6 NC25+
ฝ่ามือเล็กเกาะขอบหน้าต่างแน่น...
พยายามส่งลำตัวตามขึ้นไป ด้วยการใช้ส้นเท้าเขย่งและเกร็งต้นขา ลมหายใจหอบพยายามกลั้นเอาไว้ ไม่ให้เกิดเสียงอันดังมากไป
ความมืดที่พอจะมีแสงสลัว ทำให้ไม่กล้าแม้แต่จะมองลงไปยังเส้นทางที่ผ่านมา
‘ในเมื่อตามหาคนผิดไม่ได้ ฉันก็ขอปิดรั้วเข้าออก ห้ามใครผ่านเด็ดขาด ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป...และเพิ่มยามอีกสองเท่า’
คำสั่งนั้น เป็นผลให้คนใจสู้ ต้องมาเสี่ยงคอหักตายอยู่ในตอนนี้!
ผู้ชายไปหาไม่ได้...เราก็ต้องมาหาผู้ชายเอง!
“อุ๊ย..ว๊า...!” เมื่อขาที่พยายามจะดันขึ้นมาก้าวพลาด เธอก็แทบจะหล่นร่วงลง โชคดีที่ขอบหน้าต่างของคฤหาสน์หลังใหญ่มีความแข็งแรงและขอบใหญ่พอที่เธอจะสาวเท้าเกาะเอาไว้ได้อีกครั้ง
และกัดปากตัวเองแน่น เพื่อไม่ให้ส่งเสียงออกไป
หมับ! แล้วมือที่กำลังจะพลาดหลุดออกจากขอบหน้าต่างบานสุดท้ายเช่นกัน ก็ถูกคว้าเอาไว้ได้
“ทำไมไม่เดินขึ้นมาดีๆ” ถามเชิงดุแต่ออมน้ำเสียงเอาไว้ให้เบาที่สุด พร้อมยกเธอขึ้นมาแบบไม่สะทกสะท้าน
ร่างเล็กลอยลิ่วตามแรงยกนั้นเข้ามาในห้องเขาอย่างง่ายดาย แต่ก็แอบหวาดเสียวอยู่ไม่น้อย
“ก็กลัวคนมาเห็น”
“แล้วไม่กลัวตกลงไปตายหรือไง” ว่าอย่างไม่สบอารมณ์พร้อมปิดหน้าต่างแน่นหนา
“ขอโทษค่ะ” ว่าเสียงอ่อย พร้อมสวมเข้ากอดเขาจากทางด้านหลังเชิงอ้อน
“คิดถึงมากเลยค่ะ...” ซบใบหน้าลงไปกับแผ่นหลังกว้างเปลือยเปล่า ที่พร้อมจะเข้านอนเต็มที่
“คราวหลังไม่เอาแบบนี้แล้วนะ” คนที่เห็นว่าเธอเกือบจะร่วงลงไป ยังสงบอารมณ์ลงไม่ได้
“ถ้าไม่เอาแบบนี้ ก็จะไม่ได้เจอกันเลยนะคะ”
“เดินขึ้นมาดีดีก็ได้ ดึกแล้วใครจะเห็น”
“ป้าเพ็ญไงคะ แกชอบเดินตรวจนั่นนี่ตอนดึก เมื่อกี้ยังเจอข้างล่างอยู่เลย” สาวน้อยผู้เข้านอกออกในบ้านหลังใหญ่ได้อย่างสบาย ทราบความเคลื่อนไหวของทุกคนและคิดมาอย่างรอบคอบแล้ว
การปีนขึ้นมาบนห้องของเขา จากห้องเก็บไวน์ที่อยู่ถัดลงไปหนึ่งชั้น ที่ไม่ค่อยมีใครเข้าไปทำอะไรนัก ดูน่าจะปลอดภัยที่สุด
