เอไรอันอยู่ที่ไหน
1 ชั่วโมงผ่านไป
ตุ๊บ!!
“โอ้ย!! อุ๊บ!!”
ร่างบางหล่นลงมากระทบกับพื้นถนนเสียงดันลั่น คลุกเคล้ากับเสียงร้อยโอดโอ้ยด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะรีบยกมือเล็กสองข้างขึ้นมาปิดปากเรียวสวยเอาไว้ เพื่อป้องกันเสียงเล็กลอดออกไป ภายในใจเต้นสั่นระส่ำด้วยความตื่นเต้นกลัวจะมีคนมาเห็นและได้ยินเสียงร้องของเธอที่ตกลงมาจากกำแพงสูงของคฤหาสน์
“หวังว่าจะไม่มีคนเห็นเรานะ”
หญิงสาวบ่นอุบอิบกับตัวเอง ก้าวเท้าเรียวยาวกึ่งเดินกึ่งวิ่งหนีออกจากบริเวณพื้นที่นั้นทันที โดยไม่รู้ว่ามีใครบางคนกำลังแอบมองเห็นการกระทำทั้งหมดของเธอผ่านกระจกใสภายในตัวคฤหาสน์
20 นาทีผ่านไป
@ตึกไพรมิส สถานที่จัดงานนิทรรศการศิลปะ
งานนิทรรศการศิลปะถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่สมคำลำลือ ผู้คนมากมายที่ให้ความสนใจต่างยืนมองดูภาพวาดภายในงานอย่างคึกคัก รวมถึงอเล็กซ่าสาวน้อยที่หลงไหลงานศิลปะเป็นชีวิตจิตใจด้วยคน
แววตาดูเปล่งประกายจากดวงตาคู่สวยเวลาเธอจ้องมองรูปภาพต่างๆ ด้วยความหลงไหล ร่างบางรู้สึกสบายใจเวลาที่เธอได้ทำงานศิลปะ หรือได้มองรูปภาพที่เกี่ยวกับงานศิลปะ เพราะมันช่วยเยี่ยวยาจิตใจของเธอที่บอบช้ำจากบาดแผลเมื่อ 12 ปีก่อนให้สงบลงได้
ใบหน้าที่สวยได้รูปเหมือนภาพวาดในการ์ตูน ดวงตากลมโต เรียวปากที่อวบอิ่ม ฉายแววออกมาให้ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาได้ชื่นชมในความสวยงาม ไม่ต่างอะไรจากนัยน์ตาสีเขียวเข้มคู่คมที่ถูกดึงดูดจากพลังงานบางอย่างในตัวเธอ ชายหนุ่มได้แต่จับจ้องมองดวงหน้าและแววตาคู่สวยนั้นอยู่เนินนาน
“ว้าว ภาพนี้สวยจัง”
ร่างบางเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของภาพวาดขนาดใหญ่ที่แขวนไว้ตรงปีกซ้ายของงาน ดวงตากลมโตจ้องมองไปยังรูปนั้นอย่างหลงไหลและชื่นชมในผลงานของจิตกร แต่ยังไม่ทันที่เธอจะเสพสมดังใจหมาย ก็ต้องหยุดทันควัน
“อ๊ะ!!”
แสงไฟสลัวๆ ด้านหลังของคนร่างบางถูกบดบังด้วยเงามืดขนาดใหญ่ของใครสักคน อเล็กซ่ารีบหันหลังทันทีด้วยความหวาดระแวง ดวงตากลมโตไปสะดุดเข้ากับใบหน้าหล่อคมคายของชายหนุ่มชุดขาว รูปร่างสูงโปร่ง ร่างกายดูกำยำสมส่วน นัยน์ตาสีเขียวเข้มมันช่างดึงดูดให้เธอหยุดนิ่งอย่างหลงไหลจากแค่เปลือกภายนอก
“หึ!!”
เสียงหัวเราะเบาๆ หลุดออกจาลำคอยาวของคนร่างสูง ส่งสัญญาณเตือนหญิงสาวให้ตื่นจากภวังค์ เตรียมตอนรับถึงความอันตรายที่กำลังคืบคลานเข้ามา เธอสามารถรับรู้ได้ทันทีว่าชายหนุ่มหล่อหน้าตาดีคนนี้ไม่ใช่คนของคาเนสันแน่นอน
อเล็กซ่าเริ่มก้าวถอยหลังและวิ่งฉีกมุมไปอีกทางอย่างรวดเร็ว แต่ไม่วายหันหน้ามามองตามโดมินิคที่ยังคงยืนนิ่ง นัยน์ตาคมเข้มยังคงจับจ้องมองเธออยู่ที่เดิมอย่างดุดันจนน่าขนลุก
ปึก!!
