บทที่ 6 รู้เอาไว้ เราเป็นคนที่เริ่มมันเอง
บทที่ 6
รู้เอาไว้ เราเป็นคนที่เริ่มมันเอง
ความเงียบเข้าปกคลุมไปทั่วห้องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ทำเอาพวกเขาทั้งสองคนตัวทำตัวไม่ถูก
หลังจากที่หวายรีบกุลีกุจอลุกออกมาจากตัวพี่เป้ เธอก็ยืนหันหลังให้พี่เป้ที่ตอนนี้ก็ยังคงนั่งอยู่บนโซฟาเช่นเดิม
เธอรู้สึกได้ถึงรสฝาดของเลือดในปาก ที่เกิดจากการที่ปากเธอกับพี่เป้กระแทกประกบกันอย่างแรงเมื่อครู่ และผลของมันคือทำให้ปากเธอแตก
"ขอโทษ พี่ไม่ได้ตั้งใจ" เป้เป็นคนเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบในห้องคนแรก เขามองแผนหลังเล็กที่ยืนหันหลังให้เขาอยู่ในตอนนี้ไม่ละสายตาไปไหน
"คำว่าขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจของพี่เป้ ดูเหมือนว่าจะพูดออกมาเพื่อแก้ปัญหาได้ง่ายๆเลยนะคะ" เธอพูดขึ้น น้ำเสียงเรียบนิ่งแต่แฝงไปด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธ "เดี๋ยวพี่ก็บอกขอโทษ เดี๋ยวก็บอกว่าเป็นอุบัติเหตุ พี่ไม่ได้ตั้งใจ"
"หวาย..."
"พี่เป้ขย้ำหน้าอกหวายในรถ พี่เป้บอกเป็นอุบัติเหตุ เมื่อกี้พี่เป้ดึงหวายล้มลงไป จนปากเราประกบกันพี่เป้ก็แค่พูดขอโทษเพื่อให้ทุกอย่างจบ" เธอพูดออกมาพร้อมทั้งหันกลับมามองพี่เป้ "พี่เป้พูดขอโทษเพื่อให้ตัวพี่เป้เองสบายใจค่ะ ไม่ใช่เพราะรู้สึกผิดกับหวายจริงๆ"
"หวาย พี่ขอสาบานเลย เรื่องในที่รถมันเป็นอุบัติเหตุและพี่ก็ไม่ได้ตั้งล่วงเกินอะไรหวาย ส่วนเรื่องเมื่อกี้พี่ก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนั้น"
เขาอธิบาย ตลอดเวลาที่พูดก็จ้องมองไปที่หวายอย่างต้องการยืนยันว่าที่เขาพูดทุกอย่างเป็นความจริง
"พอเถอะค่ะ พี่เป้ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว กลับไปเถอะค่ะ"
ตอนนี้เธอแสนสับสนเต็มที ความคิดหลายอย่างกำลังตีกันยุ่งไปหมด อาจจะเป็นเพราะฤทธิ์สุรานิดหน่อยที่ดื่มเข้าไปยังไม่จางหายไปหมด หรือไม่ก็อาจเป็นเพราะดึกมากแล้วร่างกายเธอต้องการพักผ่อน
"ถ้าพี่กลับไปตอนนี้หวายจะยอมเข้าใจพี่ไหม" เขาถามเธอต่อ
"......."
