ฉันไม่กิน
@ห้องทำงานของโดมินิค
เพล้ง!!
มือหนากวาดทุกอย่างที่อยู่บนโต๊ะลงสู่พื้นทันควันด้วยอารมณ์โมโหสุดขีด ใบหน้าสีแดงก่ำถูกเติมเต็มไปด้วยความแค้นและดุดัน
เสียงที่ดังภายในห้องพลันให้บอดี้การ์ดคนอื่นๆที่ยืนอยู่ด้านนอกห้อง ตัวสั่นเครือด้วยความกลัวจนแทบจะมุดหัวหนี ทุกคนต่างรู้ดีว่าตั้งแต่โดมินิคขึ้นปกครองตระกูลไซนาเซียแทนเจ็ค เขาช่างเหี้ยมโหด ดุดัน และอำมหิตมากกว่าผู้เป็นพ่อร้อยเท่าจากแรงแค้นที่เป็นแรงพลักดันในตัวเขา จึงไม่มีใครกล้าต่อรองและต่อต้านเขาเลยสักคน
ปัก!! ปัก!!
กำปั้นแกร่งถูกทุบลงบนโต๊ะซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเลือดไหลซิบออกมาอย่างเหลือล้น แต่มันไม่ได้ทำให้โดมินิครู้สึกเจ็บปวดเลยสักนิด เพราะความแค้นที่อยู่ภายในจิตใจมันมีมากกว่าและยังค่อยขี้นำทางอันมืดมนให้แก่เขาอยู่ตลอดเวลา
“ติดต่อมาคัสให้ฉันเดี๋ยวนี้”
มาคัส เอมิค ลูเชอร์ บอดี้การ์ดฝีมือดีเพียงคนเดียวที่เข้าไปเป็นสายในคฤหาสน์คาเนสันได้นานเกือบ 6 ปี เพื่อสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับที่อยู่ของชายที่ฆ่าเจ็คและจีน่า โดยที่คนของคาเนสันนั้นไม่เคยจับผิดได้แม้สักครั้ง
“ครับนายท่าน”
ลับแผ่นหลังใหญ่ของชายผิวดำ มือเรียวยาวเอื้อมไปดึงม้วนบุหรี่ที่อยู่บนโต๊ะออกมาจุดไฟอัดควันดำมันเข้าสู่ปอดทันที มือใหญ่จับคอขวดแก้วเทลงในแก้วใบหนาเผยสีน้ำอำพันไหลรินลงแก้ว ซึ่งมันสามารถช่วยเยี่ยวยาจิตใจของชายหนุ่มได้เป็นอย่างดี
ร่างใหญ่กระดกน้ำสีเหลืองอร่ามตาเข้าปากหนาทันที เพียงแค่ พริบตาเดียวสายตาที่ว่างเปล่าไร้ความรู้สึกในตอนนี้กลับผ่อนคลายลง และแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับอารมณ์เมื่อสักครู่นั้น
“นายท่านครับ สายจากมาคัส”
“ออกไปก่อนจอน”
ชายร่างสูงชุดดำยื่นมือถือในมือให้กับโดมินิค ก้มหัวโค้งคำนำให้กับผู้เป็นนายอย่างเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนจะม้วนตัวหนาเดินพ้นบานประตูออกไปทันที
“มาคัส!! ได้เรื่องอะไรเพิ่มเติมมั้ย”
“ยังไม่มีเรื่องอะไรคืบหน้าเลยครับนายท่าน”
“ยัยนั้นไม่ยอมปริปากบอกเรื่องของเอไรอัน”
“นายท่านครับ คาเนสันไม่มีใครเปิดปากพูดถึงคุณไรอันเลยสักคนครับ ผมคาดเดาว่ามีแค่เธอเพียงคนเดียวที่รู้เรื่องทั้งหมดของพี่ชายครับท่าน”
“อืม!!”