“โอ้ย!!”
ร่างบางชนเข้ากับชายรูปร่างสูงใหญ่ ผิวดำที่ตึงหน้าเคร่งขรึมคอยจ้องมองเธออยู่เช่นกัน แรงกระแทกทำให้คนตัวเล็กเสียหลังซวนเซไปข้างหลังจนแทบจะล้มลงกับพื้น จุดฉนวนให้สมองน้อยๆ เริ่มประมวลผลทันที
‘ต้องใช่คนของตระกูลไซนาเซียแน่ๆ เอ๊ะ!! แต่ทำไมพวกเขารู้จักฉันละ’
อเล็กซ่ากำลังครุ่นคิดอยู่ในใจ แต่ทว่าเวลาเหลือน้อยลงทุกที หญิงสาวต้องรีบหาทางวิ่งหนีออกจากเขตพื้นที่ของพวกเขาให้ได้ก่อนจะโดนฆ่าตายเสียก่อน
ทันทีที่เธอก้าวเท้าตั้งท่ากำลังจะวิ่งหนี ผ้าหนาก็อุดเข้าที่จมูกโด่งเรียวเล็กอย่างรวดเร็ว กลิ่นยาที่ฉุนกระทบกับโสดประสาทการดมกลิ่นเข้าอย่างจัง เธอสูดดมมันเข้าไปเต็มปอดทั้งสองข้างด้วยความตื่นกลัว ความรู้สึกเหมือนหลุดลอยไปยังสถานที่ใดที่หนึ่ง ก่อนจะหมดสติล้มคอพับไปในอ้อมแขนของชายผิวดำที่ยืนอยู่ตรงหน้า
@คฤหาสน์ไซนาเซีย
ซุม!! ซ่า!!
“อ๊า!!”
แรงสาดกระเซ็นของหยดน้ำกระแทกเข้าสู่ใบหน้าที่อ่อนนุ่นของหญิงสาวในทันที ฉุดให้คนร่างเล็กสะดุ้งตื่นจากการสลบไปเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา ดวงตากลมโตกระพริบปริบๆ เพื่อไล่หยดน้ำออกจากการบดบังสายตา ด้วยความตื่นตกใจ
ตากลมเบิกกว้างพยายามหรี่ต่ำลงกวาดตามองรอบๆ ตัวที่ถูกพันธนาการด้วยเชือกตามบริเวณข้อมือและข้อเท้าเต็มไปหมด
‘เราอยู่ที่ไหนกัน?’
คนตัวเล็กได้แต่คิดอยู่ในใจ ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาสบตาเหล่าชายชุดดำที่ยืนอยู่ตรงหน้า สายตามองต่ำลงเรื่อยๆ พยายามมองไปรอบๆ ห้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่ไม่คุ้นเคยจนมาหยุดอยู่ตรงหน้าของชายหนุ่มที่เธอเห็นอยู่ที่นิทรรศการ
อเล็กซ่ารับรู้ได้ทันทีว่าที่นี้คือรังของไซนาเซีย ความรู้สึกตื่นเต้นและหวาดกลัว วิ่งเข้ามากระทบจิตใจจนตัวเธอสั่นเครือไปหมด
“ตื่นได้แล้วอเล็กซ่า”
เสียงเข้มที่ดุดันพยายามขยับใบหน้าหล่อคมคายเข้ามาใกล้จนเธอรู้สึกได้ถึงลมหายใจร้อนแผ่ออกมาปะปนกับกลิ่นบุหรี่เล็กน้อย ดวงตาสีเขียวเข้มยังคงจ้องมองมาที่เธอจนแทบจะเฉียดเฉือนเนื้อให้ขาดออกจากร่างเล็กในทันที
“นายต้องการอะไร?”
ถึงแม้ร่างกายจะสั่นไหวด้วยความกลัว แต่คนร่างบางพยายามรวบรวมความกล้าที่มีทั้งหมดเอ่ยถามชายหนุ่มที่นั่งยองยอขาอยู่ตรงหน้า
“หึ!! รู้งานดีนิ”
ร่างสูงลุกขึ้นยืน มือหนาสอดประสานกันที่ทรงอกแกร่ง เอนตัวพิงกับโต๊ะสีน้ำตาลที่ตั้งอยู่ข้างหลัง แววตาแสดงออกอย่างชัดเจนถึงความพึ่งพอใจที่เห็นหญิงสาวไม่โว้ยวายเหมือนอย่างที่ตนคิด เธอยังคงนิ่งไม่สบตาใครถึงแม้จะตัวสั่นบางเล็กน้อยตามสัญชาตญาณ
“เอไรอันอยู่ที่ไหน?”