“ยังจะมาเถียงอีก”
“ไม่ได้เถียงนี่คะ...อุ้ย” แล้วเจ้าของร่างสูงใหญ่ก็หมุนตัวกลับมา จัดการปิดริมฝีปากคนช่างเถียงให้รู้แล้วรู้รอด
“มีฝึกงานอีกทีวันไหน” เอ่ยปากถามทั้งๆ ที่ยังไม่ยอมขยับริมฝีปากออกห่าง จุมพิตลงไปบนกลีบปากนิ่มซ้ำๆ เชิงทะนุถนอม
ฝ่ามือใหญ่วางนาบลงไปบนสะโพกผาย พร้อมออกเดิน ดันให้เธอถอยไปยังเตียงกว้าง
“สัปดาห์หน้าค่ะ แต่ตารางรายละเอียดยังไม่ออก” ตอบกลับพร้อมกดจมูกลงบนสองแก้มของเขา สลับไปมา ช้อนสายตามองด้วยความรู้สึกคิดถึง
ไม่รู้สิ...ตั้งแต่เกิดเรื่อง
เธอก็กลัวแสนกลัว กลัวว่าจะไม่ได้มีโอกาสแบบนี้อีก
“อยากจะฝึกที่ไหน” นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะบริหารธุรกิจ สาขาบัญชี อย่างเธอ ก็ต้องอยากทำงานในสถาบันการเงินในเครือ ที่ดูแลเกี่ยวกับคลังรวมทั้งหมดของ M-Group อยู่แล้ว
แต่นั่นไม่ใช่เรื่องง่าย...
“ที่ไหนก็ได้ค่ะ”
“จะช่วย” คนที่มีอำนาจรักษาการเกือบจะสูงสุด...พูดเชิงบังคับให้เธอแสดงความรู้สึกของตัวเอง ไม่ใช่อะไรก็ได้ไปเสียทุกอย่าง
“ไม่เอาหรอกค่ะ เดี๋ยวก็มีคนสงสัย ยังไงตอนนี้สามหนุ่มแห่งมณฑลไพศาล ก็ถูกเพ่งเล็งอยู่แล้ว ถ้าเคลื่อนไหวอะไรมันจะไม่ปลอดภัยกับความสัมพันธ์ของเราสองคนนะคะ”
“กลัวอะไร” ดวงตาใสช้อนขึ้นมองเขาเชิงจะต่อว่า...
“เยอะแยะไปหมดเลยค่ะ ถ้ามีคนรู้เรื่องของเราสองคน ซวยแน่นะคะ เหมือนอย่างที่...คุณเล็กกับยัยเกวโดน”
“ฉันไม่ใช่คนขี้ขลาดอย่างมัน” ตอบกลับอย่างหนักแน่น หนักแน่นมาเสมอ...
ใช่ ที่ความสัมพันธ์ต้องเป็นการ ‘ลักลอบ’ แบบนี้ ไม่ใช่เพราะความต้องการของเขา แต่มันเป็นเพราะความต้องการของเธอเอง
เพราะเธอรู้ดีว่า ความต่างระหว่างเธอกับเขา...มันคือกำแพงใหญ่ยิ่ง เธอไม่อยากพลาดเพียงเพราะซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเองเพียงอย่างเดียว
ต้องซื่อสัตย์ รอบคอบและใช้วิธีที่ดีกว่านั้น
วิธีที่ต้องไม่โง่เขลา...