เป้ก็ยังจ้องมองเจ้าของใบหน้าเล็กนิ่งอย่างต้องการคำตอบ ทว่าเขากับไม่ได้คำตอบจากเธอกลับมา มีเพียงความเงียบเท่านั้น และท่าทีของเธอที่แสดงออกชัดเจนว่าไม่ต้องการเห็นหน้าเขา และอยากให้เขากลับไปซะที
"ในเมื่อเราไม่อยากตอบพี่ ก็ไม่เป็นไร" เขาเอ่ยขึ้นอีกพร้อมก้าวเท้าไปหาเธอ ทีละนิด
เขาในตอนนี้หมดความอดทนแล้ว
เมื่อหวายเห็นว่าพี่เป้เดินเข้ามาใกล้ เธอก็ขยับถอยหลัง จนในที่สุดเธอก็ถูกต้อนจนแผ่นหลังชิดกำแพง เท่านั้นไม่พอเอายังเอาแขนทั้งสองข้างดันกำแพงเพื่อขังเธอไว้อีก
"พี่เป้ ถอยออกไปด้วยค่ะ" เธอพูดขึ้นเสียงดัง อีกทั้งพยายามดันแขนพี่เป้ให้พ้นจากกำแพง ทว่าออกแรงดันเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล แขนของพี่เป้แทบจะไม่ขยับเลยสักนิด
"หวายรู้ไหมปกติพี่ไม่ใช่คนใจเย็น ที่จะมานั่งอธิบายอะไรซ้ำๆอยู่อย่างนี้ แต่ที่พี่ทำเพราะเราเป็นเพื่อนสนิทของแป้ง"
หวายรู้สึกได้เลยว่าท่าทีในตอนนี้ของพี่เป้แตกต่างจากเดิม เขาดูร้ายกายมากทั้งน้ำเสียงและสีหน้าที่แสดงออกมาในตอนนี้
พี่เป้ในตอนนี้เหมือนกับเสือร้ายกำลังจ้องตะครุบเหยื่ออยู่
และเธอก็คือเหยื่อที่เขาจ้องจะตะครุบอยู่
เขาก้มลงกระซิบลงข้างหูของร่างเล็กที่ถูกเขากักเอาไว้ในกรงแขน
"ในเมื่อหวายไม่ชอบที่พี่ขอโทษ ได้ ต่อจากนี้ 'อะไรๆ' ที่พี่ทำกับหวายพี่จะไม่ขอโทษ แต่จะถือว่าเราเป็นคนอนุญาตเอง"
"พูดอะไรของพี่เป้ ออกไปจากห้องหวายเดี๋ยวนี้" เธอเอ่ยสั่งเสียงดัง เมื่อรู้สึกถึงอันตรายบางอย่างได้จากผู้ชายที่ดูร้ายกาจคนนี้
เขายิ้มออกมาเมื่อเห็นทีท่าตื่นๆ ของหวาย เป้เอื้อมมือไปจับไหล่เนียนนุ่มของเธอเอาไว้ สายตาก็จับจ้องสบตากับเธอก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า
"รู้เอาไว้ ว่าเราเป็นคนที่เริ่มมันเอง"
เอ่ยจบเขาก็ไม่รอช้า ประกบริมฝีปากหนาของตนเข้ากับริมฝีปากเรียวบางของเธอทันที และจัดการบดขยี้ริมฝีปากนี้อย่างรุนแรงดุดัน
หวายเองก็พยายามดิ้นขัดขืนเต็มที่ เธอพยายามหันหน้าหนีแต่ก็ไม่เป็นผล
ซ้ำเขายังเอื้อมมาจับใบหน้าของเธอด้วยมือทั้งสองข้างเพื่อจับใบหน้าของเธอไม่ให้หันหนีเขาไปได้
ริมฝีปากบางโดนบนขยี้อยู่นานจนเจ็บไปหมด เธอดิ้นจนไม่เหลือแรงจะขัดขืนแล้ว จึงจำใจต้องยืนนิ่งรับการกระทำอันรุนแรงของคนตัวสูง
เมื่อการขัดขืนหายไป แน่นอนว่ามันเป็นโอกาสดีสำหรับเขาที่จะสอน ให้หวายได้รู้ว่าอะไรคือการจูบ การล่วงเกินที่เธอสมควรต้องโกรธกันแน่
เป้จูบบดขยี้ริมฝีปากบางต่ออย่างเอาแต่ใจ ก่อนจะใช้ลิ้นดันริมฝีปากบางให้เปิดออก เพื่อที่เขาจะได้เริ่มส่งลิ้นของเขา เข้าไปสำรวจภายในริมฝีปากหวานเธอได้
ลิ้นของเขาตวัดดูดกลืนความหวานภายในริมฝีปากของร่างบางอย่างหิวกระหาย ความรุนแรงและเร้าร้อนของจูบนี้ยิ่งเพิ่มและลึกซึ้งมากขึ้นเป็นทวีคูณ ตามอารมณ์บางอย่างของเขาที่กำลังลุกโชนเต็มไปด้วยความต้องการที่เพิ่มมากยิ่งขึ้นไปทุกที