ใบหน้าสวยซีดเผือกมีหยดน้ำปะปนเล็กน้อย รีบเงยหน้าขึ้นมองคนร่างโตที่ยืนกอดอกอยู่ตรงหน้า ดวงตากลมโตเปิดโพรงกว้างด้วยความมึนงงถึงคำถามที่ชายหนุ่มเอ่ย เธอพยายามเรียบเรียงคำถามใหม่อีกครั้ง พร้อมกับความคิดมากมายวิ่งเข้ามากระทบสมองน้อยๆ ทันที
“นายอยากจะรู้ไปทำไม”
หมับ!!
“อ๊ะ!! ฉันเจ็บนะ”
แก้มสวยถูกแรงบีบจนบุ๋มลงไปจากเนื้อมือของคนร่างโต ใบหน้าสวยยับยู่ยี่จนน่าใจหาย ความเครียดแค้นที่สะสมมานานหลายปีถูกระเบิดออกมาบนใบหน้าของหญิงสาว ก่อนที่ชายหนุ่มจะสะบัดมือออกจากแก้มที่มีรอยแดงระเรื่อจากกระทำของเขา
“เธอกล้าดียังไงมาถามฉัน ห๊ะ!!”
ดวงตาคมคู่นั้นจับจ้องมองดวงแก้มที่เป็นรอยแดง แต่สิ่งที่หญิงสาวได้รับมันทำให้โดมินิครู้สึกชอบใจเป็นอย่างมาก
“เขาตายแล้ว”
น้ำตาหยดเล็กๆ ไหลรินออกมาด้วยความรู้สึกเจ็บปวดจากแผลเก่าที่อยู่ลึกภายในจิตใจ เมื่อต้องจำใจยอมรับและพูดถึงเรื่องการตายของพี่ชายตนเอง
“โกหก!!”
เสียงใหญ่ตวาดดังลั่นห้อง สร้างความตกใจให้กับเธอและเหล่าบอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ใกล้ๆ สีหน้าชายหนุ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำด้วยความโมโห
เรื่องราวที่โดมินิคได้รับจากวาดิเมียมันทำให้เขาโกรธเคืองและเครียดแค้นคาเนสันจนหน้ามืดตามัว พอถึงวันที่เขามีโอกาสจะแก้แค้นคืนให้พ่อกับแม่ เธอกลับมานั่งโกหกหน้าตายอยู่ภายในคฤหาสน์ของเขาเองชะงั้น
“ฉะ…ฉันไม่ได้โกหก พี่ไรอันจากไปตั้งแต่ 12 ปีที่แล้ว”
ขมับ!!
“แค่กๆ อือ!!”
นิ้วหนาสุดแข็งแกร่งบีบเข้าที่ลำคอยาวอย่างรุนแรง เธอได้แต่ตะกุกตะกักดิ้นไปมาอยู่บนเก้าอี้ที่ถูกมัดติดกับข้อมือและข้อเท้าของเธอไว้อย่างทรมานจนน่าอนาถใจ
“นายท่านครับ เธอกำลังจะขาดอากาศหายใจ”
จอนบอดี้การ์ดคู่ใจรีบเอ่ยตักเตือนสติของผู้เป็นนาย เมื่อเห็นท่าทางของคนร่างโตที่กำลังสติแตกไม่ยอมลดมือหนาออกจากคอสวยของหญิงสาว
“หือ!! แค่กๆๆ”
เสียงไอดังลั่นห้อง ร่างกายพยายามสูดเอาอากาศที่อยู่ภายในห้องให้ได้มากที่สุด ก่อนจะขาดใจตาย ถึงแม้เปลือกภายนอกจะดูดีและหล่อเหล่าแค่ไหน แต่จิตใจกลับเหี้ยมโหดดังปีศาจที่คนอย่างเธอไม่ควรมาเจอะเจอเลยด้วยซ้ำ
“ฉันจะให้เวลาเธอตัดสินใจแค่ 1 วัน ถ้าเธอไม่บอกเรื่องไอ้หน้าตัวเมียนั้นอยู่ที่ไหน เธอเจอดีแน่อเล็กซ่า”
คนตัวโตพยายามควบคุมสติตัวเองก่อนจะพลั้งมือฆ่าเธอตายสะก่อนจะรับรู้ความจริง เขาเดินสะบัดตูดออกจากห้องพร้อมกับบอดี้การ์ดทั้งหมด เหลือเพียงแค่เธอคนเดียวที่นั่งน้ำตาไหลพรากจากความเจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจที่ปีศาจอย่างเขามอบให้
