บท
ตั้งค่า

เริ่มต้นที่งานแต่ง 2/3

บทที่ 1 เริ่มต้นที่งานแต่ง

“นี่เอิร์ต! ถ้านายจะไม่พูดถึงอีก พี่ก็จะขอบคุณมาก”

มนตร์ตระการตัดบทฉับแล้วขึงตาใส่น้องชาย ทำเอาเงียบกริบไปทั้งวงอีกรอบ แต่พอถูกญาติมองมาตาปริบๆ หญิงสาวก็รู้ตัวแล้วว่าตัวเองอารมณ์เสียแล้วพาลไปทั่วจนเข้าข่ายนิสัยไม่ดี ขืนปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปคงได้กลายเป็นที่จดจำในเชิงลบ เสียไปถึงแม่ด้วย รีบแก้สถานการณ์คงดีกว่า

“หนูขอไปเดินเล่นหน่อยแล้วกันนะคะ”

“กลุ่มเพื่อนๆ สมัยเรียนของพี่อยู่ตรงบาร์ค็อกเทลริมสระว่ายน้ำน่ะ” พอเธอหาเรื่องจะลุกหนี ไตรภพก็เสนออย่างใจดี “จับกลุ่มคุยกันเป็นนกกระจอกแตกรังเชียว ไม่ไปหาหน่อยล่ะ”

“จะไปแล้วกัน”

หญิงสาวรับคำส่งๆ แล้วก็ลุกออกจากโต๊ะ เดินไปหาของกินก็จริงแต่จะเลี่ยงสระว่ายน้ำไปให้ไกลที่สุด ไม่อยากพูดคุยกับเพื่อนร่วมชั้นสมัยมัธยมเสียเท่าไร อีกอย่างก็หลบหน้าหลบตาพวกนั้นมาได้เป็นสิบปี ถ้ายอมเดินกลับไปหาง่ายๆ คงโง่เต็มที

ในเมื่อไม่คิดจะเดินไปทางสระว่ายน้ำ มนตร์ตระการก็เลี่ยงไปนั่งที่เก้าอี้ริมหาด หันหน้าออกทะเลแล้วชมท้องน้ำยามดึกสะท้อนแสงจันทร์กระจ่างฟ้า เหล่าดวงดาวเปล่งแสงพริบพราวอย่างไม่ยอมน้อยหน้า ลมเย็นๆ พัดโชยมา มนตร์ตระการก็เริ่มผ่อนคลายลง

นานมากแล้วที่เธอไม่ได้เงยหน้ามองท้องฟ้าเหนือผืนน้ำทะเล นับตั้งแต่ไปทำงานในเมืองหลวงและตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่กลับบ้านเกิด ก็ไม่ได้สัมผัสบรรยากาศแบบนี้เลย ถ้าจะต้องไปพักผ่อนเพื่อให้ธรรมชาติบำบัด มนตร์ตระการก็เลือกขึ้นเหนือไปสูดไอหมอกบนภูเขาเพราะเธออยู่กับทะเลมาครึ่งค่อนชีวิตแล้ว อยากไปดูอะไรใหม่ๆ บ้าง

แล้วก็คงนานจนเธอลืมไปว่ากลิ่นอายทะเลเป็นอย่างไร หญิงสาวหลงเสน่ห์ท้องน้ำกว้างไกลเข้าเสียแล้ว หลับตาลงอย่างผ่อนคลายแล้วปล่อยให้สายลมโอบล้อมตัว ฟังเสียงคลื่นซัดสาดกระทบหาดทราย บางที… ถ้าได้เอาเท้าจุ่มน้ำบ้างก็คงจะดี

“มัดหมี่”

เสียงหนึ่งขัดจังหวะเธอ มนตร์ตระการขมวดคิ้วมุ่น รีบลืมตาแล้วมองหาคนที่เข้ามาเรียก รู้ตัวแล้วว่าตัวเองอยู่ที่ไหน ความระแวงก็เริ่มตามมา

“ทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้ล่ะ เพื่อนๆ ยังถามหาเธอกันอยู่เลย”

“เอ่อ… เรามาดูดาวน่ะ”

มนตร์ตระการตอบตะกุกตะกัก กลบอาการไม่อยากเจอหน้าแต่ก็เลี่ยงไม่ได้ เธออุตส่าห์ไม่ไปที่ริมสระน้ำแล้ว แต่ก็เหมือนหนีไม่พ้น กลุ่มเพื่อนๆ สมัยมัธยมกรูกันเข้ามาถึงริมหาดที่ทางเจ้าภาพจัดไว้บริการแขก

