไปมองกล่องสีขาวที่บรรจุเจ้าเป็ดน้ำแดงเอาไว้อีกรอบ เหมือนจะได้กลิ่นโชยออกมานิดหน่อย แน่นอนว่ามันคือของเด็ดที่ฉันชอบมากที่สุด ฝีมือคุณอาอร่อยอย่าบอกใคร แค่คิดถึงเนื้อเป็ดนุ่มๆ ชุ่มน้ำซอส ฉันก็น้ำลายสอแล้ว ใกล้เที่ยงแบบนี้ด้วย
จ๊อกๆ ''''..
"หิวมั้ย? เครียดไปหรือเปล่า? เป็นแบบนี้บ่อยมั้ย? "
" เอ่อ หมอ ฉันไม่ได้เป็นอะไรเลย แค่ฝันเอง " ฉันจำเป็นต้องโกหก ไม่อยากเล่าเรื่องความฝันที่ฉันเจอมาตลอดหลายปีให้หมอฟัง หมอคงไม่เชื่อ ทุกคนก็เหมือนกัน ไม่มีใครรู้เรื่องที่ฉันฝันแปลกๆ หญิงแก่คนนั้นไม่รู้ว่าคับแค้นอะไรในตัวฉันนักหนา เขามักเข้ามาในความฝันของฉันแล้วก็สาปแช่ง ด่าทอด้วยถ้อยคำที่ฉันไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็พอจับใจความได้ว่าเธอต้องการจะแก้แค้น บอกว่าสักวันเวรกรรมจะต้องตามฉันทัน ฉันจะต้องป่วย แล้วก็ไม่เหลือใคร
แค่คิดฉันก็รู้สึกใจหวิวๆ อย่างเมื่อกี้ ถ้าไม่มีคนปลุก ฉันคงหลับตาจมกับความฝันร้องไห้ประสาทเสียไปแล้ว
"ทิชา "
"ทิชาปล่อยมือออกจากเสื้อ " ฉันสะดุ้งเฮือกอีกครั้ง จากนั้นก็ก้มหน้าลงมองที่มือของตัวเอง นี่ฉันเหม่ออีกแล้วหรอ
"เอ่อ "
"ปล่อยมือออกจากเสื้อก่อน หิวแล้วใช่มั้ย จานอยู่ตรงไหน? " ร่างสูงยืนขึ้นแล้วเดินไปหยิบถุงกล่องอาหาร ฉันชี้มือไปทางประตูบานเล็ก ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมฉันถึงยอมบอกเขาง่ายๆ ทั้งๆ ที่กลัวบางอย่างในตัวเขา หรือว่าฉันคิดมากไปเอง คิดไปเองว่าหมอที่ทำงานด้านนี้จะต้องมีสิ่งลี้ลับตามติดตัวอยู่ตลอดเวลา
ร่างสูงเดินออกมาจากห้องเล็กพร้อมถาดไม้ ในนั้นมีจานเป็ดน้ำแดง ข้าวสวยที่มีควันบางเบาลอยฉุย เครื่องเคียงในจานเล็กคือแตงกวามาพร้อมกับผักชีโปะด้วยน้ำแข็งเพื่อความสดกรอบ ฉันกลืนน้ำลายลงคอหลายครั้งในขณะที่กำลังรอช้อนส้อมครบคู่วางลงตรงหน้า
อาหารมีแค่ชุดเดียว ฉันเหลือบมองหน้าหมอด้วยความสงสัยอีกครั้ง
"กินซะ กินให้หมดด้วย เรามีเรื่องต้องคุยกัน "
"หมอไม่กินหรอ ก็ไหนบอกว่ากำลังจะไปทำงาน ไม่ใช่หรอ? " เมื่อพูดถึงเรื่องงานของหมอ ฉันก็เริ่มรู้สึกขนลุกอีกรอบ ต้องมีศพรอหมออยู่แน่ๆ หรือว่า เขาเพิ่งจะไปผ่าศพกลับมา!!
