บทที่2
โถ~ชีวิตหนอชีวิต การที่ฉันจะต้องทำใจดีสู้เสือข่มกล้ามเนื้อที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของเท้าทั้งสองข้างให้เดินเข้าไปในโรงเรียนนรกแห่งนี้ ให้ฉันไปกระโดดตึกสิบชั้นยังจะง่ายซะกว่าอีก
ตึกๆ ตึกๆ
หลังจากยืนทำใจอยู่นานสองนาน ความเมื่อยที่ขาก็เริ่มมาเยือนจนฉันไม่มีทางอื่นให้เลือกนอกจากต้องจำใจย่างกายเข้าไปในโรงเรียนนรกนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
พระเจ้า จงโปรดคุ้มครองชีวิตลูกให้อยู่รอดปลอดศัตรูของยัยยิปโซด้วยเถิดด~
แน่นอน บรรยากาศเป็นไปตามอย่างที่คิดเอาไว้ไม่มีผิด ทันทีที่สิ่งมีชีวิตหน้าแปลกอย่างฉันย่างกายเข้ามาในเขตโรงเรียนแค่สามก้าว แค่สามก้าวเท่านั้น!! ฉันก็กลายเป็นจุดสนใจของผู้คนรอบข้างไปโดยปริยาย
‘’ชิส์! เหยื่อรายใหม่ล่ะสินะ อยู่ได้ไม่นานหร๊อกกก~’’ เสียงนินทา No1
‘’นั่นน่ะสิ! กล้ามากที่บุกเดี๋ยวเข้ามาในโรงเรียนเรา ไม่ตายดีแน่ๆ’’เสียงนินทา No2
ฉันล่ะอยากจะตะโกนตอบยัยสองสาวหน้าวอกนี่จริงๆ เลยว่า ฉันไม่ได้อยากมาที่นี้เลยสักนิด นิดเดียวก็ไม่มี
แต่ก็ช่างเถอะ แทนที่ฉันจะเอาเวลาที่ด่ายัยสองคนนี้ในใจ สู้เอาเวลาไปเดินหาห้อง ผ.อ จะดีซะกว่า ว่าแต่ว่า
(- - ?) หันไปทางซ้าย
(? - -) หันไปทางขวา
( _?_ ) มองไปข้างหน้า
( ) หันไปข้างหลัง
ฉันจะไปทางไหนดีล่ะเนี่ย
!ขวาตาย ซ้ายสลบ ข้างหน้านรก ข้างหลังทางตัน (เพราะว่ามันคือกำแพง)
‘’ขอโทษนะค่ะ ช่วยบอกฉันหน่อยได้ไหม ว่าห้อง ผ.อ ไปทางไหนน่ะ ’’ หลังจากเดินวนเวียนเป็นสัมภเวสีอยู่นานจนรากเริ่มงอก ฉันเลยต้องจำใจเปิดปากถามผู้หญิงน่ารักคนหนึ่งที่เดินสวนทางมา คนหรือนางฟ้าเนี่ย ทำไมถึงได้สวยใสไร้ที่ติแบบนี้นะ
ยัยน่ารักหันหน้ามามองฉันอย่างฉงนพร้อมกับลดสายตาต่ำลงไปมองที่แขนของหล่อนที่มีมือของฉันจับเอาไว้อยู่ และหลังจากนั้น
เพี๊ยะ!!
