เริ่มต้นที่งานแต่ง 3/3
บทที่ 1 เริ่มต้นที่งานแต่ง
“จ้ะ!” มนตร์ตระการบอกห้วนๆ เพราะรู้แล้วว่าเพื่อนแขวะกันจริงๆ “แต่ยังไงฉันก็อยากใส่ซองงานแต่งเธอนะแตงกวา หวังว่าเธอจะมีคนเอาบ้างนะ"
“ได้ใส่แน่จ้ะ เพราะอีกสองเดือนฉันก็จะแต่งงานแล้ว”
แตงกวาจีบปากจีบคอตอบอย่างน่าหมั่นไส้แต่มนตร์ตระการรู้ดีว่าจริงๆ แล้วไม่มีอะไรนอกจากแหย่กันไปตามประสา
“แต่เธออย่าขาดการติดต่อกับเราไปเสียก่อนละมัดหมี่ ปีนี้เพื่อนๆ เราวางแผนแต่งงานกันตั้งสามคู่แน่ะ เตรียมเงินใส่ซองให้หนักๆ หน่อยแล้วกันนะจ๊ะ”
“สามคู่เลยเหรอ!”
“โอ๊ย! เขาแต่งกันจะหมดชั้นแล้ว ก็เธอนั่นแหละไม่รู้ไปมุดอยู่ที่ไหน เพื่อนจะส่งการ์ดให้ก็ไม่รู้จะส่งยังไง”
ปรางค์ผู้เป็นคู่หูของแตงกวาหัวเราะคิกคักขึ้นมา แต่ทำเอามนตร์ตระการหน้าถอดสีไปเลย เพื่อนๆ ร่วมชั้นเรียนมัธยมแต่งงานเธอก็รู้ แต่ที่ผ่านมาไม่เคยรับการ์ดของใคร ก็เพราะเพื่อนเอามาฝากไว้กับแม่ พอเธอปฏิเสธมากเข้าแม่ก็คงเอือมระอาจึงไม่พูดถึงให้ได้ยินอีก
แต่กับเพื่อนสนิทในกลุ่มเดียวกันนี่ มนตร์ตระการรู้สึกว่าเธอปิดกั้นตัวเองจนเกินไป พลาดงานสำคัญไปเสียแล้ว
“น้ำหวานก็แต่งแล้วเหรอ!” มนตร์ตระการถามคนที่นั่งใกล้เธอที่สุดนั่นแหละ น้ำหวานก็พยักหน้าให้อย่างเขินอาย “ตั้งแต่เมื่อไร ทำไมไม่บอกกันบ้าง”
“ก็อย่างที่บอก เราไม่รู้จะส่งการ์ดเชิญให้เธอยังไง เอาไปฝากกับน้าโฉมไว้ก็เงียบฉี่”
ไม่ได้ผิดที่แม่หรือใครที่ทำให้ข่าวสารและการ์ดแต่งงานส่งไปไม่ถึงเธอ เพราะเมื่อเรื่องราวเหล่านี้ถูกพูดถึงมนตร์ตระการก็จะปฏิเสธ บอกว่าไม่ว่าง ไม่ไป ไม่ต้องส่งข่าวพวกนี้มาอีกต่างหาก แต่พอปิดตัวหนีหาย เพื่อนๆ กลับมีความเคลื่อนไหวมากมายจนทำเอาหญิงสาวอึ้งไปเลย
“ตอนนี้ทั้งห้องก็เหลือแค่เธอ หมอเต้ แล้วก็สรัชนั่นแหละ สามคนสุดท้ายแล้วจ้ะ” น้ำหวานก็ขำไปกับเขาอีกคน “สองคนนั้นเป็นผู้ชาย ยี่สิบแปดยังไม่นับว่าขึ้นคานหรอก แต่เธอเป็นผู้หญิง ถ้ายิ่งช้าก็เหมือนก้าวขาขึ้นคานไปข้างหนึ่งแล้วนะ”
“เอ๊ะ! หรือจริงๆ แล้วสรัชกับเต้มันค้นพบตัวเองแล้วหันมากินกันเอง” ปรางค์นินทาอย่างสนุกปาก “อาจจะเป็นไปได้นะ ก็ตั้งแต่นายเต้กลับมา สองคนนั้นก็ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ คนเห็นทั้งอำเภอ”
“ไม่ใช่แล้ว” น้ำหวานร้องขัด “เต้มันยังไปจีบน้องฝ้ายที่เปิดร้านกาแฟอยู่ข้างโรงเรียนน่ะ ล่าสุดได้ข่าวว่ามันสั่งกาแฟไปเลี้ยงคนทั้งแผนกเพราะน้องฝ้ายไม่ยอมเจอหน้ามัน น้องก็ต้องเอากาแฟไปส่งน่ะสิ ไอ้หมอนี่มันแผนสูง”
“ถ้าอย่างนั้นทั้งห้องเราก็เหลือแต่มัดหมี่กับสรัชแล้วล่ะน่ะสิ” แตงกวาทักขึ้นมาอย่างขบขัน มนตร์ตระการก็ขนลุกซู่ “เอ้… ยังไงๆ แล้วนะ”