“มันไม่เกี่ยวว่าขี้ขลาดหรือไม่ขี้ขลาดเสียหน่อยนี่คะ” ตอบกลับเขาด้วยความรู้สึกอ่อนใจ เธอรู้ว่าเขารัก...รักมาตั้งนานแล้ว เธอเองก็เหมือนกัน
แต่ถ้าตราบใดที่การวางตัวของคนสองคนไม่เหมาะสม ก็รังแต่จะทำให้ต้องจบความสัมพันธ์และไม่มีวันได้รับการยอมรับกันแน่
“เรียนจบแล้ว ออกไปอยู่ข้างนอกกัน”
“คุณใหญ่คะ...” เธอโอดออกมา พร้อมจ้องตาเขาเชิงขอความเห็นใจ
“ไม่มีความจำเป็นหรอก ไม่ต้องพยายาม” เขายืนยันหนักแน่นกว่าเมื่อก่อน พร้อมประทับริมฝีปากลงมาบนกลีบปากของเธออีกครั้ง
ฝ่ามือใหญ่เริ่มขยำสะโพกงอนเด้ง ที่ซุกซ่อนอยู่ในกางเกงนอนขายาวตัวใหญ่
เสียงประท้วงในลำคอสาว ไม่เป็นผลต่อการหยุดฟังหรือยั้งสิ่งใด สองเรือนกายแนบสนิทเข้าหากัน...ตามสัญชาตญาณที่โหยหา
เรียวแขนเล็กโอบล้อมไปที่ต้นคอแกร่ง บดคลึงริมฝีปากเข้าหา สอดเรียวลิ้นแทรกประสาน กับความชุ่มช่ำที่กำลังควานอยู่ในริมฝีปาก
เสื้อนอนร่นขึ้น ลอยอยู่เหนือเอว ฝ่ามือหนาทาบลงไปยังนวลเนื้อแบนราบนั้น ก่อนสอดเข้าไปยังชายเสื้อ...และขยับเหนือขึ้นไปเรื่อยๆ
ขนอ่อนในกายสาว ค่อยๆ ลุกชัน...ความร้อนระอุที่กำลังคืบคลานเข้ามา ทำให้เธอเลื่อนฝ่ามือโอบล้อมลงมาตามสรรพางค์กายแกร่ง
ร่องแผ่นหลังลึกของเขา ประปรายไปด้วยความอุ่นปนชื้น...กล้ามเนื้อเครียดเข้า ในคราวที่เธอเลื่อนมือผ่าน
ฝ่ามือบางเล็กจมหายไปขอบกางเกงจากทางด้านหลัง เสียงทุ้มต่ำในลำคอดังก้อง ก่อนกดสะโพกสอบเข้าหาหน้าท้องแบนราบ ที่เปลือยอยู่
ภาพชายร่างสูงกำลังโอบประคอง สาวน้อยผู้สูงเพียงไหล่กว้างของเขาเท่านั้น สะท้อนอยู่ในกระจกบานใหญ่ ที่ติดอยู่กับตู้ใส่เสื้อผ้า
ใหญ่ บัลลังก์ มณฑลไพศาล ชอบความเรียบง่าย ห้องนอนของเขาไม่ได้ตกแต่งอะไร ไม่ต้องการห้องนอนใหญ่ ขอขนาดแต่พอใช้สอย
ไม่ติดหรู ไม่ใช้เงินฟุ่มเฟือยและที่สำคัญไม่เคยคิดว่าตัวเองเหนือใคร เพียงเพราะใช้นามสกุลนี้
“อื้อ...อย่ากัดสิคะ” เธอประท้วงเข้า เมื่อเขากัดริมฝีปากล่างเธอจนรู้สึกเจ็บ
“จะได้ไม่ช่างเถียง” แล้วก็ค่อยๆ จูบซับรอยแดงนั้นเชิงห่วงใย คนใจดี...ที่บางทีก็โหดอย่างเขา มักทำให้เธอใจเต้นแรงได้เสมอ
“ขอบคุณนะคะ” เธอว่า...เมื่อเขาค่อยๆ ผละรอยจูบนั้นออกอย่างเชื่องช้า
ร่างเล็กค่อยๆ ถูกประคองให้นอนลงไปกับเตียงกว้าง พร้อมๆ กับที่เขาและเธอช่วยกันรูดเสื้อนอนให้พ้นออกไปทางศีรษะ
บราเซียตัวจิ๋วห่อหุ้มความใหญ่โตที่ซุกซ่อนนั้นเอาไว้ได้เพียงนิด ก่อนถูกปลดตามไป
ความขาวสล้างกลมกลึง อวดชูช่อ...ไหวระริกเมื่อต้องเข้ากับสายตาคมกริบ ที่มองมาด้วยความปรารถนา
ฝ่ามือใหญ่ค่อยๆ โอบประคองสองเต้านั้นด้วยความทะนุถนอม ออกแรงบีบคลึงเบาๆ จนไหล่สาวต้องห่อเข้า...
