พลอดรักในโรงหนัง
เย็นวันเสาร์หลังเลิกซ้อมดนตรี กวินท์ชวนเพื่อนๆ สมาชิกวงเนฟเวอร์ แบด มาดูหนังเรื่องใหม่ที่เพิ่งเข้าโรงวันแรก ผู้คนจึงค่อนข้างเนืองแน่นเพราะเป็นวันหยุด โรงหนังจึงเต็มแทบทุกโรง
ทว่าขณะที่ทุกคนกำลังจะเดินเข้าไปในโรงหนัง กวินท์ก็ขอตัวเดินไปคุยโทรศัพท์และปล่อยให้คนอื่นเข้าไปก่อน แล้วไม่นานเขาก็เดินตามเข้ามาพร้อมสาวสวยคนหนึ่ง สมาชิกวงเนฟเวอร์ แบด อีกสามคนต่างมองหน้ากันด้วยความฉงนสงสัย
“เด็กใหม่มันเหรอ หรือแค่คู่นอน”ธนาธิปโน้มตัวเข้ามากระซิบถามเบญจมินทร์ที่นั่งอยู่ข้างๆ แต่ชายหนุ่มไม่ตอบแค่ส่ายหน้าและยักไหล่เบาๆ เพราะเขาเองก็ไม่รู้และไม่เคยเห็นหน้าหญิงสาวคนนี้มาก่อน
หนังเริ่มฉายไปแล้วสิบห้านาที ทุกคนต่างเงียบและจดจ่ออยู่บนหน้าจอยักษ์ ทว่าจู่ๆ ก็เกิดเสียงแปลกๆ จากแถวหลังสุดของโรงหนัง ทำให้คนที่นั่งแถวถัดลงมาเริ่มหันมามองด้วยความไม่พอใจ
“เฮ้ยไอ้วินเบาๆ หน่อยเพื่อน”เบญจมินทร์ที่นั่งติดต้นตอของเสียง สะกิดแขนเพื่อนเบาๆ แต่กวินท์ก็ไม่ได้สน เขาและหญิงสาวยังคงจูบกันอย่างดูดดื่ม แถมยังส่งเสียงดังจ๊วบจ๊าบไม่เกรงใจใคร
“พี่วินแมร่งได้ว่ะ โคตรเจ๋ง”คเชนยกนิ้วโป้งพร้อมกล่าวชื่นชม เมื่อเห็นความใจกล้าของรุ่นพี่
“อย่าคิดหาทำนะไอ้เชน มันไม่ใช่เรื่องที่จะมาทำกันโจ่งแจ้งในที่สาธารณะ”ธนาธิปกล่าวเตือนสติรุ่นน้อง แล้วหันไปมองสองหนุ่มสาวที่กำลังพลอดรักกันอยู่
“เหี้ยวิน สรุปมันอยากมาดูหนังจริงมั้ยเนีย หรือแค่อยากมาเช่าสถานที่พลอดรักกันเฉยๆ ”
“ไม่รู้ว่ะ แต่ตอนนี้คนหันมามองกันใหญ่เลย ไอ้วินนะไอ้วิน”เบญจมินทร์ได้แต่บ่นเสียงเบา เพราะเขารู้ว่าถึงห้ามหรือเตือนอย่างไร กวินท์ก็คงไม่ฟัง เพราะนิสัยอย่างกวินท์ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ
คนที่นั่งแถวถัดลงมาคนเดิมหันมามองอีกครั้ง เมื่อเสียงครางของหญิงสาวไปรบกวนสมาธิของคนที่กำลังตั้งใจดูหนัง แต่กวินท์ก็ยังไม่หยุดการเล้าโลม เขาลวงมือเข้าไปในกางเกงในของหญิงสาว แล้วสอดนิ้วเข้าไปตรงส่วนที่กำลังแฉะเยิ้ม ดึงนิ้วเข้าออกช้าๆ มันส่งผลให้เธอครางออกมา