หล่อนก็ประเคนฝ่ามือพิฆาตมาให้ฉันอย่างไม่รู้สาเหตุ เรื่องมันเกิดขึ้นเร็วมากจนฉันแทบไม่รู้สึกตัว มารู้ตัวอีกที ใบหน้าด้านซ้ายทั้งแถบของฉันก็ด้านชาไร้ความรู้สึกไปซะแล้ว
‘’แกกล้าดียังไงมาพูดกับฉัน ยัยขี้เหล่’’ รอยยิ้มราวกับเทพธิดาวีนัสหายวับไปกับอากาศทันที โอ้~นางฟ้าผู้น่ารักของฉัน แปรงร่างเป็นปีศาจผู้น่าเกลียดไปแล้ว
แค่ถามทางแค่นี้ก็โดนตบแล้ว แล้วนี่ถ้าเกิดฉันเผลอไปเหยียบเท้าใครคนหนึ่งในโรงเรียนนี้เข้า ฉันจะไม่โดนฆ่าล้างโคตรเหรอเนี่ย ญาติฉันยิ่งไม่ค่อยจะมีอยู่ด้วยสิ
พระเจ้า หน้าตาที่น่ารักน่าจะเป็นมิตรนั่น ไม่ได้บ่งบอกถึงนิสัยใจคอของคนเราเลยจริงๆ
อย่าให้เจอเชียวนะ ไอ้ห้อง ผ.อ ตัวการที่ทำให้ฉันถูกตบ แม่จะลอบวางเพลิงให้มันรู้แล้วรู้รอดไปซะเลย
‘’ว่าไงไอ้ซันโจ แกกล้ามากนะ ที่มาตามหมายเรียกน่ะ’’ จู่ๆ เสียงปริศนาดังขึ้นใกล้ๆ กับต้นไม้ที่ฉันกำลังนั่งพักเหนื่อยอยู่ ทันทีที่ฉันชะโงกหน้าผ่านพุ่มไม้ไปตามเสียงที่ดังขึ้นฉันก็ตระหนักได้อย่างนึงว่า ไม่ควรจะอยู่ตรงที่แบบนี้ในเวลาน่าหวาดเสียวนี่เลย
แม่เจ้า! ภาพตรงหน้าฉันคือผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกับฉันกำลังถูกรุมล้อมด้วยผู้ชายที่มีอาวุธครบมืออีก6คน แย่แล้ว นี่คนพวกนี้กำลังจะต่อสู้กันใช่ไหม? หกต่อหนึ่งเนี่ยนะ ช่างกล้าหาญชาญสมรเสียนี่กระไร
แต่ที่ชวนตะลึงมากกว่าอาวุธในมือของไอ้พวกนั้นก็คือ เขา ผู้ชายรูปงามที่ถูกรายล้อมด้วยเหล่ากองทัพกอริล่าบ้าเลือดขนดก
ผิวขาวเนียนละเอียดราวกับว่าจะมีแสงประกายเปล่งปลั่งออกมาจากตัวของเขา จมูกโด่งเป็นสัน ผมสีดำสนิทซอยสั้นบะบ่า ดวงตาสองชั้นสีชาที่แลดูจะน่าหลงใหลราวกับภาพวาดสีน้ำมันชั้นเยี่ยม โครงหน้าเรียวยามรูปไข่ ริมฝีปากบางเป็นกลีบ ความสูงที่มองยังไงก็มีเสน่ห์
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!
เกิดมาจากท้องแม่ยังไม่เคยพบเจอชายใดที่หล่อเหลาราวกับเทพบุตรก็ไม่ปานอย่างนี้มาก่อนในชีวิต ความหล่อของเขาทำให้ฉันละทิ้งความกลัวในหัวเมื่อสักครู่นี้ออกไปจนหมดคราบ ขาทั้งสองข้างไร้เรี่ยวแรงไปซะดื้อๆ
‘’หึ!! จะเอายังไงก็ว่ามา คนอย่างฉันไม่ค่อยจะมีเวลาให้พวกเศษสวะอย่างพวกแกซะด้วยสิ’’นายหน้าหล่อพูดขึ้นด้วยเสียงที่เย็นเจี๊ยบราวกับว่ามันสามารถสะกดผู้ที่ได้ยินให้หยุดเคลื่อนไหวได้ยังไงยังงั้น จะตายอยู่แล้วยังจะมาทำเท่ห์อีกนะอีตาบ้า
‘’ปากดีนักนะมึง! วันนี้มึงไม่รอดแน่’’
‘’ หึ ทำได้ก็ลองดู’’ เดี๋ยวสิ! อย่าเพิ่งตีกัน ขอเวลาฉันสักสามนาที ให้ฉันเดินผ่านไปก่อนได้ไหม แล้วค่อยตีกันน่ะ
ผลัวะ!
ไม่ทันแล้ว หมัดหนักๆ ของไอ้หน้าแพะคนหนึ่งพุ่งเข้าใส่ใบหน้าหล่อใสของนายสุดเท่ห์นั่นอย่างจังจนเขาเซไปข้างหลังเล็กน้อย แต่เพียงแค่พริบตาเดียวเขาก็กระโดดเตะก้านคอนายหน้าแพะจนสลบเมือกไปเลย แล้วนี่ฉันมานั่งพากย์มวยคู่เอกอะไรอยู่ตรงนี้เนี่ย เกิดไอ้พวกหมาหมู่นั่นมันเห็นว่าฉันแอบดู ฉันจะไปถูกฆ่าปิดปากรึไง อ๊ากกก ทำไงดี!
