ตกหลุมรัก
เวลาล่วงเลยถึงตีหนึ่ง ริมถนนฟุตบาทหน้ามหาวิทยาลัย มีร้านบะหมี่เจ้าเก่าที่ตั้งโต๊ะขายมาหลายปี เปิดไฟเรืองรองรอต้อนรับลูกค้าอยู่ แล้วลูกค้าประจำก็ก้าวลงจากรถ เดินตรงมาทรุดตัวนั่งลงที่โต๊ะเดิมเช่นทุกครั้ง
“เฮ้ยไอ้หล่อวันนี้มึงมาเร็วผิดปกตินะเนี้ย”เฮียเจ้าของร้านทักขึ้นเมื่อเห็นลูกค้าที่มักจะมาเวลาเดิมทุกครั้ง คือประมาณช่วงตี2ไปแล้ว
“ไม่รู้จะไปต่อไหนน่ะเฮีย นี่ผมก็เพิ่งไปส่งรุ่นน้องมา เมายับ”ชายหนุ่มพูดถึงคเชนแล้วต้องถอนหายใจ เพราะกว่าจะลากขึ้นรถและพาไปส่งที่หอพักได้ก็เล่นเขาหมดแรง
“เอาเหมือนเดิมใช่มั้ย”เฮียเจ้าของร้านตะโกนถาม
“เหมือนเดิมครับ”ไอ้หล่อของเฮียนั่งรอบะหมี่พลางกดโทรศัพท์เล่นไปพลาง พอเงยหน้าขึ้นมาอีกทีก็ตอนที่เฮียยกชามบะหมี่หอมฉุย มาวางอยู่ตรงหน้าพอดี
ทว่าขณะนั้นสายตาเขาก็เหลือบไปเห็นหญิงสาวคนหนึ่ง ที่อยู่ไกลออกไปยังถนนอีกฝั่งหนึ่ง ตรงข้ามกับที่เขานั่งอยู่
แม้ไฟริมทางจะไม่ได้สว่างมากนัก แต่เขากลับเห็นเธอได้อย่างชัดเจน เหมือนรอบตัวหญิงสาวมีแสงออร่าเปล่งประกาย แม้เธอจะอยู่ในชุดวอร์มสีชมพูอ่อนเก่าและซีด ก็ไม่ได้ทำให้เธอดูหมองลงสักนิด
เบญจมินทร์นิ่งงันไปคล้ายต้องมนต์สะกดอะไรบางอย่าง เสียงกระแอมของเฮียเจ้าของร้านบะหมี่ เรียกสติของชายหนุ่มให้หลุดพ้นจากภวังค์มนต์สะกดนั้น
“ไอ้หล่อครับ บะหมี่ได้แล้ว รีบแดกซะเดี๋ยวเย็นแล้วเสียรสชาติ แล้วจะมาหาว่าบะหมี่กูไม่อร่อยอีก”เฮียเจ้าของร้านบะหมี่พูดเสียงประชด แล้วมองหน้าชายหนุ่มอย่างรู้ทัน
เบญจมินทร์ทำหน้าเหวอ หันมามองเจ้าของร้านบะหมี่ แล้วยิ้มแบบเก้อๆ แก้เขินเมื่อรู้ตัวว่าถูกจับได้
“น้องเขาน่ารักดีนะเฮีย”เบญจมินทร์พูดขึ้นมาลอยๆ
เฮียเจ้าของร้านถึงกับถลึงตาใส่ชายหนุ่ม เมื่อได้ยินประโยคนั้นจากปากของเขา แล้วนั่งลงตรงข้ามกับไอ้หล่อที่ไม่น่าไว้ใจ
“อย่าแม้แต่จะคิดเชียวนะมึง หนูมะปรางเขาเป็นเด็กดี อย่าทำเสียของเชียว”
“เฮียหมายถึงอะไร”ชายหนุ่มทำเป็นไม่เข้าใจในสิ่งที่เฮียเจ้าของร้านพูด พลางก้มหน้าก้มตาซดน้ำชุบบะหมี่อย่างใจเย็น
หากสายตาก็ยังแอบเหลือบมองหญิงสาวคนเดิม เธอยังข้ามถนนมาไม่ได้
“เอ้า ทำเป็นไม่รู้เรื่อง อ่ะ มองได้แต่อย่าแตะต้อง”
“ทำไมต้องหวงออกนอกหน้าขนาดนั้น เฮียชอบน้องเขาหรือน้องเขามีแฟนแล้วงั้นเหรอ”