“อื้อ...” ส่งเสียงครวญในลำคอเล็กน้อย ตัวเริ่มสั่น
ไม่เคยชินได้เลยกับสายตาและสัมผัสของเขา ที่มีอิทธิพลต่อร่างกายและจิตใจของเธอเสมอ
ปลายนิ้วโป้งหนา ค่อยๆ ไล้ไปตามปลายถันที่ชูช่อ
แผ่วเบา แต่ถี่บ่อย...
ใจสาวน้อยยิ่งสั่นพร่า เม้มริมฝีปากเข้า...ช่องท้องหดเกร็งจนต้องหนีบเรียวขา
“แข็งแล้ว” เขาว่า พร้อมพ่นลมหายใจอุ่นร้อน ราดรดไปยังตุ่มไตที่ค่อยๆ ลำพองตัวขึ้น
เรียวลิ้นหนาค่อยๆ แตะไล้ไปตามฐานสีอ่อน แต่ไม่ยอมแตะต้องความชูชันที่ยิ่งไหวสั่น เมื่อเขากระทำการเฉียด...แต่ไม่ยอมใกล้
“อื้อ...” คนห่อไหล่เกร็งร่างเข้า มองเรียวลิ้นร้ายกระทำการอย่างใจเย็น แต่ก็เหมือนจะแกล้งอยู่ในที...
หญิงสาวจำต้องจิกเล็บลงไปยังแผ่นหลังของเขาอย่างไม่อาจห้ามใจ ระบายความรู้สึกทรมานออกไป...อย่างดิ้นพล่าน
แอ่นใบหน้าโอบรับความรู้สึกเสียวซ่าน ที่กำลังกระจายไปทั่วทุกอณูเนื้อ
“ชอบมั้ย...” ถามพร้อมครอบครองปลายถันสีอ่อนด้วยริมฝีปากหยักหนา ดูดคลึงความนุ่มหยุ่นจนหญิงสาวผวา โอบกอดเขาแน่น
เรียวลิ้นร้ายซุกซน ไหวพลิ้วปลุกปั่น อยู่ในอุ้งริมฝีปาก
“อื้อ...อื้อ” คนพยายามกลั้นเสียงพยักหน้า หลับตา ยกสะโพกบดเบียดไปกับหน้าขาที่โน้มน้ำหนักลงมามากกว่าเดิม
“ร้องออกมาเลย ห้องฉันเก็บเสียง” เสียงพร่าของเขา เหมือนมีมนต์สะกด นำพาให้น่าทำตามไปเสียหมด... จนเธอครางออกมาแบบปลดปล่อย
มือใหญ่หนาเลื่อนลงมา ดึงกางเกงนอนตัวยาวของเธอให้พ้นไป ตามด้วยแพนตี้น้อยตัวจิ๋ว
บัลลังก์ชอบการดูดดื่มสองเต้างาม เขาจะใช้เวลาในการอยู่กับมันเนิ่นนานกว่าทุกที่...
