บท
ตั้งค่า

9

“ทำไมถึงโกหกแบบนั้น” เสียงเยียบเย็นเอ่ยขึ้น เมื่อเลขาเก่าของบิดา ได้ก้าวขึ้นมานั่งเคียงข้าง บนเบาะที่นั่งของรถตู้รับส่งประจำของเขา

หากต้องเดินทางด้วยเรื่องงาน เขาจะใช้บริการรถตู้ส่วนบุคคลของ M-group เสมอ

“ไม่ดีหรือคะ จะได้รู้แนวทางว่าถ้ามันเกิดขึ้นจริงๆ ฝ่ายนั้นจะทำยังไงบ้าง” ว่าอย่างไม่เดือดร้อน หยิบ I-pad ประจำตำแหน่งขึ้นมาเช็คตารางงานสำหรับวันนี้ของเขาต่อ

“ไม่จำเป็น”

“รู้ค่ะ ว่าไม่ได้อยากจะได้ตำแหน่ง...แต่ดูสิคะ ว่านอกจากตัวเองแล้ว จะพอฝาก M-group ไว้กับใครได้บ้าง” เธอเตือนเหมือนที่เคยเตือนมาเสมอ แม้จะรู้ดีว่า เขาไม่เปิดใจรับตนมาตั้งแต่ไหน

“ดูเหมือนเป็นห่วงนะ” ค่อนซึ่งๆ หน้า แบบที่เคยทำมาเสมอเช่นกัน

“ต้องห่วงสิคะ ผลประโยชน์ตามพินัยกรรม ระบุเอาไว้ชัดเจนขนาดนั้น” ตอบกลับเขาด้วยรอยยิ้มเชิงไม่ได้เดือดร้อน เธอชัดเจนมาเสมอว่าตัวเองไม่ใช่มารดาเลี้ยงผู้แสนดี และไม่ใช่หญิงสาวผู้ซื่อสัตย์ผู้พร้อมจะพลีทุกอย่างถวายผู้ชาย เหมือนอย่างที่มารดาของเขาทำ

กิตติคุณเรื่องความสัตย์ซื่อของหญิงผู้นั้นเธอพอจะได้ยินมาเสมอ และพอจะคาดเดาได้ว่ามันอันตรายต่อตัวเธอเช่นไร

และฉันจะไม่ยอมเป็นเหมือนผู้หญิงคนนั้นแน่

“โอย...ชื่นใจ หอมกรุ่น หวานพอดี ไม่เลี่ยน” เมธินี มณฑลไพศาล หญิงชราผู้นั่งพับเพียบอยู่ที่ศาลาริมสวน สูดดมกลิ่นน้ำใบเตยอุ่นๆ ก่อนจะลิ้มจิบเพิ่ม ด้วยรอยยิ้มผ่อนคลาย

นึกเอ็นดูผู้ทำทุกอย่างถูกใจตน มาเสมอ

“ดื่มเยอะๆ เลยนะคะ แอบปรุงสมุนไพรตามที่คุณหมอบอกไปเล็กน้อย จะได้ช่วยให้สบายท้องมากขึ้นค่ะ” อธิบายคล่องพร้อมรินใส่แก้วเพิ่มให้ อย่างรู้ใจ

“ชอบ ชอบคนนี้มาก...” แล้วมือเหี่ยวๆ ของหญิงชราที่เป็นโรคอัลไซเมอร์ ก็ลูบไปยังโครงหน้ารูปไข่ ที่ไม่ได้มีเครื่องหน้าโดดเด่น แต่ทุกองค์ประกอบนั้น ประกอบกันได้อย่างลงตัว

“อยากจะเอากลับบ้าน เอากลับบ้านได้ไหม” แล้วผู้ดูแลทั้งหลาย ทั้งคนรับใช้และพยาบาลก็พากันหัวเราะคิกคัก ชอบใจที่ท่านอารมณ์ดีได้ ก็เพราะคนโปรด

“เอากลับไม่ได้หรอกค่ะคุณท่าน เพราะเดี๋ยวก็ต้องกลับไปเรียนแล้ว” ปิ่นวลีเรียนกับท่านตามตรง เพราะช่วงเปิดเทอมเธอจะต้องไปมหาวิทยาลัยทุกวัน และวันหยุดต้องไปฝึกสังเกตการณ์ ก่อนออกฝึกงานจริง

การฝึกงานในเครือ M-group ค่อนข้างที่จะเข้มข้นมากกว่าที่อื่น ซึ่งการเตรียมตัวก็ต้องเข้มข้นตามไปด้วย

ถ้าฝึกไม่ผ่าน ก็คือไม่ผ่าน...จะมาถีบส่งให้ผ่านเพราะเห็นใจหรือช่วยกันเหมือนที่อื่น ไม่มีแน่!