“ฮั่นแหน่หลอกถามข้อมูล อยากรู้ล่ะสิ แต่กูไม่บอกหรอกโว้ย”พูดจบเฮียก็หันไปมองเด็กสาวแวบหนึ่ง แล้วส่ายหน้า ก่อนจะพูดขึ้นมาลอยๆ
“เป็นแบบนี้ทุกที กว่าจะข้ามมาได้”ว่าแล้วเฮียก็ลุกจากไปซะดื้อๆ ทิ้งความอยากรู้อยากเห็นไว้ให้เบญจมินทร์อึดอัดอยู่ในใจ
หญิงสาวใช้เวลานานเกือบห้านาทีกว่าจะข้ามถนนมาได้ แม้รถจะไม่ได้เยอะแต่เหมือนพอเห็นว่ามีรถวิ่งมาแต่ไกล เธอก็ถอดใจและถอยหลังไปหลายที จนเขาอยากจะลุกวิ่งออกไปจูงมือพาเธอเดินข้ามมาเสียให้สิ้นเรื่อง
เธอกำลังเดินผ่านโต๊ะเขาไป เบญจมินทร์ทำเป็นเงยหน้าขึ้นมา เธอสบตาเขาแวบหนึ่ง แต่ทำหัวใจเขากระตุกวูบและชาเหมือนถูกสตาฟเอาไว้
วงหน้าขาวผุดผ่องไร้เครื่องสำอาง แต่พวงแก้มกลับแดงระเรื่อ สีเดียวกับริมฝีปากบาง จมูกโด่งรับกับตากลมโต ขนตาสีดำยาวเป็นแพร ผมยาวสีดำสลวยปกคลุมแผ่นหลัง และยังดูยังเปียกชื้นอยู่ กลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยมาตามลม เธอคงเพิ่งอาบน้ำมา
“ลุงค่ะ เอาบะหมี่หมูแดงแห้งถุงนึงค่ะ” เธอสั่งเสียงหวาน แล้วเดินมานั่งเก้าอี้ถัดไปอีกโต๊ะหนึ่ง
เบญจมินทร์ไม่พลาดที่จะหันไปมองเธออีกครั้ง ยิ่งมองเธอก็ยิ่งน่ารัก ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยเจอผู้หญิงน่ารักมากก่อน แต่เหมือนมีบางอย่างในตัวเธอที่ดึงดูดเขา ให้อยากมองแล้วมองอีก มองเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ
หญิงสาวไม่ทันได้สังเกตว่ากำลังมีคนแอบมองเธออยู่ หลังจากที่นั่งลงเรียบร้อยแล้ว เธอก็หยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นกางอ่าน โดยไม่ได้สนใจอะไรที่อยู่รอบตัวเลย
“ไอ้หล่อโว้ย บะหมี่เย็นหมดแล้ว หรือถ้าอิ่มก็มาจ่ายตังค์แล้วกลับบ้านไปนอนซะ” เฮียเจ้าของร้านถึงกับตะโกนออกปากไล่ลูกค้าประจำ ทำให้หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองคนที่นั่งอยู่อีกโต๊ะหนึ่ง แต่เธอก็ไม่ได้สนใจอะไรเขา หญิงสาวหันกลับไปจดจ่อที่หนังสือพิมพ์ฉบับเดิม
“บะหมี่หมูแดงแห้งใส่ถุงได้แล้วครับ” เฮียเจ้าของร้านบะหมี่ตะโกนบอก
สาวชุดวอร์ม หญิงสาวพับเก็บหนังสือพิมพ์ และวางไว้แบบเดิมอย่างเรียบร้อย ก่อนจะลุกจากเก้าอี้
ขณะนั้นเบญจมินทร์ก็ตัดสินใจลุกเดินจากเก้าอี้เช่นกัน เขาเดินมาหยุดอยู่ด้านหลังเธอห่างกันเพียงไม่กี่ก้าว
หญิงสาวล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงวอร์มทั้งสองข้าง แล้วก็อุทานออกมาด้วยความตกใจ
“แย่แล้วค่ะ ลุงค่ะ มะปรางลืมหยิบกระเป๋าตังค์มาด้วยค่ะ”น้ำเสียงเธอตระหนกและเป็นกังวลกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ มันทำให้คนที่อยู่ข้างหลังแอบยืนอมยิ้ม
และในตอนนั้นแบงก์ห้าร้อยก็ถูกยื่นมาจากด้านหลัง หญิงสาวสะดุ้งแล้วหันไปมองพร้อมแวบหนึ่ง เกิดความหวาดระแวงขึ้นมาจึงขยับไปข้างหน้าอีกก้าวหนึ่ง
“คิดเงินที่ผมก็ได้ครับเฮีย”ชายหนุ่มก้าวมายืนข้างๆ หญิงสาว แล้วยื่นแบงก์ห้าร้อยให้กับเจ้าของร้าน
“คิดรวมกันไปเลยครับ”เขาพูดย้ำอีกครั้งรู้สึกภูมิใจนิดๆ ที่ได้ช่วยเธอ แต่แล้วก็โดนเบรก ปฏิเสธเสียงแข็ง
“ไม่เอาค่ะ ไม่จำเป็น เพราะเราไม่ได้รู้จักกัน”เธอหันไปพูดกับชายหนุ่ม ด้วยใบหน้าที่ไม่ค่อยพอใจอีกฝ่ายเท่าใดนัก ก่อนจะหันกลับไปพูดกับเจ้าของร้านด้วยท่าทางรู้สึกผิดอีกครั้ง
“ขอโทษนะคะ เดี๋ยวมะปรางรีบกลับไปเอาตังค์มาจ่ายนะคะ” เธอพูดพร้อมกับยกมือไหว้ขอโทษ
แต่เฮียเจ้าของร้านบะหมี่โบกมือร้องห้ามไว้
“ไม่ต้องเดินกลับไปกลับมาหรอกจ้ะหนูมะปราง พรุ่งนี้ค่อยเอามาจ่ายก็ได้ ร้านลุงไม่หนีหายไปไหนหรอก รีบกลับไปเถ๊อะ กลับมืดๆ คนเดียวมันอันตราย”ประโยคท้ายเฮียเจ้าของร้านหันมาสบตากับไอ้หล่อ ที่กำลังยืนหน้าเสียอึ้งอยู่
เขาพูดไม่ออกไปไม่เป็นเหมือนกัน เมื่อถูกผู้หญิงปฏิเสธเป็นครั้งแรก รู้สึกว่าหน้าชาๆ
“ขอบคุณมากค่ะ ขอโทษจริงๆ นะคะ พรุ่งนี้มะปรางจะรีบมาจ่ายคืนให้”หญิงสาวยกมือไหว้เฮียเจ้าของร้านอีกรอบ
“เออไม่เป็นไรหรอก ของแค่นี้ อย่าคิดมาก”
“ขอบคุณมากค่ะ”สาวชุดวอร์มกล่าวขอบคุณและรีบเดินกลับไปทางเดิม
เบญจมินทร์ไม่ได้หันไปมองเธออีก เงยหน้าขึ้นมาสบตากับเฮียเจ้าของร้าน
“ไงล่ะโดยปฏิเสธ เจ็บดีเนอะ ไม่เป็นไรมื้อนี้ให้กินฟรี เป็นของปลอบใจจากเฮีย”เฮียเจ้าของร้านบะหมี่พูดนิ่งๆ และเดินไปเก็บโต๊ะที่ชายหนุ่มเพิ่งลุกจากมา
เบญจมินทร์ยิ้มพลางส่ายหน้าเดินกลับมาที่รถ เขามองกระจกหลังทางที่สาวชุดวอร์มเพิ่งเดินจากไป ก่อนจะยิ้มกับตัวเองนานแค่ไหนที่ไม่ได้รู้สึกถูกใจใครแบบนี้ แต่ที่แย่คือตอนนี้เธอคงเกลียดขี้หน้าเขาไปแล้ว
ชายหนุ่มไม่เข้าใจความรู้สึกที่เกิดขึ้น มันคืออะไร แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้หัวใจมันปั่นป่วนไปหมด เมื่อนึกถึงใบหน้าของเธอ สาวชุดวอร์มสีชมพู
