
บทย่อ
คำโปรย "รักแรกพบยังเป็นไปได้เลย ทำไมรักลอบพบ...จะเป็นไปไม่ได้ล่ะ!” อารัมภบท “ไม่เอาหรอกค่ะ เดี๋ยวก็มีคนสงสัย ยังไงตอนนี้สามหนุ่มแห่งมณฑลไพศาล ก็ถูกเพ่งเล็งอยู่แล้ว ถ้าเคลื่อนไหวอะไรมันจะไม่ปลอดภัยกับความสัมพันธ์ของเราสองคนนะคะ” “กลัวอะไร” ดวงตาใสช้อนขึ้นมองเขาเชิงจะต่อว่า... “เยอะแยะไปหมดเลยค่ะ ถ้ามีคนรู้เรื่องของเราสองคน ซวยแน่นะคะ เหมือนอย่างที่...คุณเล็กกับยัยเกวโดน” “ฉันไม่ใช่คนขี้ขลาดอย่างมัน” ตอบกลับอย่างหนักแน่น หนักแน่นมาเสมอ... ใช่ ที่ความสัมพันธ์ต้องเป็นการ ‘ลักลอบ’ แบบนี้ ไม่ใช่เพราะความต้องการของเขา แต่มันเป็นเพราะความต้องการของเธอเอง เพราะเธอรู้ดีว่า ความต่างระหว่างเธอกับเขา...มันคือกำแพงใหญ่ยิ่ง เธอไม่อยากพลาดเพียงเพราะซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเองเพียงอย่างเดียว ต้องซื่อสัตย์ รอบคอบและใช้วิธีที่ดีกว่านั้น วิธีที่ต้องไม่โง่เขลา... “มันไม่เกี่ยวว่าขี้ขลาดหรือไม่ขี้ขลาดเสียหน่อยนี่คะ” ตอบกลับเขาด้วยความรู้สึกอ่อนใจ เธอรู้ว่าเขารัก...รักมาตั้งนานแล้ว เธอเองก็เหมือนกัน แต่ถ้าตราบใดที่การวางตัวของคนสองคนไม่เหมาะสม ก็รังแต่จะทำให้ต้องจบความสัมพันธ์และไม่มีวันได้รับการยอมรับกันแน่ “เรียนจบแล้ว ออกไปอยู่ข้างนอกกัน” “คุณใหญ่คะ...” เธอโอดออกมา พร้อมจ้องตาเขาเชิงขอความเห็นใจ “ไม่มีความจำเป็นหรอก ไม่ต้องพยายาม” เขายืนยันหนักแน่นกว่าเมื่อก่อน พร้อมประทับริมฝีปากลงมาบนกลีบปากของเธออีกครั้ง ฝ่ามือใหญ่เริ่มขยำสะโพกงอนเด้ง ที่ซุกซ่อนอยู่ในกางเกงนอนขายาวตัวใหญ่ เสียงประท้วงในลำคอสาว ไม่เป็นผลต่อการหยุดฟังหรือยั้งสิ่งใด สองเรือนกายแนบสนิทเข้าหากัน...ตามสัญชาตญาณที่โหยหา
1 NC25+
“อุ้ย...” เรือนร่างบอบบางที่ซุกตัวอยู่ในผ้าห่มนวมผืนหนา สะดุ้งเล็กน้อย เมื่อได้รับการโอบกอดจากทางด้านหลัง แถมยังซุกใบหน้าลงมาที่ซอกคอหอมกรุ่นของเธอ ด้วยความรู้สึกโหยหา
“กลับมาทำไมไม่บอก” เสียงทุ้มที่คลอเคลียไปกับความหอมละมุนนั้น ติดไปทางดุเล็กน้อย จนเธอต้องพลิกตัวให้ได้หันมาเผชิญหน้า
“มาได้ยังไงคะเนี่ย” ถามเสียงกระซิบ มองใบหน้าเขาที่ไม่ยอมห่างไปไหน ที่แม้จะอยู่ในความสลัว ก็ยังเห็นโครงหน้าหล่อเหลา คมชัด
“คิดถึง” ว่าพร้อมซบใบหน้าลงข้างต้นคอของเธอ พร้อมสูดกลิ่นอันเย้ายวนให้เต็มปอด