“ชอบแบบนี้มั้ย”เขาพูดพลางโน้มตัวเข้าไปจูบกับ หญิงสาว เสียงเธอถูกเขากลืนเข้าไปในปาก กลายเป็นเสียงอู้อี้อยู่ในลำคอ
“ตื่นเต้นดีค่ะ แคทไม่เคยทำแบบนี้มาก่อนเลย”เธอกระซิบอยู่กับปากเขา ความเสียวซ่านแผ่ไปทุกรูขุมขน จนเธออยากจะกรีดร้องออกมาให้ดังกว่านี้
เสียงเก้าอี้เริ่มดังเอี๊ยดอ๊าด เพราะหญิงสาวบิดสะโพกด้วยความทรมาน
“ทนไม่ไหวแล้วนะโว๊ย อุบาทว์ไร้มารยาทที่สุด”เสียงบ่นจากแถวหน้าดังขึ้น และทำท่าเหมือนจะลุก แต่แล้วก็ถูกดึงให้นั่งลงเช่นเดิม
“เฮ้ยวินน่าจะพอได้แล้วมั้ง”เบญจมินทร์หันมาเตือนเพื่อน ด้วยเสียงที่จริงจังขึ้น
“ผมว่าผมกลับก่อนดีกว่า”คเชนรู้สึกอายมาก เพราะตอนนี้มีสายตาหลายคู่หันมามองแถวที่เขานั่งอยู่ และกลัวว่าอาจจะโดนด่าเหมาไปด้วย จึงอยากปลีกตัวออกมาก่อน
“จะให้หยุดยังไงวะ น้องเขายังไม่เสร็จเลย”กวินท์ยังพูดเสียงทีเล่นทีจริง แล้วหัวเราะเป็นเรื่องตลก
“ถ้ามึงยังไม่หยุด กูจะกลับ”เบญจมินทร์ขู่ทำท่าจะลุกขึ้น กวินท์จึงยอมหยุดการกระทำนั้น
“อะไรวะ จะรีบกลับไปไหน ดูหนังก่อนดิ”
“มึงจะให้พวกกูดูอะไร เสียง… แมร่งรบกวนคนทั้งโรงยังไม่รู้ตัวอีก”ธนาธิปบ่นอย่างอารมณ์เสีย
“เออๆ รู้แล้วน่า เป็นเหี้ยไรว่ะบ่นกูอยู่ได้ อิจฉากูเหรอ”ประโยคท้ายเขาพูดเสียงเบาลง แล้วหันมาจูบที่แก้มของหญิงสาวเบาๆ เพื่อเป็นการปลอบขวัญเธอ
“ไว้คืนนี้กลับไปพี่จะจัดให้หนักเลยนะคะ”เขากระซิบเสียงหวาน แล้วจึงหันไปดูจอหนัง กว่าจะได้ดูก็ปาไปเกินครึ่งเรื่องแล้ว จึงดูไม่ค่อยรู้เรื่อง
หลังจากที่หนังฉายจบ ไฟถูกเปิดจนโรงหนังทั้งโรงสว่างขึ้น ผู้ชมแถวหลังสุดยังไม่ยอมลุกจากเก้าอี้ พวกเขาตั้งใจจะออกเป็นกลุ่มสุดท้าย
“เฮียวิน”เสียงเรียกดังมาจากเก้าอี้แถวล่าง กวินท์รีบหันไปตามเสียที่คุ้นหู แล้วเขาก็ต้องสตั๊นไปสามวินาที เมื่อเห็นว่าเป็นใคร
“ไอ้อินท์!”