คำพูดสั้นๆของผู้เป็นนายกลับฟังดูน่าขนลุก นัยน์ตาสีเขียวดูเยือกเย็นและว่างเปล่าไร้ความรู้สึก ยังคงจ้องมองออกไปนอกหน้าต่างอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน จนแสงสว่างภายนอกเลื่อนหายไป มีแค่ความมืดมนดังจิตใจของเขาเท่านั้นที่เข้ามาแทนที่
ก๊อก!! ก๊อก!!
เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้หญิงสาวร่างบางที่ถูกมัดตัดกับก้าวอี้สะดุ้งตัวอีกครั้งจากความปวดเมื่อยตามร่างกาย ตาโตกลมสวยเปิดเปลือกตาขึ้นทันที เผยให้เห็นรอยช้ำและบวมเป่งจากการผ่านการร้องไห้มานับหลายชั่วโมง ร่างบางจ้องมองออกไปยังบานประตูที่เป็นทางหนีเดียวที่เหลืออยู่อย่างไม่มีหวัง
“นายหญิง อาหารมาแล้วค่ะ”
หญิงร่างบางวัยสูงอายุ ใบหน้าเหี่ยวย่นแต่ยังคงความสวยตามแบบฉบับสาวรัสเซีย ดวงตาเศร้าหมองเหมือนมีบางอย่างแอบแฝงอยู่ภายในใจ พลางส่งยิ้มหวานให้กับหญิงสาวที่ตนพึ่งเคยเจอเป็นครั้งแรก เธอเดินถือถาดอาหารเข้ามาภายในห้อง โดยมีบอดี้การ์ดอีกคนยืนคุมอยู่หน้าประตู
“ฉันไม่กิน!!”
“นายหญิงอเล็กซ่า ถ้าไม่ทานอะไรเลยเดี๋ยวจะไม่มีแรงนะคะ”
“เอาออกไปเถอะ!!”
ถึงแม้แมรี่จะพยายามปลอบประโลมให้เธอทานอาหารที่ยกมาให้มากแค่ไหน แต่หญิงสาวก็แสดงท่าทีต่อต้านสุดชีวิต จนแมรี่เองเริ่มหมดหนทางที่จะเซ้าซี้อเล็กซ่าได้อีกต่อไป เธอถือถาดอาหารมาว่างไว้ที่โต๊ะตรงด้านหน้าของหญิงสาว ก่อนจะเอื้อมมือเหี่ยวมาแกะมัดเชือกที่ผูกมัดตัวเธอติดไว้กับเก้าอี้
“แมรี่เธอจะทำอะไร?”
บอดี้การ์ดหนุ่มรีบเดินเข้ามาดึงแขนของหญิงชราออกอย่างรวดเร็ว จนแมรี่ตัวเซไปอีกฝั่งชนกับขอบประตูทันที
อเล็กซ่าที่มองตามได้แต่อ้าปากค้างกับท่าทางที่แสดงออกอย่างไม่ปรานีแก่หญิงชรา ซึ่งมันช่างดูแตกต่างจากคาเนสันชะเหลือเกิน
“ฉันจะแกะเชือกให้นายหญิง เผื่อเธอหิวจะได้กินเองได้”
“ไม่ต้อง นายท่านสั่งไว้ห้ามแกะเชือกเธอออกเด็ดขาด”
ทั้งสองคนได้แต่ยืนจ้องหน้ากันอยู่สักพัก ก่อนที่แมรี่จะละสายตาออกจากใบหน้าเคร่งขรึมของชายชุดดำ หันหน้ามาส่งยิ้มจางๆให้กับอเล็กซ่าอีกครั้ง
“นายหญิง ถ้าหิวให้รีบแจ้งบอดี้การ์ดหน้าห้องทันทีเลยนะคะ ฉันจะรีบมาให้เร็วที่สุด”
น้ำเสียงและท่าทางของแมรี่ทำให้อเล็กซ่าน้ำตาคลอเต็มดวงตาทั้งสองข้าง เพราะมันดูช่างอบอุ่นเหลือเกินซึ่งแตกต่างจากคนอื่นๆที่อยู่ภายในบ้านอย่างสิ้นเชิง แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้อเล็กซ่าตอบอะไร แมรี่ก็หันหลังเดินออกจากห้องไปทันที
เธอนั่งมองอาหารที่อยู่บนโต๊ะอย่างหมดหนทางหนี พยายามสอดส่องสายตามองภายในห้องเพื่อหาทางออกแต่ดวงตาคู่สวยดันไปสะดุดกับจุดดำๆเล็กที่อยู่มุมห้อง ซึ่งถ้าเดาไม่ผิดน่าจะเป็นกล้องวงจรปิด อเล็กซ่ารีบหันหน้ากลับมาที่จุดเดิมทันทีด้วยความตื่นเต้น
“แสดงว่าเขาเห็นทุกอย่างภายในห้องนี้นะสิ”
ปัง!!
