ใกล้เกินไปแล้ว! 1/4
บทที่ 3 ใกล้เกินไปแล้ว!
‘ของเหลวสีแดงก่ำเปรอะเปื้อนกลีบปากสวยเมื่อเธอดื่มมันจนหมด หญิงสาวไม่อาจประคองแก้วไวน์ไว้ได้อีกต่อไป ปล่อยมันร่วงหลุดมือพร้อมกับทิ้งกายเอนหาที่พักพิงอย่างมึนเมาพร้อมกับความรู้สึกร้อนเร่าราวมีเปลวไฟไหลเข้าไปในเส้นเลือดของเธอ
เพราะความอยากพิสูจน์เพื่อวัดใจแท้ๆ ทำให้เธอดื่มไวน์ไปจนหมดขวด แต่จะให้เขากล่าวหาว่ามียาพิษอยู่ในเครื่องดื่มที่เธอเตรียมมาไม่ได้ เขาต้องได้เห็นว่าต่อให้กินไวน์ในขวดนี้จนหมด ก็ยังปลอดภัยอย่างที่เธอเป็น
“พี่เจค!”
อาการปวดหัวเพราะฤทธิ์ไวน์หายไปในทันที กลายเป็นความตื่นกลัวและประหม่า เมื่อรู้สึกถึงร่างกายสูงใหญ่ของอีกคนเข้ามาโอบกอด หัวใจของเธอเต้นแรงระรัวหวาดหวั่น แม้จะมึนเมาแต่ก็ไม่ลืมว่าตัวเองอยู่กับใคร
เอมมิกาใจสั่นระรัวเพราะอ้อมกอดที่กระชับเข้าหา ไม่รู้ว่าควรตอบรับหรือปฏิเสธ
หากคนที่กอดกันอยู่นี้เป็นจรณที่เธอเคยรู้จักมาทั้งชีวิตจริงๆ หญิงสาวคงไร้ความสับสน ทว่าเขาคนใหม่ที่เผชิญหน้ากันอยู่นี้ กลายเป็นจรณที่สูญเสียความทรงจำและไม่ได้รักเธออย่างที่เคยเป็นมา
“อ๊ะ!”
ไม่ทันที่หญิงสาวจะคิดอะไรออก อ้อมกอดหนักแน่นของจรณก็ยิ่งกระชับเพื่อดึงเธอไว้แนบกับแผงอกแกร่ง ชายหนุ่มโน้มใบหน้าเข้าหา ประกบริมฝีปากลงมา กดจุมพิตหนักหน่วงจนโลกของเอมมิกาหมุนติ้วด้วยความไม่เข้าใจ
หัวใจของหญิงสาวเต้นแรงระส่ำ แรงที่สุดในชีวิตเมื่อจรณดูดดึงจุมพิตไปจากเธอ จูบซ้ำย้ำไปบนกลีบปากสวย แล้วเพียงเสี้ยววินาที เรียวลิ้นร้อนเร่าก็สอดเข้ามาในโพรงปาก กระหวัดเธอให้กอดเกี่ยวกับลิ้นของเขา พากวาดไปทั่วราวกับตั้งใจจะเล็มเลียรสชาติไวน์ที่ติดค้างอยู่ในโพรงปากของเธอ’
“อี๋!”
หนังสือนิยายเล่มหนาถูกปิดลงจนดังฉับ พร้อมกับเสียงร้องด้วยความรังเกียจที่มนตร์ตระการเก็บไว้ไม่อยู่ คนที่เพิ่งอ่านมันไปเมื่อครู่ถึงขั้นกลืนน้ำลายหนืดๆ ลงคออย่างยากเย็นด้วยความขนลุกขนพอง
บทโรแมนติกเร่าร้อนไม่เคยทำให้เธอรู้สึกผะอืดผะอมมาก่อน แต่พอจินตนาการว่าตัวเองเป็น ‘เอมมิกา’ นางเอกของนิยายที่ถืออยู่ในมือ ผู้หญิงที่เพิ่งดื่มไวน์จนมัวเมาแล้วถูกจูบนั่น ใบหน้าของสรัชก็แทรกขึ้นมาเป็นพระเอกเสียได้ เพียงแค่เสี้ยววินาทีที่นึกถึงเขา มนตร์ตระการก็ขนลุกไปทั้งตัว
มนตร์ตระการสลัดภาพนั้นออกไปอย่างหัวเสียและเจ็บปวดกับความพลาดพลั้งของตัวเอง ทั้งที่เฝ้าท่องจำซ้ำๆ ว่าให้ลืมเรื่องเมื่อคืนไปซะ คิดเสียว่าทำทานให้หมามันกิน เสียแล้วก็เสียไป ไม่ถึงกับตายเสียหน่อย เธอก็ยังมีชีวิต ยังหายใจ ไม่ได้เจ็บป่วยเลย ที่สำคัญคือกินยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินเข้าไปแล้ว เธอคงไม่ท้องกับสรัชหรอก
แต่ถึงบอกตัวเองอย่างนั้น เธอก็ทำใจให้รู้สึกอย่างนั้นไม่ได้เสียที ยิ่งปลุกปลอบตัวเองเท่าไร ภาพเมื่อคืนก็ยิ่งตอกย้ำ ทุกคำที่เขาพูดออกมาเหมือนกำลังบีบคอเธอ
ความอัดอั้นบีบเต็มหัวใจ อยากจะร้องไห้ก็ร้องไม่ออก ชอกช้ำอยู่กับคำถามที่ว่าทำไมต้องเป็นสรัชด้วย!
