บทที่4
[กลับมาที่แอเรียล]
ไม่รู้ว่าพระเจ้าสงสารหรือเพราะความบังเอิญกันแน่นะ ไอ้ห้องน้ำชายที่ฉันวิ่งหนีตายมาถึงนั้น แท้จริงแล้ว มันก็คือห้อง ผ.อ นั่นเอง แต่เพราะพวกนักเรียนมือบอนที่วันๆ ไม่ทำอะไรนอกจากสร้างปัญหาของโรงเรียนนี้ ป้ายชื่อห้อง ผ.อ จึงถูกโยกย้ายไปไว้แทนที่ห้องน้ำชายและป้ายห้องน้ำชายก็เลยถูกย้ายมาแทนที่ป้ายห้อง ผ.อ อย่างที่เห็นเนี่ยล่ะ
นี่ถ้ายัยเด็กผู้หญิงที่เดินมาไปมาไม่เผลอพูดว่าอีกอาทิตย์ที่เปลี่ยนป้ายห้อง ผ.อ จากเดิมที่เป็นห้องน้ำชายให้เป็นห้องนักการภารโรงล่ะก็ ชาตินี้ทั้งชาติฉันคงไม่มีบุญวาสนาได้เจอะเจอกับไอ้ห้องหลายชื่อนั้นเป็นแน่
หลังจากทนฟังยัย ผ.อ จอมพูดมากเทศนาธรรมมะจนขี้หูเต้นระบำเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ฉันก็ได้ตารางสอน ชุดนักศึกษา และกุญแจหอพักซะที นึกว่าวันนี้ฉันจะได้นอนบนต้นไม้แล้วซะอีก แต่ไอ้หอพักที่ว่า ดันเป็นหอรวมซะอย่างนั้น อย่างนี้ยัยชะนีในแตกทั้งหลายก็สามารถแอบย่องไปหาผู้ชายกลางดึกได้น่ะสิ
โอ้แย่แล้ว
ฉันชักจะเป็นห่วงเพื่อนชายข้างห้องซะแล้วสิ
วันนี้เนื่องจากฉันเพิ่งผ่านสมรภูมิรบมาหมาดๆ จึงไม่มีกระจิตกระใจจะขึ้นเรียนในช่วงบ่าย ขอพักเอาแรงหน่อยก็แล้วกันนะ โชคดีที่กระเป๋าของฉันถูกส่งขึ้นไปรอฉันอยู่ในหอพักเรียบร้อยแล้ว ไม่อย่างงั้นฉันคงต้องหลังหักเพราะแบกกระเป๋าที่หนักกว่าตัวเองถึงสองเท่าแน่ๆ
[206]
หลังจากเดินโซซัดโซเซมาตามแผนที่ที่ท่าน ผ.อ ให้มา ฉันก็ถึงซะที หอพักที่ฉันจะต้องมาอาศัยอยู่ แต่สำหรับโรงเรียนนรกแห่งนี้แล้ว เรียกว่าหอพักมันคงฟังดูนิ่มนวลเกินไป ฉันขอเปลี่ยนเป็นหลุมหลบภัยก็แล้วกัน ฟังดูสมเหตุสมผลกว่ากันเยอะ
หลังจากเดินสำรวจห้องเสร็จฉันก็เริ่มรื้อกระเป๋าจัดข้างของให้เป็นระเบียบเรียบร้อยรอการมาของเพื่อนร่วมห้อง
ถ้าจำไม่ผิด ยัยเจ๊ ผ.อ บอกว่าฉันได้นอนร่วมกับนักเรียนที่โดนหมายเรียกตัวเหมือนกัน ซึ่งพอได้ยินแบบนั้นฉันก็รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก เพราะอย่างน้อยๆ ฉันกับเพื่อนร่วมห้องก็คงต้องตกอยู่ในสถาณการณ์เหมือนๆ กัน หัวอกเดียวกันก็อาจจะเป็นเพื่อนกันได้ ฉันก็หวังให้มันเป็นอย่างนั้น
รอแล้วรอเล่านานกว่าสามชั่วกว่าเห็นจะได้ แต่ก็ไร้วี่แววเพื่อร่วมห้องที่ว่านั้นเลย หรือว่าจะถูกดักฆ่าล้างป่าช้าไปแล้วนะ? ขนาดฉันยังเกือบจะเอาชีวิตไม่รอดเลย
แต่ก็ช่างเถอะ วันนี้ทั้งวันฉันใช้แรงงานจากฝีเท้าไปมาก ขอพักผ่อนให้หายเหนื่อยก่อนก็แล้วกัน ส่วนไอ้เพื่อนร่วมห้องเนี่ย จะอยู่หรือตายก็ไม่เห็นว่ามันจะเกี่ยวกับฉันตรงซอกหลืบมุมไหน ลำพังตัวฉันเองก็จะตายแหล่ไม่ตายแหล่อยู่แล้ว จะเอาเวลาที่ไหนไปเป็นห่วงเป็นใยคนอื่นกันเล่า!