กรี๊ด!!
ยังไม่ทันที่เธอจะคิดอะไรออก บานประตูห้องถูกถีบอย่างรุนแรงจากใครสักคน ฉุดให้อเล็กซ่าตกใจสะดุ้งเฮือก ก่อนจะเผยเงาดำมหึมาของชายร่างใหญ่ที่เธอเกลียดมากที่สุดในชีวิตนี้
ร่างสูงเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ที่กลางห้อง เฝ้ามองใบหน้าที่สวยรูปไข่ของเธออย่างไม่ยอมละสายตาคมคู่นั้นออก
“บอกฉันมาสิ ทำไมเธอไม่กินข้าว”
“ฉันไม่กิน”
สายตาดุดันยังคงจ้องมองมายังร่างบางที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ ในใจของชายหนุ่มแทบอยากจะฆ่าเธอให้ตายคามือในตอนนี้ แต่เมื่อเธอยังคงมีประโยชน์อยู่จำใจต้องพยายามออมมือและควบคุมอารมณ์ตัวเองให้มากกว่าเดิม
มือใหญ่เอื้อมไปแกะเชือกที่ผูกข้อมือและข้อเท้าเธอออกทั้งสองข้าง ดวงตากลมโตเป่งประกายแวววับอย่างคนมีความหวัง หัวใจดวงน้อยเต้นระส่ำด้วยความตื่นเต้น พลางจ้องมองไปยังชายหนุ่มที่ยืนกอดอกมองมายังคนร่างเล็ก
“นายจะปล่อยฉันแล้วใช่ไหม”
“ฉันปล่อยเธอเพื่อให้กินข้าว เพราะฉะนั้นอย่าแม้แต่จะคิดเข้าข้างตัวเองว่าฉันจะปล่อยเธอไปจริงๆ ถ้าเธอยังไม่ยอมบอกว่าพี่ชายของเธออยู่ไหน”
หัวใจดวงเล็กที่กำลังพองโตดับวูบลงกับตาฉับพลัน เมื่อสิ้นเสียงของคนร่างใหญ่ที่ยืนอยู่ข้างหน้า
“ฉันบอกนายไปแล้วว่าเขาตายแล้ว ปล่อยฉันเถอะนะ ถ้านายไม่ปล่อยฉัน คาเนสันต้องตามหามาบุกรุกที่นี้แน่ๆ”
“คนอย่างฉันไม่เคยคิดกลัวคาเนสันเลยสักนิด หุบปากและรีบกินข้าวชะ ก่อนที่จะอดตายชะก่อนอเล็กซ่า”
โดมินิครู้ทันว่าเธอจะพูดอะไรต่อ ก่อนจะรีบตัดบทเสียงเรียบ ถึงแม้เธอจะพยายามบอกความจริงกับเขามากแค่ไหน เขาก็ยังคงไม่เชื่อในคำพูดและยังคงคิดว่าเธอโกหกอยู่ดีวันยังค่ำ