มนตร์ตระการยกมือขึ้นมาปิดหน้า ปล่อยโฮออกมาในที่สุด อยากจะร้องไห้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย อาศัยว่าตอนนี้อยู่ลับสายตาทุกคนแล้วคร่ำครวญกับสิ่งที่เสียไปให้เต็มที่ แล้วจะไม่นึกถึงหน้าสรัชอีกแล้ว จะไม่กลับมาที่นี่อีกแล้ว
“มัดหมี่”
เสียงแม่เรียกทำให้มนตร์ตระการสะดุ้งเฮือก รีบปาดน้ำตาออกให้หมดแล้วปั้นหน้าให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยิ้มฝืนๆ ส่งไปให้คุณโฉมเฉลาที่กำลังมองเธออย่างฉงนปนสงสัย
“เป็นอะไรหรือเปล่าลูก ทำไมตาบวมๆ”
“เอ่อ… ภูมิแพ้มั้งคะ” ลูกสาวโกหกตะกุกตะกัก “สงสัยแพ้ฝุ่นน่ะ น้ำตาไหลด้วย”
“ก็ไปกินยาจะได้นอน ผ้านี่แม่ซักให้ก็ได้”
“ไม่ได้ค่ะ! หนูจะซักเอง”
มนตร์ตระการร้องห้ามเป็นพัลวัน โตจนอายุยี่สิบแปดแล้วก็ไม่ใช่เรื่องเลยที่จะให้แม่มาซักผ้าให้ อีกอย่างก็เพราะตอนแรกเธอวางแผนเดินทางจากกรุงเทพฯ มาที่นี่แบบรีบไปรีบกลับ มาถึงงานแต่งของน้องชายในช่วงแห่ขันหมากแล้วก็กะว่าจะกลับในเช้าวันรุ่งขึ้นเลย
แต่เพราะเรื่องเมื่อคืนทำให้ตารางชีวิตของเธอรวนเรไปหมด จะปุบปับขึ้นรถกลับเลยก็ไม่ไหว เสื้อผ้าที่เตรียมมาก็ไม่พอ มนตต์ตระการจึงต้องไปรื้อของเก่าในตู้ออกมาซักเพื่อให้ตัวเองมีสวมใส่ แล้วก็เลื่อนแผนการเดินทางเป็นพรุ่งนี้แทน ทำให้เธอต้องมานั่งเฝ้าเครื่องซักผ้าในตอนสาย
“นี่ก็ใกล้เสร็จแล้วล่ะค่ะ”
หญิงสาวพยักพเยิดไปทางเครื่องซักผ้าที่ตั้งอยู่บนลานซักล้างหลังบ้าน แม้จะไม่ได้กลับมากว่าสิบปี แต่เรือนปั้นหยาหลังกะทัดรัดบนเนื้อที่หนึ่งไร่ครึ่งนี้ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนไป ทุกอย่างยังตั้งอยู่ที่เดิมรวมทั้งสวนหลังบ้านติดห้องครัวที่มีไว้ตากผ้านี้ด้วย
“ถ้าตากผ้าเสร็จแล้วไปที่ร้านกับแม่หน่อยไหม” แม่ชวนคุยอีกเรื่อง “ไม่อยากไปเที่ยวที่ร้านหน่อยเหรอ เปลี่ยนไปเยอะเลยนะ”
“ไม่ดีกว่าค่ะ” คนไม่อยากออกไปไหนเริ่มกวาดสายตาหาข้ออ้าง แล้วก็ไปสะดุดตากับสิ่งที่เพิ่งโยนทิ้งไปก่อนหน้านี้ “หนูว่าจะอยู่อ่านนิยายให้จบน่ะ”
“แก้วซางดง” แม่อ่านนามปากกาที่ระบุไว้หน้าปก “นักเขียนคนโปรดล่ะสินะ เห็นที่ห้องพักของลูกมีเก็บไว้ตั้งหลายเล่ม”