เฮ้อ~เหนื่อยใจ เมื่อยกาย อ่อนล้า หลับตา และก็ Z z z ครอก~ฟี่Z z z~ ผลอยหลับไป
[เช้าวันใหม่]
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นด้วยเสียงที่ดังจนสามารถปลุกคนทั้งหอให้ตื่นก็ยังได้ แต่ไม่ใช่กับร่างบางที่กำลังนอนคดอยู่ใต้ผ้าห่มนี้~ไม่ใช่เลย ร่างบางขยับตัวตัวเล็กน้อยพร้อมกับใช้มือกระชับผ้าห่มให้หนาขึ้นเพื่อให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย ก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้งไม่สนใจเสียงนาฬิกาปลุกอย่างต่อเนื่องเป็นระยะๆ
ภายใต้อุณหภูมิของห้องที่แสนจะอบอุ่นในตอนนี้มันช่างแตกต่างกับอุณหภูมินอกหน้าต่างนั่นโดยสิ้นเชิง อาจเป็นเพราะว่าหน้านี้เป็นหน้าฝน เลยทำให้บรรยากาศในตอนเช้าเย็นสบายต่างจากฤดูร้อนที่ผ่านมาไปมากโข แสงแดดอ่อนๆ ถูกบดบังด้วยก้อนเมฆสีดำครึ้มนั้น ทำให้ฉันสามารถคาดคะเนสภาพอากาศล่วงหน้าได้เลยว่าฝนกำลังตกลงมาในไม่ช้านี้อย่างแน่นอน
สายลมจากนอกหน้าต่างนั่นมันช่างเป็นอะไรที่วิเศษที่สุดสำหรับฉันก็จริง! แต่!!ถ้าฉันยังมัวโอ้เอ้ตัวติดเตียงอยู่แบบนี้อีกสักห้านาที...ฉันคงไปเรียนสายเป็นวันแรกแน่ๆ โปรดอย่าเข้าใจผิดว่าฉันตื่นนอนเพราะเสียงปลุกของนาฬิกา เปล่าเลย~ฉันตื่นเพราะเสียงท้องร้องโครงครางของท้องน้อยๆ ของตัวฉันเองต่างหาก ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เมื่อวานฉันหลับไปทั้งๆ ที่ยังไม่มีเม็ดขาวสักเม็ดตกถึงท้อง ช่างน่าอนาจใจยิ่งนัก
หลังจากทำกิจกรรมยามเช้าเสร็จสิ้นลงแล้ว ตอนนี้ฉันอยู่ในชุดสถาบันอันเลื่องชื่อของเซนซารารี่อย่างเต็มยศ เสื้อเชิตแขนยาวสีขาวถูกกดทับด้วยเสื้อสูทหนาสีดำ ป้ายชื่อสีทองอันเล็กๆ ถูกติดลงบนปกคอเสื้อด้านมุมบนขวา กระโปรงจีบรอบสีแดงเพลิงที่สั้นจนฉันไม่กล้าใส่แต่ก็ต้องกัดฟันใส่มันไปอย่างเลี่ยงไม่ได้
โชคดียังเป็นของฉัน
เพราะนักเรียนที่ได้รับหมายเรียกไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ภายในโรงเรียนแห่งนี้เลยแม้แต่แดงเดียว ไม่อย่างนั้นฉันคงได้แกะฝาผนังห้องกินเพื่อประทังชีวิตรอดแหงๆ
ซ่า!!!!!!
ในที่สุด ฝนก็เทลงมาจนได้ _*_
ฉันกำลังยืนห่อไหล่ด้วยความหนาวเหน็บอยู่หน้าหอพักของตัวเอง สายตาจ้องมองนักเรียนที่เดินถือร่มไปมาด้วยสายตาแห่งความหวัง หวังว่าจะมีใครใจบุญชวนให้ฉันอาศัยร่มไปตึกเรียนด้วยกัน
แต่ถ้าขืนฉันยังยืนรอความหวังที่หริรี่ราวกับหลอดไฟหมดอายุจากเพื่อนนักเรียนด้วยกันอยู่อย่างนี้ต่อไป....วันนี้ฉันคงไม่ได้เรียนกันพอดี
เฮ้อ~ เห็นทีว่าวันนี้ฉันคงต้องเอาถุงขยะเดินคลุมหัวไปตึกเรียนซะแล้วล่ะ จะหาน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ จากคนพวกนี้ มันยากกว่างมเข็มในมหาสมุทรแปซิฟิกซะอีกนะเนี่ย
‘’ คิกๆ เธอดูยัยนั่นสิ เอาถุงขยะคลุมหัวเดินมาเรียน ตลกชะมัด’’
‘’ นั่นสิ หน้าตาไม่คุ้น สงสัยจะเป็นเหยื่อรายใหม่’’
‘’ ว่าแต่นะ ยัยยิปโซจอมโหดอะไรนั่นน่ะ วันนี้แล้วล่ะสินะ ที่เราจะได้เจอตัวเป็นๆ ซะที’’
กร๊อบ~ กร๊อบ~
เสียงหักข้อมือไปมาของฝูงชะนีที่ฉันเดินผ่านนั้นสร้างความหดหู่หัวใจยามเช้าให้ฉันได้เป็นอย่างดีเยี่ยม
ใช่...ใช่.....ใช่แล้ว!
ฉันเอาถุงขยะคุมหัวเดินมาตึกเรียน ฉันเป็นเหยื่อรายใหม่
ฉันคือยัยยิปโซจอมโหดที่พวกเธอกำลังนินทากันอยู่ แต่นั่นมันก็แค่ในนามเท่านั้น ชาตินี้ทั้งชาติจะมีใครเรียกชื่อจริงๆ ของฉันบ้างไหมเนี่ย แต่ก็ช่างเถอะ ฉันรีบเดินขึ้นตึกดีกว่า อยู่ตรงนี้นานๆ มันรู้สึกเสียวสันหลังแหว๊บๆ