ความนุ่มนิ่มไปทั้งตัว ของแม่สาวซ่อนรูป ทำเอาเขานอนไม่หลับมาหลายคืน ตั้งแต่ที่เธอกลับบ้านต่างจังหวัด
“รู้แล้วค่ะ...แต่ว่าวันนี้ มีคนอยู่ทุกห้องเลยนะคะ” เธอพยายามดันใบหน้าของเขา ให้มาเผชิญด้วย
“แล้ว” ว่าอย่างเอาแต่ใจ ฝ่ามือเริ่มลูบไล้ไปยังต้นขาเนียนเรียว ชุดนอนแบบเดรสกรอมเข่าตัวบาง ค่อยๆ ร่นขึ้นไปตามการลากไล้ของมือซุกซน
“อื้อ...อย่าค่ะ เดี๋ยวมีใครมาได้ยินเข้า” เธอพยายามต่อต้านเสียงสั่น เรียวขาหนีบเข้าหากันแน่น เมื่อความรู้สึกเสียวซ่านเริ่มถูกจุดประกาย
“ก็อย่าร้องดัง” ว่าติดไปในทางล้อ จนเธอต้องฟาดมือเข้าที่เรือนไหล่เปล่าเปลือยของเขา ที่ตึงเครียดไปด้วยกล้ามเนื้อของคนออกกำลังกายสม่ำเสมอ
“ไม่ร้องได้ไงละคะ...” เธอว่าเชิงขัดเขิน แต่ก็มีเลศนัยอย่างคนที่รู้ใจกัน
สองสายตาประสานกันในความมืด ที่ยังพอจะมีแสงสลัวสาดส่อง ลอดผ่านผ้าม่านผืนบางเข้ามาได้
นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ที่ ‘เขา’ เข้าหาหล่อน ความสัมพันธ์ลึกซึ้งที่ดำเนินมาสักพักใหญ่ๆ ทำให้เกิดความปรารถนาอันแรงกล้า ที่มีต่อกันเพิ่มพูนขึ้น แบบยากที่จะถอดถอน...
“อื้อ...” เสียงครวญครางในลำคอดังขึ้น เมื่อกลีบริมฝีปากนุ่ม ทาบลงไปบนเนื้ออ่อนข้างลำคอ...ซุกปลายจมูกที่มีลมหายใจร้อนผ่าว เป่ารดไม่หยุดหย่อน จนขนอ่อนทั่วร่างลุกชัน
ฝ่ามือใหญ่เดินทางถึงขอบแพนตี้น้อย ที่ทอดตัวไปตามร่องขาหนีบสีอ่อนเนียนเกลี้ยง สอดข้อนิ้วชี้เข้าไปเยี่ยมเยียนผิวเนื้อบริเวณนั้นเพียงนิด แต่สะโพกสาวกลับสะดุ้งหนี
บิดกายขยับ...ใจเต้นแรงขึ้น ราวกับต้องของร้อน
“อย่าเลยค่ะ...” กล่าวเสียงสั่นด้วยความกลัวๆ กล้าๆ บทรักร้อนแรงของเขา เธอทราบดีว่า ตัวเองจะตกอยู่ในสภาพเช่นไร
“อื้อ”
“หมั่นเขี้ยว” ว่าอย่างไม่เดือดร้อน ขบผิวเนื้ออ่อนที่จูบซับไปมาอยู่เนิ่นนาน ด้วยการกัดเล่น...จนเป็นรอยแดงซ่าน
หญิงสาวไม่ได้เจ็บ แต่กำลังรู้สึกสยิว
“อย่าค่ะ เดี๋ยวมันเป็นรอย” เธอรู้ว่าเขาไม่ทำให้มันเป็นรอยแน่ แต่ก็อดกังวลไม่ได้
“กลัวใครมาเห็นรึไง” ไม่ได้สะบัดเพียงน้ำเสียงขุ่นเท่านั้น แต่สะบัดข้อนิ้วที่กำลังเกี่ยวขอบแพนตี้น้อยนั้น ให้รั้งครูดไปกับกลีบเนื้อนูน ที่ถูกหนีบจนแน่นอยู่
“อื้อ...” เสียงพร่าตัวสั่น แววตาใสในความสลัวช่างเย้ายวน เว้าวอน...