“ไม่อะไรยังไงทั้งนั้นแหละ!” มนตร์ตระการตะโกนขัด เห็นทีว่าจะอยู่ตรงนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้วเหมือนกัน “เอาเป็นว่าฉันจะรอการ์ดจากพวกเธอแล้วกันนะ แต่ตอนนี้ขอตัวก่อน”
“จะไปไหน! เพิ่งได้คุยกันเอง”
“ห้องน้ำ” เธอตอบด้วยเสียงที่เบาลงเพราะยังถนอมน้ำใจน้ำหวานอยู่ “เอาไว้เดี๋ยวเจอกันใหม่นะ ขอตัวล่ะ”
มนตร์ตระการไม่เปิดโอกาสให้ใครทักท้วง รีบเดินจ้ำๆ ไปทางห้องน้ำแต่ไม่มีแม้สักเสี้ยวความคิดที่จะกลับไปหาเพื่อนเก่า แล้วท่องให้ขึ้นใจเลยว่าจะไม่กลับมาที่นี่อีกถ้าไม่จำเป็น
หลังจากไปเข้าห้องน้ำพอเป็นพิธี กันไม่ให้ใครมาหาว่าโกหก มนตร์ตระการก็เดินไปหาที่นั่งใหม่เพราะยังไปจากงานนี้ไม่ได้จนกว่าน้องชายจะได้ทำพิธีเข้าหอ บ่าวสาวเปิดห้องสวีตไว้เพื่อความสะดวกจะได้ไม่ต้องขับรถไปมา ญาติๆ ก็รอฤกษ์ส่งตัวอยู่เหมือนกัน
แต่รอบๆ สระว่ายน้ำไม่ค่อยมีที่ว่างเสียเท่าไร ทั้งเพื่อนของเจ้าบ่าวและเจ้าสาวยังจับกลุ่มคุยกันจอแจ มนตร์ตระการก็เห็นทีว่าจะไม่เข้าไปใกล้ไม่อยากเจอใครที่รู้จัก เดี๋ยวจะมาทักให้อารมณ์เสียเหมือนกลุ่มเพื่อนเก่าที่เธอทิ้งไว้ริมหาด เอาเป็นว่าเลี่ยงไปนั่งที่อื่นก็แล้วกัน
“น้อง มีอะไรดื่มแก้เซ็งไหม”
เมื่อตัดสินใจมานั่งที่บาร์เครื่องดื่มเพื่อดับอารมณ์หงุดหงิด มนตร์ตระการก็ออกปากถามบาร์เทนเดอร์ที่ยืนยิ้มรออยู่
“เอาแบบขึ้นสมองเลยก็ดีนะ”
“ค็อกเทลรสเปรี้ยวมีหลายอย่างครับ ลองเลือกดู” บาร์เทนเดอร์หนุ่มน้อยหน้าตี๋ตอบอย่างใจดีแล้วชี้ให้ดูป้ายรายการเครื่องดื่มด้านหลัง “หรือถ้าเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก็มีแค่ไวน์ครับ”
“อะไรกัน!” คนเพิ่งเคยมารีสอร์ตแห่งนี้ครั้งแรกถามด้วยความประหลาดใจ “รีสอร์ตออกจะใหญ่โต มีแค่ไวน์เองเหรอ”
“คุณสรัชไม่ให้เอาเหล้าเข้ามาในงานแต่งของคุณเอิร์ตกับคุณบัวครับ”
“สรัชอีกแล้วเหรอ!”
ชื่อนี้จะรังควานเธอไปถึงเมื่อไรกันนะ มนตร์ตระการไม่เข้าใจเลย แล้วเขามีอิทธิพลต่อไตรภพแค่ไหน น้องชายของเธอจึงยอมไม่เอาเหล้าเข้ามาในงานตามคำสั่ง แต่คิดไปก็คงป่วยการและไปแก้อะไรไม่ได้ งานวิวาห์เสร็จสิ้นจนจะเข้าหออยู่แล้ว ฟื้นฝอยหาตะเข็บไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา
แต่มนตร์ตระการรู้แน่อย่างเดียวคืออย่าได้กลับมาเหยียบที่นี่อีก เธอควรไปให้พ้นอย่าได้เกี่ยวข้องกับใครอย่างที่เคยเป็นมาตลอดสิบปีก็ดีอยู่แล้ว ไม่ควรกลับมาเลยจริงๆ
“ตกลงพี่จะรับอะไรดีครับ”
“ไวน์นั่นแหละ เอามาทั้งขวดเลย”
มนตร์ตระการกระแทกเสียงตอบเมื่อบาร์เทนเดอร์ถามซ้ำ หาอะไรแรงๆ ดื่มเสียบ้างก็ดี เผื่อจะสลัดชื่อสรัชออกจากหัวได้เสียที
หรือไม่ก็เมาให้มันหลุดโลกไปเลย!