"ศพหน่ะรอได้ แต่คนเป็นๆ กำลังป่วย รอไม่ได้ "
"ไม่ได้ป่วยสักหน่อย " ฉันลงมือตักเป็ดเข้าปาก สัมผัสรสชาติที่แสนกลมกล่อม เนื้อเป็ดทั้งนุ่มทั้งหนึบ น้ำซอสฉ่ำๆ ไหลออกมาคลุกเคล้ากันแบบพอดี คือดีอะ ถ้าแม่ทำได้แบบนี้ก็ดีหน่ะสิ แม่ฉันหน่ะ ทำเป็นแต่ไก่ต้มน้ำปลา ขัดใจฉันมาก! ทั้งเหนียวแล้วก็เหนียว หาความอร่อยไม่ได้เลย ถ้าแม่มาได้ยินโปรดหยุดทำเถอะค่ะ ไหว้เจ้า เจ้ายังไม่รับเลย เพราะมันเหนียวเกิน
"กินให้เสร็จแล้วค่อยมาคุยกัน ไม่ต้องรีบเดี๋ยวติดคอ " หมอรินน้ำใส่แก้วให้ฉัน น้ำเย็นจัดครึ่งแก้วส่วนอีกครึ่งแก้วคือน้ำอุณหภูมิปกติของห้อง ฉันกลอกตาไปมาแล้วตักข้าวเข้าปากตามด้วยแตงกวากรอบๆ
"อร่อยจัง " ฉันรู้สึกดีกับของกินอร่อยๆ ทุกครั้ง คุณอายาหยีน่ารักที่สุดในโลก เมื่อก่อนท่านจะมาที่บริษัทด้วยตัวเอง แต่ครั้งนี้วานให้ลูกชายแวะมาให้ ฉันคงต้องเจอหมออยู่บ่อยๆ หวังว่าสักวันฉันจะชินกับนิติเวชคนนี้นะ
-------
"เล่าความฝันให้ฟังหน่อย " น้ำในปากแทบพุ่ง หมอนั่งรอฉันอย่างเงียบๆ ประมาณครึ่งชั่วโมงน่าจะได้ ระหว่างรอหมอก็เอาเอกสารขึ้นมาเปิดอ่าน แอบมองฉันเป็นระยะด้วย
"ไม่มีอะไรหรอกหมอ แค่ฝันร้ายหน่ะ " ฉันบอกปัด เพราะมันไม่มีอะไรจริงๆ ถึงแม้ว่ามันจะตามหลอกหลอนฉันมาหลายปีแล้วก็ตาม แต่ฉันก็ยังสบายดีไม่เป็นอะไรสักหน่อย
"นานหรือยัง "
"....."
"อย่าโกหก "
"พูดแล้วก็ขนลุก หมออย่าไปเล่าให้ใครฟังนะ " ฉันลูบต้นแขนซ้ำๆ พอต้องพูดเรื่องนี้หรือนึกถึงเรื่องความฝัน ขนทุกส่วนบนร่างของฉันมักจะตั้งชันเหมือนมีพลังงานบางอย่าง ฉันกระชับหมอนใบเล็กเข้ามากอด จากนั้นก็ตั้งใจเล่าเรื่องหญิงแก่คนนั้นให้หมอฟัง
ฉันเล่าตั้งแต่วันที่เกิดอุบัติเหตุ วันที่นอนเดี้ยงอยู่ในโรงพยาบาล พยาบาลจะเฝ้าถามฉันอยู่ตลอดว่ามีญาติเป็นหญิงแก่บ้างมั้ยเพราะเธอชอบมายืนมองอยู่ที่หน้าห้องอยู่ทุกวัน ขนลุกอีกละ!
" ความจำบางอย่างหายไปด้วยใช่มั้ย "
"ใช่หมอ พ่อกับแม่บอกว่าฉันมีแฟนด้วยนะ แต่ แต่ ฉันก็นึกไม่ออก ฉันสลบไปอีกรอบเมื่อแม่พยายามเอารูปผู้ชายคนนั้นมาให้ฉันดู "
"เธอพอจะจำรูปใบนั้นได้มั้ย " ฉันส่ายหน้า แล้วหยิบน้ำเปล่าขึ้นมาดื่ม
"อ่อ ยายแก่คนนั้น เขาเคยฝากบางอย่างมาให้ฉันด้วยนะ "
"อะไร?? "
"ดอกไม้งานศพหน่ะ ตอนแรกฉันดีใจมากนะหมอ แต่พอแม่มาเห็น ท่านกรี๊ดแตกสั่งหาคนเอามาส่งให้วุ่น เพราะดอกไม้ในช่อล้วนแล้วแต่ใช้ในงานศพทั้งนั้น " ฉันเล่าไปขนลุกไป ลูบแขนไปพลางมองรอบๆ ห้อง ไม่รู้ว่ายายคนนั้นเป็นหรือตาย
"กลัวอะไร " หมอเห็นท่าไม่ดีรีบขยับเข้ามาใกล้ หญิงแก่คนนั้นทำให้ฉันกลัว ทำให้ฉันจิตตกกลายเป็นคนกลัวผี จากที่เมื่อก่อนฉันชอบการอยู่คนเดียว ตอนนี้ฉันอยู่ไม่ได้ต้องย้ายข้าวของกลับมาอยู่ที่บ้าน ปล่อยคอนโดให้คนอื่นเช่า เฮ้อ แต่ก็ไม่มีลูกค้ากล้าเช่าเลยสักคน เพราะมีเสียงลือหนาหูว่าห้องของฉันเป็นห้องผีสิง คอนโดห้องนั้นเหยียบหลักสิบล้าน ตอนนี้กลายเป็นห้องว่างเปล่าแล้วก็เฟอร์นิเจอร์อีกนิดหน่อย ดีนะที่ฉันจ้างแม่บ้านทำความสะอาด ไม่อย่างนั้นคงมีครอบครัวหนู แมลงสาบมาอาศัยกันเต็ม
ฉันเล่าเรื่องทั้งหมดให้หมอฟัง ไม่มีเรื่องไหนเลยที่ฉันโกหก ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นความจริง ฉันนั่งคุยกับหมอนานหลายชั่วโมง รู้สึกว่าฉันนี่แหละจะเป็นฝ่ายพูดมากอยู่คนเดียว
" หมอรู้อะไรมั้ย ว่าฉันหน่ะ อยากรู้มากๆ เลยว่าแฟนตัวเองหน้าตาเป็นแบบไหน ฉันรักเขามากหรือเปล่า ป่านนี้เขาคงมีลูกมีเมียหนีฉันไปแล้วมั้ง เนอะ " ฉันพยักหน้าให้หมอ แต่หมอนิ่ง เอิ่ม ฉันตีสนิทหมอมากเกินไปหรือเปล่า
"ยังหรอกมั้ง "
"ใครจะไปรอล่ะหมอ ใครจะมารอผู้หญิงสมองเสื่อมอย่างฉัน เป็นหมอ หมอรอมั้ยล่ะ "
" รอสิ ก็เราสัญญากันแล้วไงว่าจะรอ "
"อ่อ ฮ่าๆ หมอคงพูดแบบนี้กับแฟนสินะ ดีจัง " ใครบอกว่าฉันหยิ่ง ฉันหน่ะปัญญาอ่อนสุดยอด อยู่ที่ใครจะมีปัญญาเข้าถึง แล้วตอนนี้ฉันก็เริ่มสนุกกับการคุยกับหมอแล้วด้วย
"ใช่ ฉันบอกแฟนฉันแบบนั้นก่อนไปเรียนต่อ " นิ้วเรียวยาวหยิบกระดาษบางอย่างออกมาวางบนโต๊ะ
"อะไรหรอหมอ "
"สัญญาใจหน่ะ แฟนฉันร่างสัญญานี้ขึ้นมาก่อนที่ฉันจะไปเรียนต่อที่อังกฤษ " ฉันรีบหยิบมันขึ้นมาโดยที่ไม่เอ่ยขอเหมือนกับว่าคุ้นชินกับกระดาษแผ่นนี้มานานมาก
"หืม อะไรเนี่ย เวลาหมอหิว ต้องเข้าห้องน้ำแล้วโทรมาหาเขาเท่านั้น " บ้าแล้ว ไปกินขี้หรอ ตลกดี แถมยังน่ารักมากๆ อีกด้วย
"ผมต้องไปทำงานแล้ว "
"อ่อ ได้สิ " ฉันยื่นกระดาษคืนให้หมอ มันคงสำคัญมากจนหมอพกติดตัวเอาไว้ตลอดเวลา
"เย็นนี้ว่างมั้ย ผมมีบางอย่างจะให้คุณลองทำ "
"อ่อ ว่างค่ะ จะว่าไปตอนนี้ก็ว่างนะหมอ ทำเลยก็ได้ "
"งั้นไปกับผมเลยดีกว่า "
"เกลฝากดูงานที่เหลือด้วยนะ งานรีบงานด่วนเบรกเอาไว้ก่อน วันนี้ฉันไม่ไหวแล้ว "
"ค่ะคุณทิชา " ฉันเดินตามหมอลงมาข้างล่าง ความน่ารักของหมอคือเก็บกล่องอาหารไปคืนแม่ตัวเองด้วย แถมยังล้างเองกับมือ แม่ต้องตีมือฉันแน่ๆ เลยที่ไม่ทำหน้าที่ผีบ้านผีเรือน ฉันเดินตามหมอมาจนถึงรถซูเปอร์คาร์ป้ายแดง ออร่าพุ่งมากกลบมินิคูปเปอร์ของฉันซะมิดเลย
"รถสวย " ฉันเอ่ยปากชม
"ของขวัญเรียนจบหน่ะ เชิญ "
-----
โรงพยาบาล SJ
"ศพอยู่ด้านในค่ะคุณหมอ ผู้ตายเป็นชายอายุห้าสิบปี ญาติต้องการให้ชันสูตรอย่างละเอียดเพื่อต้องการนำข้อมูลไปยื่นกับประกันชีวิตของผู้ตายค่ะ "
"โอเค ผมขอเวลาสิบนาที " ผมรับแฟ้มแล้วพาร่างเล็กเดินมาที่ห้องทำงานที่อยู่ใกล้ๆ กับห้องชันสูตร
"นั่งรอในห้องนี้นะ ส่วนนี่คือสิ่งที่คุณต้องตอบผม เขียนเท่าที่อยากเขียน นึกอะไรได้ก็เขียน ไม่เกินชั่วโมงเดี๋ยวผมกลับมา "
หมับ!!
"หมอ " ฉันคว้าแขนล่ำๆ นั่นเอาไว้แล้วมองซ้ายขวา
"ผมอยู่ห้องข้างๆ นี่ มีอะไรตะโกนเรียกได้ "
"ไม่มีผีใช่มั้ย "
" อย่าหลอกตัวเองสิ รีบๆ ทำเข้า "
" รีบกลับมานะ "
"รีบอยู่แล้ว ไม่ปล่อยให้รอนานหรอก " ปากเล็กๆ นั่นฉีกยิ้มกว้างให้ผม ถึงแม้ว่าจะเป็นรอยยิ้มที่ไม่เต็มใจสักเท่าไหร่ก็ตาม
________