“ไม่ได้เจอกันนานเลยเนอะ” แตงกวาเดินเข้ามานั่งด้วยก่อนใครเพื่อน “นี่ก็ไม่คิดเหมือนกันว่านายเอิร์ตน้องเธอจะมาเป็นน้องเขยฉัน”

“ไม่คิดเหมือนกัน…”

มนตร์ตระการทวนคำนั้นอย่างเลื่อนลอยเพราะไม่รู้จะพูดอะไร ทว่าสายตากลับพิจารณาทุกคนอย่างหวาดระแวง แต่จะให้ลุกหนีก็คงเสียมารยาทมากไปหน่อย ถึงไม่อยากจะพูดจาปราศรัยกับคนพวกนี้ ทว่าความผูกพันที่เคยเรียนร่วมชั้นกันมาก็ยังทำให้เธอนึกถนอมน้ำใจ

“ไม่เจอตั้งหลายปี เธอสวยขึ้นเป็นกอง ถ้าน้าโฉมไม่บอกว่ามัดหมี่อยู่ตรงนี้ พวกเราคงจำไม่ได้เลยนะเนี่ย”

เพื่อนอีกคนที่ชื่อน้ำหวานแซวขึ้น มนตร์ตระการก็ยิ้มเอาไว้ก่อน ยังจำได้ว่าสมัยเรียนนั่งข้างกัน อยู่กลุ่มเดียวกัน แต่ที่ห่างเหินเพราะน้ำหวานไปเรียนต่อไกลถึงสงขลา การติดต่อก็น้อยลงทุกที แต่เหตุผลสำคัญที่สุดก็เพราะเธอพยายามหายหน้าไปจากทุกคนต่างหาก

“น้ำหวานก็สวยเหมือนกัน” เธอชวนคุย “ว่าแต่ตอนนี้ทำอะไรอยู่ที่ไหนล่ะ”

“เป็นฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ของบริษัท…”

น้ำหวานเอ่ยชื่อบริษัทที่ให้บริการสัญญาณโทรศัพท์ชื่อดัง มนตร์ตระการก็พยักหน้าอย่างคนตั้งใจฟังและหวังว่าเพื่อนจะพูดต่อ พูดว่าชีวิตดีเลิศประเสริฐศรีให้น่าอิจฉาอย่างไรก็ได้ แต่อย่าได้วกกลับมาถามเรื่องของเธอเลย

“โชคดีนะที่ได้ประจำอยู่ที่นี่” น้ำหวานยังอมยิ้มอยู่ “ถ้าต้องไปทำงานไกลๆ เราคงคิดถึงบ้านแย่”

“จริงด้วยนะ ที่นี่มีทั้งญาติมีทั้งเพื่อน” แตงกวาสำทับขึ้นมา แล้วยังหันมาจ้องเธออีกจนน่าขนลุก “ว่าแต่มัดหมี่เถอะ ไม่กลับบ้านเลย นี่ถ้าไปเจอกันที่กรุงเทพฯ เราคงไม่รู้ว่าเป็นเธอ”

“ก็งานของเราอยู่กรุงเทพฯ นี่น่า”

“แต่ไม่เห็นกลับมาเลย พวกเราคิดถึงเธอออก”

“คงยากหน่อยล่ะ” มนตร์ตระการพยายามหาคำตอบที่เพื่อนๆ จะซักไซ้ต่อไม่ได้ “คือเราทำงานเป็นเลขาฯ น่ะ ตัวติดเจ้านายตลอดเลย ยุ่งมาก”

“แล้วแบบนี้เมื่อไรจะมีข่าวดีกับเขาบ้าง” น้ำหวานแทรกขึ้นมายิ้มๆ “น้องชายตัดหน้าแต่งงานก่อนแล้วนะ มัดหมี่จะแจกการ์ดเมื่อไรดี”

“ให้พี่แพรวาแต่งก่อนก็แล้วกัน”

“ถ้ารอนานๆ แล้วแฟนไม่ว่าเหรอ”

คราวนี้แตงกวามองเธอด้วยหางตา และเพราะเคยสนิทกันมาก่อน มนตร์ตระการจึงรู้ว่าโดนเพื่อนแขวะเข้าเสียแล้ว

“เอ้? หรือยังไม่มีแฟน”

“ไม่มีก็ไม่เห็นจะเป็นไร”

“อ๋อ! ไม่มีคนเอา”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel