รักยกครก

75.0K · จบแล้ว
กรกานท์ ชื่นสราญ
55
บท
2.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

“ฉันจะไปกอดนายได้ยังไง ไม่มีทาง!”“โอ้โห… กอดทิ้งกอดขว้างแบบนี้ สงสัยต้องย้ำอีกสักทีแล้วมั้งว่าเมื่อคืนเรากอดกันแน่นแค่ไหน”...‘มนตร์ตระการ’ ไม่รู้เลยว่าชาติที่แล้วทำกรรมอะไรไว้สิ่งที่แบกรับเก็บซ่อนในใจก็ไร้คนเห็นค่าแล้วยังต้องมาเป็นทายาทคนใหม่ของร้านขายพริกแกงเจ้าดังแถมด้วยนาย ‘สรัช’ มาเป็นเจ้ากรรมนายเวรแค่ One night stand ครั้งเดียวนายไม่มีสิทธิ์ตามจองเวรฉันขนาดนี้!

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักนิยายปัจจุบันอาหารรักหวานๆตลกโรแมนติก

เริ่มต้นที่งานแต่ง 1/3

บทที่ 1 เริ่มต้นที่งานแต่ง

‘ถ้าชื่อเจ้าสาวเป็นมนตร์ตระการ แล้วเจ้าบ่าวจะชื่ออะไรนะ’

หญิงสาวถามตัวเองระหว่างมองไปยังเต็นท์ที่ประดับดอกไม้สดริมชายหาด ผ้าซาตินสีขาวมุกมีชื่อบ่าวสาวติดอยู่เป็นฉากหลังซึ่งใช้แทนเวทีในงานวิวาห์ ก็นึกถามตัวเองอยู่ในใจ แล้วยังอิจฉาญาติผู้น้องอยู่นิดหน่อยที่ได้แต่งงานตัดหน้าเธอ

ในงานวิวาห์ใต้แสงจันทร์บนหาดทรายขาว แสงดาวสาดส่องแข่งกับแสงไฟประดับดวงเล็กดวงน้อยพร่างพราวไปทั่วบริเวณ เสียงดนตรีบรรเลงเบาๆ คลอไปพร้อมกับกลิ่นดอกบัวที่รีสอร์ตใช้จัดตกแต่งอย่างเก๋ไก๋ให้สมกับชื่อเล่นของเจ้าสาว บรรยากาศของงานดีเสียจนคนโสดยังแอบฝันถึงงานแต่งของตัวเอง

“เมื่อไรสองคนนี้จะขายออกบ้างนะ”

จู่ๆ แม่บ่นพึมพำขึ้นมา ลูกสาวก็เหมือนถูกฉุดออกมาจากภวังค์แสนหวาน ตอกย้ำให้รู้ว่าในความเป็นจริงเธอยังหาคู่ไม่ได้เลย เรื่องจะได้จัดงานแต่งคงยากพอๆ กับรอให้น้ำท่วมหลังเป็ด แล้วใครที่ไหนจะมาช่วยจับเป็ดกดน้ำไปพร้อมเธอ

“มัดหมี่นี่ยังไม่น่าห่วงเท่าแพรวา” แม่บ่นต่อแต่ทำเอาลูกสาวคนเล็กต้องเหลือบมองพี่สาวอย่างเป็นห่วง “ปีนี้สามสิบแล้ว สวยก็สวยอยู่นะ ทำไมขายไม่ออก”

“แม่คะ!” ลูกสาวคนโตร้องขึ้นมาบ้าง แพรวพัสตราก็ดูจะค้อนอยู่เหมือนกัน “หนูอยู่ขายพริกแกงที่ร้านเป็นเพื่อนแม่กับน้าฉายไปเรื่อยๆ ไม่ดีเหรอคะ ทำไมอยากขายหนูออกไปเสียได้”

“ก็แม่อยากได้ลูกเขยบ้าง”

คุณโฉมเฉลาตอบค้อนๆ แล้วหันมาหาเธอบ้าง ลูกคนเล็กก็ชักรู้สึกเหมือนวัวสันหลังหวะ

“มัดหมี่ล่ะ อยู่กรุงเทพฯ ไม่มีใครมาจีบบ้างเหรอ”

มนตร์ตระการทำเพียงส่ายหน้าแล้วยิ้มแห้งๆ ไม่ตอบแม่หรอกว่าคนเข้ามาจีบบ้างก็มี แต่ยังไม่มีใครถูกใจเสียที จะโทษว่าเธอมาตรฐานสูงก็ได้ แต่ก็ช่วยไม่ได้ล่ะเพราะคนที่มาเกี้ยวพาราสีนั้นไม่ถูกใจ ยังไม่มีใครดีได้เหมือนพระเอกในหนังสือนิยายที่เธอนอนกอดทุกคืนเลย

“ขอนั่งด้วยสิครับ หิวจะแย่อยู่แล้ว”

ขอบคุณสวรรค์ที่มีคนเข้ามาเปลี่ยนเรื่อง นายเอิร์ตหรือมีชื่อจริงว่าไตรภพพาเจ้าสาวของตัวเองเข้ามานั่งด้วย หลังจากไปเดินทักทายแขกจนทั่วงาน ก็มาหาข้าวกินที่โต๊ะอาหารซึ่งมีแต่ญาติสนิทนั่งอยู่

มนตร์ตระการเองก็นั่งเกร็งอยู่ท่ามกลางญาติฝ่ายแม่ ทั้งน้าโฉมฉายกับสามี น้องสาวของไตรภพอีกคน คุณยายฉมวัยชราที่นั่งอยู่ข้างแพรวพัสตราพี่สาวแท้ๆ ของเธอ และคุณโฉมเฉลาผู้เป็นป้าของเจ้าบ่าว