“ผู้หญิงคนนี้เป็นใครคะ”อรอินท์ชี้ไปที่หญิงสาวที่นั่งข้างๆ กวินท์ ด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“แล้วเธอล่ะเป็นใคร”สาวสวยที่นั่งข้างกวินท์ลุกขึ้นยืนจ้องหน้าอีกฝ่ายด้วยความไม่พอใจที่ถูกชี้หน้า
“ฉันเป็นเมียเฮียวิน แล้วเธอล่ะเป็นใคร”
“นี่พี่วินมีเมียแล้วเหรอคะ”หญิงสาวหันควักกลับมาถามกวินท์ แต่เขายังไม่ทันอ้าปากตอบ ก็โดนพูดแทรกขึ้นมาก่อน
“มีลูกอีก2”
“พี่วินค่ะ ไหนบอกให้แคทเลิกกับแฟน แล้วมาคบพี่ แล้วนี่มันอะไรกันค่ะ”
“เข้าใจยากตรงไหน เธอก็โดนเฮียวินหลอกกินฟรีไง ยังไม่รู้ตัวอีก”อรอินท์ปีนเก้าอี้ข้ามมาอีกแถว แล้วดึงกวินท์ให้ถอยออกห่างจากหญิงสาวคนนั้น
“ออกไปจากชีวิตเฮียวินซะ ไม่งั้นฉันให้ลูกน้องพ่อฉันตามไปฆ่าเธอแน่” อรอินท์ลูกสาวมาเฟียขู่เสียงเข้ม
“แกกล้าดียังไงมาขู่ฉัน!”หญิงสาวง้างมือขึ้นตั้งใจจะฟาดฝ่ามือไปที่หน้าของคู่กรณี แต่ก็ถูกดึงแขนไว้จากคนข้างหนัง
“ปล่อยนะ นี่แกเป็นใคร พวกเดียวกันใช่มั้ย จะรุมฉันเหรอ”แคทสะบัดแขนออก แล้วมองทีล่ะคน ก่อนจะหันไปหยิบกระเป๋า
“ฝากไว้ก่อนเถอะ”หญิงสาวรีบเดินออกมาจากตรงจุดนั้น เมื่อรู้สึกว่าสถานการณ์ตกเป็นรองอีกฝ่าย
“แย่งผัวคนอื่นแล้วยังจะมาหน้าด้านว่าเขาอีก นังเมียน้อยเอ๊ย”อรอินทุ์ตะโกนไล่หลังหญิงสาวคนนั้นไป ก่อนจะหันมาหัวเราะคิกคักอย่างสะใจเป็นที่สุด
“ไอ้อินท์ ทำแบบนี้ทำไมว่ะ”กวินท์เท้าเอวถามด้วยความไม่พอใจ
“แล้วเฮียล่ะทำอะไรเอาไว้ เมื่อไหร่จะหัดทำตัวเป็นคนดี ทำตัวปกติเหมือนชาวบ้านเขาบ้าง”
“ให้มันน้อยๆ หน่อย เอ็งเป็นแค่น้องสาวนะโว้ย ไม่มีสิทธิ์มาสั่งสอนอั๊ว”
“กูว่าที่น้องมึงพูดก็ถูกนะ มึงน่ะสมควรโดนแล้ว”
“เหี้ยโชว์มึงไม่พอใจอะไรกู มึงพูดมาเลย”
“เฮ้ยเดี๋ยวพวกมึงใจเย็นก่อน อย่าเพิ่งทะเลาะกัน กูว่าตอนนี้เราต้องออกจากโรงหนังก่อน”เบญจมินทร์หันไปทางพนักงานที่ยืนเก้ๆกังๆ อยู่ที่ทางเดิน เหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่กล้า
“ป่ะๆ อินท์ เดี๋ยววันนี้พี่เลี้ยงข้าวปลอบใจ โอเคร๊”เบญจมินทร์ต้อนสองพี่นอนให้เดินออกจากโรงหนัง
“โหพี่มิน ใจดีอ่ะ อ่อ นี่ตรีเพื่อนอินค่ะ”อรอินท์แนะนำเพื่อนที่ยืนอยู่ข้างๆ
“อ่อครับ แรงเยอะเหมือนกันเนอะดึงทีเดียวอยู่เลย”เบญจมินทร์ยิ้มให้เพื่อนของน้องสาวกวินท์
“แล้วคนนั้น มะปรางค่ะ”อรอินท์ชี้ไปที่สาวน้อยที่นั่งอยู่เก้าอี้แถวที่พวกเธอนั่ง
“สวัสดีค่ะ”เวนิชชาลุกขึ้นยกมือไหว้รุ่นพี่ที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อน แต่รู้สึกคุ้นหน้าเขาคนนั้น ที่เจอกันวันก่อน
