คู่ปรับ
อรอินท์เป็นคนเลือกร้านอาหารญี่ปุ่นที่ชอบมาทานบ่อยๆ ในร้านมีลูกค้าค่อนข้างแน่น แต่ก็พอจะมีโต๊ะสำหรับพวกเขา ซึ่งก็ไม่ใช่โต๊ะใหญ่อะไรนัก จึงต้องนั่งเบียดๆ กัน
โดยกวินท์นั่งหัวโต๊ะ ถัดมาเป็นอรอินท์นั่งคู่กับเวนิชชา ส่วนอีกฝั่งเป็นธนาธิปกับเบญจมินท์ และคนที่นั่งตรงข้ามกับกวินท์ก็คือตีรณา
“นี่เฮียวินพี่ชายแท้ๆ ของอินท์ พี่มิน แล้วก็พี่โชว์”อรอินท์พูดแนะนำหลังจากที่สั่งอาหารไปเรียบร้อยแล้ว
“เพื่อนเอ็งที่ชื่อมะปรางน่ารักดีนะ มีแฟนยัง”กวินท์โน้มตัวเข้ามากระซิบถามน้องสาว
“หยุดเลยเฮีย อินท์ขอเตือนไว้เลยนะ ห้ามจีบเพื่อนอินท์เด็ดขาด! คนนี้หวงมาก ห้ามเข้าใกล้เลย”อรอินท์ผลักไหล่พี่ชายให้ถอยกลับไปที่เดิม
“ทำไมว่ะ”
“เพราะเฮียไม่คู่ควรกับเพื่อนอินท์น่ะสิ”
“แต่อั๊วเป็นคนดีนะโว้ย”กวินท์ยังเถียงกับน้องสาวไม่เลิก
“ฮึ กล้าพูดเนอะว่าตัวเองเป็นคนดี”เสียงแทรกมาจากท้ายโต๊ะ ทำเอากวินท์ถึงกับต้องหันไปหาเจ้าของเสียงในทันที
“น้องพูดอย่างนี้หมายความว่าไง”
“ถ้าจะให้ขยายความชัดๆ ก็คือ เลว!” ตีรณาวางตะเกียบลงอย่างใจเย็น แล้วมองหน้าคนที่นั่งตรงข้ามอย่างท้าทาย
“ถามจริงมีจิตสำนึกบ้างมั้ย นั่นโรงหนังนะคนนั่งกันเต็มเลย กล้าทำเรื่องทุเรศๆ อย่างนั้นได้ไงว่ะ อุบาทว์”
“อ้าวเฮ้ยไอ้อินท์ เพื่อนเอ็งนี่มันยังไงวะ ทำไมพูดจาหมาๆ อย่างนี้ หัดสั่งสอนให้มีความเคารพรุ่นพี่บ้างนะ อย่ามาปีนเกลียว อั๊วไม่ได้ใจดีเหมือนหน้าตานะโว้ย”กวินทร์พูดโว้ยวายใส่เพื่อนน้องสาว ที่เขารู้สึกว่าพูดจาไม่เข้าหูและห้าวเกินผู้หญิงทั่วไป
“ก็หัดทำตัวให้มันน่าเคารพหน่อยสิ หรือโตแค่ไอ้นั่นแต่สมองฝ่อไปแล้ว เลยไม่รู้จักการหักห้ามใจ” ตีรณาระเบิดอารมณ์ที่อัดอั้นมาตั้งแต่นั่งอยู่ในโรงหนัง เธอดูหนังแทบจะไม่รู้เรื่อง เพราะคู่ของไอ้บ้ากามที่นั่งอยู่ด้านหลัง ส่งเสียงครางจนเธออยากจะลุกไปด่าอยู่หลายรอบ
แต่เพราะเพื่อนทั้งสองคนห้ามไว้ จึงยอมปล่อยไปไม่เอาเรื่อง แต่พอต้องมานั่งทานข้าวโต๊ะเดียวกัน ตีรณายอมรับว่าความอดทนก็หมดลงไป ยิ่งกวินท์มาทำท่าทางกะลิ้มกะเหลี่ยใส่เวนิชชาอีก เธอจึงปล่อยไว้ไม่ได้
“คนอื่นเขาเสียตังค์ซื้อตั๋วเข้ามาดูหนังจอ ไม่ได้อยากเข้ามาดูหนังสด ทำอะไรหัดเกรงใจคนอื่นบ้าง ถ้ามันอยากมากจนทนไม่ไหวละก็ออกไปโน่น ม่านรูดโน้นไม่ใช่โรงหนังที่ที่สาธารณะแบบนี้”
“นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะโว๊ย” กวินทร์ตบโต๊ะเสียงดังลุกขึ้นชี้หน้าอีกฝ่าย ด้วยอารมณ์เดือดปุดๆ หน้าแดงด้วยความโกรธ
“ผมจะทำอะไรก็เรื่องของผม คุณเข้าใจคำว่าสิทธิส่วนบุคคลมั้ยครับ”