“ฉันคงคิดถึงเธอแย่” แล้วคนแก่ที่เหมือนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง ก็หน้างอเข้า จนหญิงสาวต้องปลอบโยนเป็นการใหญ่

“เดี๋ยววันไหนว่างๆ ปิ่นจะแวะเข้ามานอนด้วยนะคะ”

“สัญญาแล้วนะ!” ยื่นนิ้วก้อยเกี่ยวเข้ามา จนปิ่นวลีต้องรีบเกี่ยวให้

แน่ล่ะ เธอต้องหาเรื่องมานอนกับท่านบ่อยๆ เพราะมันเป็นหนทางเดียวแล้ว ที่เธอจะได้เจอกับเขา!

การเข้านอกออกในที่นี่ แบบที่ไม่มีใครสงสัย คือทางที่สะดวกที่สุดสำหรับความ ‘รัก’ ลอบของเธอ

รู้ว่ามันไม่ดี...

รู้ว่ามันไม่ควร...

รู้แต่มันทำไม่ได้!

มันอาจจะดูแย่ ถ้าใครต่อใครที่กำลังมองมาที่เธอด้วยแววตาชื่นชมอยู่ในตอนนี้ ได้รู้ความจริงเข้าสักวัน...

จะต้องไม่อยากเชื่อหรือต่อว่าเธอไปต่างๆ นานา

แต่เธอไม่ได้สนใจว่าใครจะว่าอย่างไร เพราะสำหรับเธอแล้ว การได้ทำตามหัวใจดวงน้อยๆ ของตัวเองและไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน นั่นคือที่สุด...

เพราะเธอไม่อยากจะเติบโตไป แล้วได้แต่โอดครวญกับตัวเองว่า ไม่น่า...ไม่กล้าเลย

เอาจริงๆ เธอก็ไม่อยากจะเชื่อเลยสักนิดว่า คนแบบเขาน่ะหรือที่จะเหลียวมามองคนอย่างเธอ...

ไหนๆ ก็ได้รับโอกาสอันทรงเกียรตินี้แล้ว ก็อยากจะลองมันดูสักตั้ง!

“ใหม่...ตกลงแกเลือกได้รึยัง ว่าอยากจะฝึกงานที่ไหน” ดวงชีวาสะกิดเพื่อนสาว ในขณะที่กำลังนั่งอ่านหนังสือเตรียมเรียนวันพรุ่งนี้

ใช่...แม้ว่าจะอยู่มหาวิทยาลัย แต่กฎของการอยู่หอพิเศษนี้ จะต้องมีการอ่านหนังสือก่อนเรียนจริงเสมอ เหมือนเด็กโรงเรียนประจำ

“เราเลือกได้ด้วยเหรอวะ”

“เลือกได้ดิ...นี่ไง รีวิวการบนศาลหน้ามหาวิทยาลัยของรุ่นพี่ เขาบอกว่าได้จริงทุกปี แต่ต้องเขียนระบุให้ละเอียดถึงเหตุผลที่เราอยากจะได้และเขียนความสามารถของตัวเอง หย่อนใส่ตู้ไป...แล้วเดี๋ยวกรรมการฝ่ายนักศึกษาก็จะมาจับไปอ่าน ใครเขียนถูกใจและเขียนความจริง ก็จะถูกคัดเลือก ประกอบการตัดสินใจสุ่มอีกที” บุญใหม่ผู้ไม่เชื่อในคำบอกต่อที่ไม่มีมูลนี้สักเท่าไหร่ ส่ายหน้า

“ไม่เอาอะ แกอยากทำแกทำเลย ฉันไม่ทำหรอก” พร้อมกับตั้งใจจะอ่านหนังสือต่อ

“จริงเหรอไอ้ด้วง ไหนขออ่านบ้างสิ” และขาเผือกประจำอย่างกวางตุ้งก็มาคว้าโทรศัพท์เพื่อนไปเลื่อนอ่าน เพราะตัวเองไม่ได้มีอินเตอร์เน็ตตลอดเวลาเหมือนคนอื่น

“มาแก มาทำด้วยกัน” เมื่อได้ผู้ร่วมอุดมการณ์ก็เลิกให้ความสนใจเพื่อนผู้รักเรียนเป็นที่หนึ่งอย่างบุญใหม่เสีย

ในขณะที่กำลังจะก้มหน้าอ่านหนังสือต่อนั้น บุญใหม่ก็ได้เหลือบไปเห็นช่างซ่อมไฟสามสี่คน เดินวนอยู่แถวหน้าห้องอ่านหนังสือ

และได้บังเอิญสบสายตาเข้ากับใครคนหนึ่งที่มองมาอย่างไม่ตั้งใจเช่นกัน

“เออ มึงทำไปเลย เดี๋ยวกูช่วย...”