“อืม...” เสียงครางอย่างพึงพอใจของเขา กระตุ้นกำหนัดหญิงที่ซุกซ่อนอยู่ ให้ค่อยๆ หลั่งรินออกมา ฝ่ามือใหญ่หนาวางนาบไปกับเนื้อนุ่มอวบอูมกึ่งกลางร่าง
“แฉะแล้ว” เขาว่าอย่างพึงใจ เม้มปลายถันที่แข็งชันเต็มที่และออกแรงดึงเล็กน้อย ก่อนปล่อยให้ดีดผึง
“อ๊ะ!” หญิงสาวสะดุ้ง ตีมือเข้าที่อกเขาเต็มแรง
“อย่าแกล้งกันสิคะ” เธอลืมตาขึ้นมามองเขาอย่างเง้างอด จนชายหนุ่มที่เลื่อนริมฝีปากไปประกบริมฝีปากบางเอาไว้ สอดเรียวลิ้นควานหาความหวานอย่างย่ามใจ จนเธอต้องส่งเสียงครวญครางในลำคอ
ท้องนิ้วชี้หนา ที่นาบไปกับร่องกึ่งกลางกาย
ค่อยๆ ขยับคลึงไล้ ขึ้นลงแผ่วเบาแต่หนักหน่วง
สะโพกงามงอนยกลอยขึ้นตามสัมผัสนั้น ขยับให้ได้จังหวะของความรู้สึกที่กรุ่นอยู่บริเวณกลีบเนื้อเกสร
ฝีเท้าจิกเกร็งลงไปกับที่นอน เรียวขางามแยกออกจากกันจนสุด
หญิงสาวลืมตามองตามศีรษะทุยที่ค่อยๆ ผละออกห่าง มองลงต่ำและเลื่อนลงมาช้าๆ
แล้วก็ต้องผวา...เมื่อท้องนิ้วกลางเลื่อนลงไปสัมผัสความชุ่มฉ่ำ เอ่อล้นที่ท้นออกมาเป็นระลอก
“อื้อ...” เสียงสะอื้นท้นอยู่ในลำคอ ก่อนแอ่นหน้าไปกับหมอน มองเพดานที่มีดวงไฟให้ความสว่างโร่
ทำได้เพียงยกสะโพกบดเบียดไปกับการสัมผัสที่รู้ใจจากเขา
ที่มีคนเคยพูดว่า สุขจนจนสำลักนั้น
ไม่ได้กล่าวผิดไปนักเลย!
“อืม...” ชายหนุ่มครางออกมาอย่างพึงใจ เมื่อได้มองเห็นพูเนื้องามอย่างถนัดตา ลูบไล้กลุ่มไหมดกดำที่เรียงตัวอย่างพองามเล่น
ดันเรียวขาเล็กให้กว้างขึ้น
ผิวเนื้ออ่อนสีแดงระเรื่อเหมือนลูกเชอร์รี่สุก ชุ่มไปด้วยหยาดน้ำใส ปากทางรักที่เห็นอยู่รำไรหดรั้งเข้าออก...ตามจังหวะการเคลื่อนของสะโพกสาว
เรียวลิ้นหนา นาบลงไปยังความชุ่มฉ่ำนั้น
สายตาคมกริบเหลือบเข้าสบกับคนที่ก้มมองตามอย่างลุ้นระทึก
“อื้อ!” แล้วเธอก็ต้องสะดุ้งเชิงผวา เมื่อเขาจงใจดูดเม้มเกสรกลางกายเชิงแกล้ง ก่อนตวัดไล้ปลอบโยนทันทีในคราวเดียวกัน
สะโพกที่ยกลอยขึ้นเชิงตกใจร่วงผล็อย ตีมือเข้าที่ไหล่เปลือยเปล่าอีกหน
เสียงหัวเราะก้องในลำคอของเขา ทำเอาเธอหน้าแดงซ่าน...
ใครจะไปคิดล่ะ ว่าคนหน้านิ่ง ไม่ค่อยจะสุงสิงกับใคร จะมีมุมหยอกล้อซ้ำแล้วซ้ำเล่า...บนสนามสวาท
ที่สาวๆ จอมเมาท์พูดกันว่า คุณใหญ่...จะใหญ่สมชื่อไหมนั้น ปิ่นวลีรู้สึกคันปากยิบๆ เลยแหละ!