“ฮึ สิทธิส่วนบุคคล อ้างได้ไม่อายปาก พวกเห็นแก่ตัวมั่วไม่เลือกคน เลือกที่ล่ะไม่ว่า ระวังให้ดีเถอะ”สาวห้าวพูดพลางกำหมัดแน่น ก่อนจะลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้คว้ากระเป๋าไว้ในมือ หันมาทางเพื่อนทั้งสอง
“อินท์ มะปรางเราขอตัว ก่อนจะทนไม่ไหว ต้องฟาดปากใครบางคนแถวนี้” ตีรณาพูดจบก็ตั้งท่าจะเดินออกไปทางประตู แต่กวินท์ใช้ตัวขวางสาวห้าวเอาไว้
“โหดจริงโว้ย แต่ขอเตือนด้วยความหวังดี ถ้าคุณเที่ยวเอามือไปฟาดใครเขาเล่น บางทีอาจจะโดนปากของใครบางคนแถวนี้ ฟาดคืนก็ได้นะครับ”
กวินท์ทำปากจู๊ยื่นไปหาตีรณาอย่างยั่วโทสะ เธอจึงผลักไหล่เขาออกสุดแรงจน กวินท์เซไปด้านหลัง แล้วทั้งสองจ้องตากันอย่างจะกินเลือดกินเนื้อกันให้ได้
“หลบไป”ตีรณาใช้ไหล่กระแทกตัวอีกฝ่ายให้หลบทาง และเดินจากไปโดยเร็วที่สุดมิเช่นนั้น สาวห้าวสาบานได้ว่าถ้าเขาไม่หลบ อาจต้องได้ไปนอนหยอดข้าวต้มในโรงพยาบาลแน่
“เฮ้ยยังเคลียร์ไม่จบเลย จะรีบหนีไปไหนวะ”กวินท์ตะโกนไล่หลังสาวห้าว
“อย่าให้เจออีกนะเว้ย ผู้หญิงก็ผู้หญิงเหอะ อั๊วไม่ไว้หน้าเหมือนกันนะโว้ย”
กวินท์พูดแบบอาฆาตไม่ยอมจบเรื่องง่ายๆ
“เฮียกล้าเหรอ ตรีเขาเป็นลูกสาวเจ้าของค่ายมวยนะ แล้วที่สำคัญเขาเป็นแชมป์มวยหญิงปีที่แล้วด้วย กล้าเหรอห๊ะ”อรอินท์พูดขัดคอพี่ชายอย่างหมั่นไส้
“โหโหดสัด สมน้ำสมเนื้อเหมาะเป็นคู่ปรับไอ้วินดีนะ นี่คราวหน้าเจอกันมึงต้องระวังตัวไว้ให้ดีนะ กูว่าท่าทางน้องเขาต้องหมัดหนักแน่ๆ ”ธนาธิปตบมือหัวเราะอย่างสะใจ
“เอ่อ เพื่อนเอ็งแตะต้องไม่ได้ อั๊วน่ะพี่เอ็งนะโว๊ยหัดปกป้องบ้าง เอ็งก็เหมือนกันไอ้โชว์เป็นห่าไรว่ะ ซ้ำเติมอั๊วอยู่ได้” กวินทร์โยนตะเกียบลงบนถ้วยซอสอย่างอารมณ์เสียสุดๆ ทำให้ซอสกระเด็นไปเลอะเสื้อธนาธิปและอรอินท์ที่นั่งอยู่ใกล้
“กลับแล้วโว๊ย ไม่มีอารมณ์จะแดกแล้ว”กวินท์ไม่สนใจในสิ่งที่เขาทำลงไป ชายหนุ่มหมุนตัวเดินออกไปจากโต๊ะเอาดื้อๆ หมดอารมณ์ที่จะทานอาหารต่อ
“ฮืมเต็มแขนเลย เสื้อขาวด้วย”อรอินท์อยากจะหันไปทุบพี่ชาย แต่ก็ไม่ทันเพราะกวินท์เดินออกไปนอกร้านแล้ว
"เหี้ยวิน อะไรของมันว่ะเนีย เสื้อเลอะเลย เสื้อมึงด้วยสิไอ้มิน"
"เฮ้ยไม่เป็นไร เลอะแค่นี้ซักก็ออกแล้ว"
"เอองั้นเดี๋ยวกูไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ แมร่งกระเด็นโดนแขนกับคอด้วยเนีย”
“อินท์ไปด้วยค่ะ เสื้อตัวใหม่ด้วยอ่ะ ซักจะออกรึเปล่าก็ไม่รู้”
“ให้มะปรางไปเป็นเพื่อนมั้ย”เวนิชชาเสนอตัว เพราะไม่อยากอยู่สองต่อสองกับเบญจมินทร์
“ไม่เป็นไรๆ มะปรางทานข้าวต่อเถอะ อินท์ไปแป๊บเดี๋ยว”พูดจบอรอินท์ก็ลุกเดินตามธนาธิปไป โดยที่เธอไม่ได้คาดคิดว่านี่ อาจเป็นการฝากเนื้อไว้กับเสื้อ