และยั่วยุ อยู่ในที
เขาสัมผัสมันได้ “ตอบฉัน”
แม้รู้ดีว่าคำตอบของเธอมันจะเป็นเช่นไร แต่คนเอาแต่ใจก็อยากจะฟังจากปากอยู่ดี
“...ไม่มีค่ะ” ตอบชิดริมฝีปาก เมื่อเขาเคลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ หลุบสายตามองกลีบปากอิ่มที่เม้มเข้าเล็กน้อย อย่างพึงใจ
ก่อนทาบทับมัน ด้วยริมฝีปากของตัวเอง
หญิงสาวหลับตาลง ดื่มด่ำความรู้สึกอันตั้งใจยิ่งนี้...จาก ‘เขา’ ผู้ชายที่ปากตรงกับใจเสมอ
แม้จะออกมาแบบขวานผ่าซาก ที่ไม่ใช่ว่าจะพูดกับใครไปพร่ำเพรื่อ
ไม่ยอมคน ไม่ยอมใคร แต่ก็ไม่ใช่ที่จะออกโรงโดยง่าย หากไม่ถึงที่สุดจริงๆ
“ฉันคิดถึงเธอ” เขาพร่ำออกมา หลังจากที่ค่อยๆ ถอนริมฝีปากออก
การประทับริมฝีปากแน่นิ่งนี้ ไม่ใช่การจูบซับเพื่อดับความกระหายใคร่อยาก แต่มันคือ...การซึมซับความรู้สึกของการมีเธอ เข้าแทนที่ช่วงเวลาที่หล่นหาย
“คิดถึงเหมือนกันค่ะ” เธอตอบเขาแผ่วเบา แต่ช่างหนักแน่น
ความสัตย์ซื่อ บริสุทธิ์จากเธอ ทำเอาใจแห้งผากชุ่มชื้น
“ฉันคิดถึงเธอทุกวัน” บอกซ้ำ พร้อมประทับริมฝีปากลงยังกลีบริมฝีปากล่าง ที่เผยอออกจากกัน สะท้อนเงาเล็กๆ ท่ามกลางแสงสลัว
ความดึงดูดจากเรือนกายเธอทุกตารางนิ้ว ปลุกความปรารถนาของเขาให้ลุกโชน...และอัดแน่นในคราที่ห่างหายกันไปนานๆ
ความรู้สึกของการถูกดูดดุนกลีบปากล่าง ทำเอาทรวงออกนุ่มหยุ่นชูชัน ปลายยอดถันแข็งขึ้น ชูช่อ
จังหวะการดูดกลืนแผ่วเบา เนิบนาบ แต่ทว่าหนักหน่วง ทำให้เนินทรวง เคลื่อนไหวอย่างไร้จังหวะ...
เรียวลิ้นร้าย สอดส่าย สลับลากไล้ไปยังกลีบริมฝีปาก ที่ชุ่มฉ่ำขึ้นเรื่อยๆ ฝ่ามือเล็กแตะต้องลำแขนล่ำสัน บีบเคล้นตามห้วงอารมณ์ที่เริ่มไต่ขึ้นที่สูง
เกลียวคลื่นในท้องน้อย พากันโหมพัด...จนต้องงอตัวเข้า
“ช่วยตัวเองบ่อยไหม” เอ่ยถาม ในขณะที่ลืมตามองเธอตรงๆ
เริ่มเคลื่อนไหว ข้อนิ้วร้ายที่ยังคงดึงรั้งขอบแพนตี้
“อื้อ...” คำถามของเขา เหมือนดึงรั้งเธอให้ลงมาจากที่สูง ดวงตาไหวระริก มีความเง้างอน แต่ก็ต้องพยักหน้า
“ทุกวันไหม” คนจอมดื้อก็เหมือนยังจะไม่พอใจในคำตอบ
“หื้อ แกล้งจังเลยนะคะ” เธอว่าให้เขาบ้าง แต่ก็ต้องกระตุกร่างอีกครั้ง เมื่อเกสรกลางกลีบเนื้อนูน ถูกขอบแพนตี้ครูดเพียงผ่าน จากฝีมือของคนช่างแกล้ง
“อย่างนี้สิ ถึงจะเรียกแกล้ง”
“คุณน่ะ...” สองแก้มร้อนผ่าวขึ้นมา แม้จะในความสลัวเขาก็ยังคงมองออก
เขาชอบแก้มแดงๆ ที่ไม่ได้ปรุงแต่งสิ่งใดนี้นัก ชอบจนต้องจรดริมฝีปากลงไปสัมผัส ความหอมกรุ่นโดยธรรมชาติ ยิ่งปลุกเร้าให้เขาเกิดความปรารถนา