สองสายตาสะดุด สบกันราวๆ 5 วินาทีได้ ก่อนแยกย้ายเบี่ยงสายตาไปทางอื่น

อยู่ๆ ใจดวงน้อยก็เต้นแรงขึ้นอย่างไม่ทราบเหตุผล

ใบหน้าขาวผ่องของโครงหน้าเรียวยาวชัด จมูกโด่งเป็นสัน ดวงตาขี้เล่นแต่ประกายเสน่ห์ออกมาอย่างแจ่มชัด...เธอเห็นผ่านตาบ้าง แต่ไม่เคยมองตรงๆ เสียที

นี่คือครั้งแรก...ครั้งแรกแปลกนักหนา

และผู้หญิงฉลาดอย่างเธอก็หันกลับไปยังเขาอีกครั้ง ที่มองอยู่ก่อนแบบตั้งใจ แถมยังส่งสายตามาให้เชิงล้อ ภาคภูมิใจว่าหญิงสาวน่าจะเขินอายเพราะตน

แต่ผิดคาด เมื่อการหันกลับไปมองด้วยสายตาว่างเปล่าของเธอนั้น ตามมาด้วยการเมินหนี เหมือนมองทะลุเขาออกไปแบบที่ไม่มีผู้หญิงคนไหนเคยทำมาก่อน

“ทำไมไม่ซ่อมเองวะ มึงเก่งจะตาย มาเรียกใช้พวกกูทำไม” เสียงของเหล่าเพื่อนทำเอาเขาต้องหันกลับไปร่วมวงสนทนาอีกครั้งและยั้งใจคนถือดีนี่เอาไว้ก่อน

“พวกมึงก็รู้ ว่ากูไม่อยากให้ที่บ้านรู้ว่ากูทำอะไรได้ เดี่ยวแม่งมายัดเยียดงานให้อีก”

“เออ เกิดมาบนกองเงินกองทองก็ดีอย่างนี้แหละ อิจฉาโว้ย” แล้วเพื่อนรักก็พากันตบไหล่เชิงจะล่ำลา

หญิงสาวที่ทำเป็นเหมือนไม่ได้สนใจนั้น...แอบเห็นด้วยกับประโยคที่ว่า ‘เกิดมาบนกองเงินกองทองก็ดีอย่างนี้แหละ’

ไม่ต้องมาดิ้นรนอะไร ไม่ต้องมาขี้เกียจแทบตาย แต่ก็ยังต้องนั่งอ่าน

เด็กกำพร้าอย่างบุญใหม่ รู้ดีว่าหนทางเดียวที่จะทำให้เธอมีชีวิตรอดได้บนโลกอันโดดเดี่ยวนี้ ก็มีเพียงการศึกษาเท่านั้น...

เธอตั้งใจเรียนแม้จะไม่ได้เรียบร้อยและดีเลิศไปเสียทุกอย่าง แต่การเรียนก็ไม่เคยเสีย ตั้งใจเรียนตั้งแต่อยู่บ้านเด็กกำพร้า จนได้ทุนเรียนต่อมาเสมอ

สอบชิงทุนของมหาวิทยาลัยมณฑลบัณฑิตได้ และสอบชิงทุนพิเศษต่อ เพราะอยากจะไปให้สุด ได้งานดีดีทำ เงินเยอะๆ และไปมีชีวิตที่ตัวเองใฝ่ฝัน...

ฮึบ!