นานมากแล้วที่ไม่ได้อยู่พร้อมหน้ากับญาติฝ่ายแม่ เธอไม่ได้กลับมาเยี่ยมบ้านเป็นสิบปีตั้งแต่ไปเรียนที่กรุงเทพฯ และทำงานที่นั่น มีแต่แม่กับพี่สาวที่แวะไปหา ส่วนตัวเองก็ยังไม่รู้ว่าบั้นปลายชีวิตจะไปอยู่ที่ไหน แต่ที่แน่ๆ คงไม่ใช่จังหวัดนี้

มนตร์ตระการไม่อยากจะกลับมาบ้านเกิด แต่เพราะนี่เป็นงานสำคัญของน้องชาย ไตรภพก็สนิทกันมาตลอดเพราะโตมาด้วยกัน ตอนที่น้องเข้าไปเรียนกรุงเทพฯ คุณน้าก็ฝากฝังให้ดูแลน้อง จนตอนนี้ไตรภพทำงานเป็นสถาปนิกในบริษัทใหญ่ใจกลางกรุงก็ไปมาหาสู่กันอยู่เสมอ แต่บทจะแต่งงานกลับไปพบรักกับคนบ้านเดียวกัน ทำให้ต้องมาจัดงานแต่งที่นี่

“ดื่มกันหน่อยไหม”

พอนั่งเข้าที่ได้ไม่นาน เจ้าบ่าวก็ชวนอย่างกระตือรือร้น แล้วยกเอาขวดไวน์ที่ถือติดมือมาขึ้นอวดทุกคนด้วย

“ผมได้ของดีมา ไวน์องุ่นนำเข้าเชียวนะ ทางแบรนด์บอกว่าผลิตจากผลขององุ่นที่มีผิวบาง ปลูกในภูมิประเทศที่มีความหนาวเย็นสูง และมีแสงอาทิตย์ส่องผ่านสม่ำเสมอ ขวดนี้มาจากเบอร์กันดี”

“ของแพงนี่น่า เจ้านายพี่เคยซื้อให้กิน” มนตร์ตระการตาวาวใส่ลาภปากเพราะแค่เห็นยี่ห้อเธอก็เดาราคาได้แล้ว “ว่าแต่นายไปเอามาจากไหน”

“พี่สรัชให้ผมเป็นของขวัญแต่งงาน”

“ให้เหล้าเท่ากับแช่งน่ะสิ!”

อารมณ์ดีของมนตร์ตระการพลิกคว่ำทันที แถมพอเธอบอกไปอย่างนั้น ญาติๆ ก็เงียบกริบไปทั้งวง เจ้าสาวของไตรภพเองก็ถึงกับยิ้มเจื่อนเพราะญาติผู้พี่ของสามีเสียงแข็งขึ้นมา บางทีน้องสะใภ้คงจะยังไม่คุ้นชินกับเธอก็ได้ จะมาเหวี่ยงให้เห็นก็คงไม่เข้าใจว่านี่เป็นเรื่องปกติของเธอเหมือนที่ญาติๆ คนอื่นเขารู้กัน

“เอ่อ… ขอโทษจ้ะ พี่กับนายเอิร์ตพูดกันไม่เพราะเท่าไรหรอก จริงๆ ไวน์มันก็ช่วยบำรุงเลือดลมแถมมีสารแอนติออกซิแดนซ์ด้วยเนอะ”

มนตร์ตระการหัวเราะแห้งๆ ระหว่างแก้ต่างให้ตัวเอง ป้องกันไม่ให้น้องสะใภ้มองเธอว่าเจ้าอารมณ์ และโชคดีอยู่หน่อยที่น้องชายไม่เถียง ก็นับว่าเธอรอดตัวไปก็แล้วกัน

“แล้วสรัชอยู่ไหนล่ะเอิร์ต” จู่ๆ แม่ก็ถามหาเจ้าของขวดไวน์ขึ้นมาทำให้มนตร์ตระการหันขวับมามองด้วยความไม่พอใจ “ยังไม่เห็นเลย ว่าจะขอบใจเขาสักหน่อย”

“อยู่กับเพื่อนมั้งครับป้าโฉม” ไตรภพออกปากระหว่างที่เอี้ยวตัวมองหาเหมือนกัน “นี่ผมก็ไม่ค่อยแน่ใจว่างานแต่งผมหรืองานเลี้ยงรุ่นกันแน่ ทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องสมัยผมเรียนมัธยมมากันทั้งโรงเรียนเลย”

“เอ้อ! แล้วมัดหมี่ได้คุยกับสรัชหรือยังลูก”

แม่ถามขึ้นมา มนตร์ตระการก็ยืดตัวตรงอย่างระแวง เรื่องอะไรจะต้องไปคุยกับหมอนั่นด้วย ให้เธอหนีไปคุยกับนกเพนกวินที่ขั้วโลกใต้ยังดีเสียกว่า

“แม่คะ หนูบอกแล้วไงคะว่าอย่าพูดถึงนายนั่นอีก” ลูกสาวตัดบทหนีในทันที “แม่ก็ไม่ได้พูดชื่อนี้ได้หนูได้ยินมาตั้งสองปีแล้วนี่คะ จะพูดขึ้นมาอีกทำไม”

“จำได้ด้วยแฮะว่าแม่ไม่ได้พูดถึงสรัชให้ได้ยินมาตั้งสองปีแล้ว”

“แม่!”

“พี่ยังไม่จบเรื่องนั้นอีกเหรอ…”