“ไม่ให้ทำบ่อย ฉันหวง” พูดพร้อมกดปลายจมูกซ้ำลงไป ตอกย้ำความต้องการที่แสนจะเอาแต่ใจมาแต่ไหนแต่ไรนั่น
“ก็เพราะว่าคิดถึงนั่นแหละค่ะ...ถึงต้องทำ” แม่สาวน้อยผู้ว่านอนสอนง่าย แต่ชอบอธิบาย ในคราที่ตัวเองไม่ได้ผิดทั้งหมด
“อดใจรอสิ” ว่าเชิงตำหนิ พร้อมเลื่อนจมูกโด่งคม ลงมาตามสันลำคอระหง ปัดสายเสื้อนอนของเธอให้เลื่อนหลุดไป ด้วยหนึ่งมือที่ยังคงว่างอยู่
หญิงสาวอยู่ในชุดนอนธรรมดา ชุดเดรสสายเดี่ยวตัวสั้นเสมอเข่าสีขาว เนื้อผ้าฝ้าย
ที่มีกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มหอมฉุย เคล้ากลิ่นแดดจัด ที่เสริมให้ผ้าหอมยิ่งขึ้น แบบที่ไม่เหมือนส่งซักที่ร้านทั่วไป
แม้แต่แม่บ้านของเขา...ก็ทำให้เสื้อผ้าหอมแบบเธอไม่ได้
“อื้อ...” เมื่อริมฝีปากหยัก ได้เลื่อนถึงเนินอกอวบอิ่มไร้บราเซีย หญิงสาวก็ต้องดิ้นพล่าน แอ่นรับความเสียวซ่าน ที่มาพร้อมกับความโหยหิว
ริมฝีปากหยักของเขา รวดเร็วราวกับทารกกระหายนมมารดา
“อดใจเหมือนฉัน...” เขาช้อนดวงตาคมกริบขึ้นมองสายตาที่หลุบลงมองการกระทำของเขา เพื่อให้เธอได้เห็นถึงความอดทนและทรมาน ที่รอมานานตลอดหนึ่งสัปดาห์
ช่วงนี้เป็นช่วงปิดภาคเรียน ซึ่งเธอมีเวลาที่จะได้กลับไปเยี่ยมบิดามารดาที่ต่างจังหวัด แต่ด้วยภาระหน้าที่ที่ยังคงมีอยู่ที่นี่ ทำให้ไปได้เพียงหนึ่งสัปดาห์เท่านั้น
แต่มันก็นานแสนนาน...สำหรับคนรอ
“อื้อ...” ความอุ่นชื้นจากเรียวลิ้นนุ่ม ทาบลงไปบนความแข็งชัน ที่สั่นระริกสู้ ทันทีที่ได้รับการแตะต้อง
ความรู้สึกราวกับถูกกระแสไฟฟ้าพาดผ่าน ได้แล่นปราดลงไปยังกึ่งกลางกาย
เรียวนิ้วร้ายที่จดจ่อรออยู่ กระตุกขอบแพนตี้เข้าให้...ก่อนเสียดสีขึ้นลง เป็นจังหวะ จนเสียงครวญครางกระเส่าเริ่มดังระงม
หญิงสาวพยายามกัดฟันแน่น เอามือปิดปาก ความรู้สึกของการช่วยตัวเองตลอดเวลาที่ไม่มีเขา
เทียบไม่ได้เลย
เทียบไม่ติดเลย...กับความสุขสมที่กำลังได้รับอยู่ในตอนนี้!
ความสุขสมจากการถูกแตะต้องไปอย่างพร้อมเพรียงกัน ทั้งส่วนที่แข็งชันและส่วนอ่อนไหว
เรียวลิ้นร้ายเริ่มตวัดรัวเร็ว สลับกับใช้ริมฝีปากดูดดุน
จังหวะที่ผิวเกสร ถูกขอบแพนตี้ลากผ่านแบบรู้น้ำหนัก ไม่รุนแรง ไม่เร็วนัก...
สอดคล้องเสมอกันทั้งจังหวะบน-ล่าง มันคือสวรรค์ ที่ผู้หญิงหลายคนปรารถนา
“อา...” เสียงครวญครางที่เก็บได้ไม่หมด ดังมาเป็นระยะ และดังขึ้นเมื่อความรู้สึกกำลังพุ่งสูง
มวลความกระสัน ที่ปลุกปั่นก่อตัว ทำให้เธอไม่อาจควบคุมร่างกายใดๆ ของตัวเองได้
รู้แต่เพียงว่า หน้าอกต้องแอ่น
สะโพกต้องหยัด!