ผลัวะ!
การต่อสู้ยังคงดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ โดยมีฉันที่ยืนลุ้นอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ ไม่จากไปไหน ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากไปนะ แต่ไอ้ขาเวรนี่ดันกลัวจนก้าวไปออก ทำยังไงดีล่ะทีนี้
แต่เดี๋ยวก่อน ทำไมฉันถึงได้รู้สึกว่าไอ้พวกหมาหมู่นั่นมันมีคนเพิ่มมากขึ้นล่ะเนี่ย จากที่ตอนแรกมีแค่หกคนตอนนี้กลับ สิบสองคน
แม่เจ้า! แล้วไอ้หน้าหล่อนั่นคิดจะสู้รึไงนะ ถ้าเป็นฉันป่านนี้วิ่งหนีเอาตัวรอดไปนั่งเล่นกับกระต่ายบนดวงจันทร์แล้ว และดูเหมือนว่าเขาจะไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าไอ้ฝ่ายตรงข้ามนั้นมีคนมาเพิ่ม เขายังคงกัดฟันสู้ต่อไป
‘’ กรี๊ดดดดด! ระวัง!’’ นี่ฉันทำอะไรลงป้ายย~ ในจังหวะที่นายหน้าหล่อเสียการทรงตัวจนล้มลงไปกองที่พื้น ไอ้พวกหมาหมู่ทั้งหลายก็เตรียมกรูวิ่งเข้าไปกระทืบ ฉันที่ควรจะแอบดูเงียบๆ ก็ดันตะโกนดังลั่นอย่างลืมตัวกลัวตาย
ทันทีที่ได้ยินเสียงฉัน คนพวกนั้นก็ชะงักอยู่ครู่ก่อนไอ้กอริล่าคนหนึ่งจะเดินกระเผกๆ มาลากฉันที่แอบอยู่ตรงพุ่มไม้เข้าไปร่วมวง
ปากหนอปาก หางานให้แล้วไหมล่ะ
‘’เธอเป็นใคร’’ หนึ่งในสมาชิกแก้งกอริล่าขนดกเอ่ยถามฉันด้วยน้ำเสียงดุดันแกมข่มขู่ ทำไมต้องดุด้วยเล่า! แค่มองหน้าตาพวกแกแต่ละคนฉันก็กลัวฉี่ราดแล้ว
‘’ ฉะ..ฉันไม่เห็นอะไรจริงๆ นะ ไม่เห็นเลยว่าพวกนายกำลังรุมซ้อมไอ้หน้าหล่อนั่น ไม่เห็นเลยว่าขนาดสิบสองคนยังสู้คนๆ เดียวไม่ได้น่ะ ไม่เห็นจริงๆ นะ ฉันแค่เดินผ่านมาแล้ว กำลังจะไปเดี๋ยวนี้แหละจ๊ะ เชิญพวกนาย สู้กันต่อเถอะนะ ละ...ลาก่อน~’’ฉันพูดรัวจนลืมหายใจก่อนจะตั้งท่าเตรียมวิ่งหนีเอาตัวรอดแต่ยังไม่ทันออกตัวฉันก็ถูกกระชากอย่างแรงด้วยน้ำมือไอ้หน้าหล่อ!
‘’นายทำบ้าอะไรเนี่ย ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!’’
‘’ ไหนๆ ก็ช่วยฉันแล้ว ช่วยฉันไปให้ตลอดรอดฝั่งสิยาหยี’’เขาก้มลงกระซิบข้างหูฉันด้วยเสียงที่เบาหวิวแต่กลับทำให้ฉันใจเต้นเร็วจนเกือบระเบิด ยาหยีกับเตี่ยนายน่ะสิไอ้บ้า ฉันไม่ได้เต็มใจจะช่วยนายเลยสักนิด นิดเดียวก็ไม่มี
‘’ ช่วยบ้าช่วยบอกันอะไรกัน ลำพังตัวฉันเองยังเอาตัวแทบจะไม่รอดเลย นายเก่งนักไม่ใช่รึไง ช่วยตัวเองไปเถอะย่ะ!!’’
‘’ แต่เธอต้องช่วย! เพราะถึงเธอไม่ช่วยฉัน เธอก็ไม่รอดเหมือนกัน คิดเหรอว่าพวกมันจะปล่อยให้เธอลอยนวลไปได้ง่ายๆ น่ะ’’ เออใช่ ที่หมอนี่พูดมันก็มีเหตุผล
