บทที่ 14 อารัญย์เขายังรักแก
“ฉันบอกตามตรงเลยนะว่าไม่เชื่อเด็ดขาด ดาริกาหายไปห้าปีกลับมาพร้อมกับบอกว่าโดนแม่บังคับให้ไปทำงานเมืองนอก นี่มันชีวิตจริงไม่ใช่ละคร ที่ใครจะมาบังคับกันได้ขนาดนั้น”
“ฉันบอกไม่ถูกว่ะ” ก่อนอารัณย์ จะหยิบกล่องแหวนสีแดงขึ้นมา แล้วเลื่อนไปหาเจนภพ เขาเปิดดูพบว่าเป็นแหวนผู้ชาย ลักษณะดูดีทีเดียว
“แหวน!” อารัณย์พยักหน้าพลางยกมือขึ้นกุมศีรษะ
“หมายความว่าไง” เจนภพวางกล่องแหวนลง แล้วเงยหน้าถามเพื่อนรักด้วยความแปลกใจ
“ฉันไม่รู้! แต่เหนือสิ่งอื่นใด ดาริกาไม่ถามถึงไอริณเลยสักคำเดียว และนั่นก็เป็นสิ่งที่ฉันเจ็บปวดที่สุด” ชายหนุ่มมองเพื่อนรัก ที่พยายามทำตัวเองให้เข้มแข็งอย่างเห็นได้ชัด
“ความรู้สึกนาย ไม่เหมือนเดิมแล้วใช่ไหม” คำถามของเจนภพ ทำให้อารัณย์ยอมรับแต่โดยดี พลางเลื่อนสายตามองกล่องแหวนสีแดง ที่ไม่ปรารถนาหยิบขึ้นมาสวมใส่
ดาริกาวางกระเป๋าสะพายลงบนเก้าอี้ แล้วเดินมาเปิดตู้เย็น ก่อนสะดุ้งตกใจเมื่อเห็นมารดานั่งรออยู่ที่โซฟาตัวใหญ่
“แม่...มาได้ไง”
“ทำไมฉันจะมาไม่ได้ หน็อย...ปล่อยให้แม่อยู่ห้องเช่าเท่ารูหนู แล้วตัวเองมาเช่าคอนโดฯ อยู่อย่างสุขสบาย” มารดามองรอบห้องด้วยความรู้สึกอิจฉา ก่อนดาริกาจะส่ายศีรษะก้มลงหยิบขวดน้ำเปล่าขึ้นมา
“แม่มีอะไรพูดมาตรง ๆ เลยดีกว่าค่ะ”
“ไปหาอารัณย์มา เป็นไงบ้าง เขาดีใจมากใช่ไหม” ใบหน้าของมารดาฉายแววมีความหวัง
“ไม่รู้สิแม่!”
“อ้าวอีนี่! กวนกูแล้ว” หญิงกลางคนเท้าสะเอว
“ก็ดาไม่รู้จริง ๆ ว่าเขารู้สึกยังไง อารัณย์เขาก็เป็นของเขาแบบนั้นมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ดาเดาใจเขาไม่ถูกหรอก เหมือนจะดีใจแต่ก็ไม่ใช่ซะทีเดียว” หญิงสาวรินน้ำ แล้วยกดื่มอย่างไม่สบายใจเท่าไหร่นัก
“แกไม่ต้องห่วง อารัณย์เขารักแกอย่างกับอะไรดี” ป้าสายใจเดินเข้ามาหาลูกสาวด้วยท่าทางมั่นใจ
“แม่รู้ได้ยังไงคะ”
“ก็ถ้าเขาไม่รักแก เขามีผู้หญิงอื่นไปนานแล้ว ไม่รอจนป่านนี้หรอก ผู้ชายอย่างอารัณย์ทั้งแสนดีขนาดนั้นผู้หญิงที่ไหนจะไม่จ้อง”
“แม่พึ่งรู้เหรอคะ ว่าอารัณย์เขาแสนดีขนาดไหน” คำพูดของดาริกา ทำให้ป้าสายใจชะงักอึกอัก
“รู้นานแล้วโว้ย แต่ตอนนั้นเขาจนนี่หว่า ใครจะรู้ว่าในอนาคตจะรวยล้นฟ้าขนาดนี้ ถ้ารู้งี้นะจับแกแต่งงานกับเขาให้มันรู้แล้วรู้รอด”
“พอเถอะแม่..มาพูดตอนนี้มันก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก แล้วแม่จะกลับตอนไหน จะได้ให้ค่ารถ”
“แกไล่ฉันเหรอ”
“เปล่าค่ะ แต่ดาต้องการความเป็นส่วนตัว ต้องใช้สมองคิดอะไรอีกมากมาย มีแม่อยู่ด้วยดาคิดไรไม่ออกหรอกค่ะ”
“ปีกกล้าขาแข็ง! ฉันกลับก็ได้ ไม่อยากอยู่ขวางหู ขวางตาแกนักหรอก แกน่ะ! มันเข้าข่ายคนอกตัญญู รู้ไว้ซะด้วย อยู่คอนโดหรูหรา แต่ฉันต้องอยู่บ้านเช่าเท่ารูหนู”
“ถ้าแม่จะพูดเรื่องนี้ล่ะก็ เงินที่หนูส่งให้แม่ทั้งหมด แม่สามารถซื้อคอนโดฯ แบบนี้ก็ยังได้ แต่แม่ก็เอาเงินไปลงพนันจนหมด และถ้าต้องอยู่ห้องเช่าเท่ารูหนูแบบเดิมแม่จะบ่นทำไมคะ และที่ชะตาชีวิตหนูเป็นอย่างทุกวันนี้ ก็เพราะเชื่อแม่ไม่ใช่เหรอ”
“แกโทษฉันฝ่ายเดียวงั้นสิ! ใครกันที่บ่นว่าเหนื่อย ใครกันที่บ่นว่าลำบาก ใครกันที่บ่นว่าอยากมีรถมีบ้าน ไม่ใช่เพราะแกบ่นให้ฉันฟังทุกวันหรอกเหรอ ฉันถึงต้องตัดสินใจทำแบบนั้น” หญิงกลางคนพลางจิ้มไปที่หน้าผากของดาริกาเพื่อเตือนสติ พลางสะบัดก้น ลุกขึ้นเดินตรงไปยังประตูทางออกในทันที ดาริกามองมารดาจนลับไป พลางกำมือแน่นกับเสียดายกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น
“หอมจังเลยค่ะ” ไอริณยิ้มกว้างปรบมือดีใจ เมื่ออาหารจานสุดท้ายเสร็จ พร้อมกับควันโพยพุ่งขึ้นมาโชยกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่ว
“ไอริณช่วยนะคะ” เด็กหญิงเตรียมเอื้อมมือไปจับ