ขณะที่คิดนั้น แววตามุ่งมั่นของเธอก็เหม่อมองไปไกล มองไปยังเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ทั้งหมดในหัว โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่ามีใครคนหนึ่งแอบมองแววตานั้นของตัวเองอยู่

มองอะไรของเขา พอมองตามก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรนอกจากผนังห้องสีขาว

หึ คนอย่างไอ้กลางไม่เคยถูกสาวเมินมาก่อน ต้องหาทางสั่งสอนกันสักหน่อย โดยที่ลืมไปเลยว่าตัวเองเคยพูดอะไรเอาไว้ และเด็กในรั้วบ้านแบบนี้อันตรายกับตัวเองแค่ไหน เพราะเขาแค่อยากจะสั่งสอนคนที่เมินตัวเองเท่านั้น

“นี่เหรอคุณกลาง...มองใกล้ๆ ก็หล่อเหมือนกันนะ” เสียงซุบซิบเกิดขึ้นทันทีที่ทีมงานซ่อมไฟได้พากันกลับไป ทีท่าพากันตั้งใจนั่งอ่านหนังสือเมื่อสักครู่ ล้อมวงเข้ามา

“คุณกลางทั้งหล่อ ทั้งเท่ห์ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมีผู้หญิงเข้ามาให้เลือกอยู่ไม่ขาด ควงไม่ซ้ำหน้า” อีกหนึ่งเสียงให้ความเห็น จนดวงชีวาและกวางตุ้งพากันค่อยๆ หันหน้าไปฟัง

“แกเรียนจบวิศวะมาด้วยนะ แต่เกเรไม่อยากจะทำงาน เตร็ดเตร่ไปก่อน ฉันเคยเจอในเกม เสียงอย่างเพราะอะ!” อีกคนก็ว่าขึ้นอย่างระริกระรี้ เกวลินผู้แอบฟังเงียบๆ ส่ายหน้าไปมา เหมือนมีข้อมูลมากกว่าใคร

“แกยิ้มอะไรเกว” และคนตาดีอย่างดวงชีวาก็ถามขึ้น

“เปล่านี่”

“เปล่าได้ไง ฉันเห็นนะ ว่าแกส่ายหน้าด้วย” กวางตุ้งรีบว่า จนคนที่เพิ่งจะเขียนสรุปเสร็จอย่างคำหวาน ต้องรีบวางปากกา หันมาเกาะติดสถานการณ์

“ฉันก็ส่ายไปอย่างนั้นแหละ ตลกพวกที่มองว่าคุณกลางเท่ห์เฉยๆ”

“หมายความว่ายังไง ความจริงเขาไม่ได้เท่ห์เหรอ” ดวงชีวางงหนัก เกาหัวแกรก

“คืองี้...คุณเล็กเคยเล่าให้ฟัง ว่าคุณกลางน่ะ มั่วหญิงเยอะ จนนกเขาไม่ขัน ที่ควงๆ อยู่น่ะ...ควงปิดปมด้อยตัวเองเฉยๆ ไม่ได้เก่งเรื่องหญิงสมชื่อหรอก” สาวๆ ทั้งหมดพากันถึงบางอ้อ ปิดปากหัวเราะคิกคัก

ซึ่งคนที่เงี่ยหูฟังมาตลอดอย่างบุญใหม่ก็ส่งเสียงออกมาเหมือนกัน

“โหย น่าเสียดายผู้ชายบ้านนี้เนอะ คุณเล็กก็เล็ก คุณกลางก็มาเสื่อมอีก หมดกันสมบัติของตระกูล” กวางตุ้งว่าอย่างเสียดาย จนเพื่อนต้องพากันตีหัวเชิงปราม

“เดี๋ยวนะ...ไอ้ใหม่ แกหัวเราะทำไม สนใจเรื่องคุณกลางเหมือนกันเหรอ?” ดวงชีวาผู้รู้ใจ แอบสงสัยเพราะปกติคนอย่างบุญใหม่ไม่ยอมเสียสมาธิจากการอ่านหนังสือของตัวเองง่ายๆ แน่

“เปล่าซะหน่อย ก็พวกแกเสียงดัง ฉันไม่ได้ใส่หูฟัง ก็เลยเผลอได้ยิน แล้วคิดว่ามันตลกก็แค่นั้น...ไม่ได้มีอะไรซะหน่อย”

“รีบปฏิเสธขนาดนี้ มันต้องมีอะไรชัวร์” กวางตุ้งว่าอย่างนักวิเคราะห์และเก็บข้อมูลชาวบ้านเป็นเลิศ

“เออ ปล่อยมันไปก่อน เดี๋ยวค่อยติดตามทีหลัง” ดวงชีวายกมือห้ามเอาไว้ และหันไปกระซิบกับกวางตุ้งกันสองคน ซึ่งคนที่ไม่ได้ถือสาหรือว่าสนใจเรื่องของใครเท่าไหร่อย่างเกวลิน ได้เพียงส่ายหน้าและอ่านหนังสือต่อทันที

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel