บุคคลไม่พึงประสงค์ 3/4
บทที่ 2 บุคลลไม่พึงประสงค์
นี่เขายังคิดว่าจะได้เห็นหน้าเธออีกหรือ! ไม่มีทางเสียหรอก คนอย่างมนตร์ตระการจะไม่ปล่อยตัวเองให้ซวยซ้ำซวยซ้อนขนาดต้องโคจรไปเจอผู้ชายคนนี้อีกแน่
แต่เขาไม่ยอมรับรู้ว่าสีหน้าของเธอแสดงความรังเกียจออกไปมากแค่ไหน คนตัวใหญ่วางมือลงบนศีรษะเธอ ขยี้ไปบนเรือนผมนุ่มสลวยพร้อมกับถอนหายใจแรงๆ ก่อนจะลุกจากเตียงไป และไม่เห็นเลยว่าน้ำตาไหลนองหน้าเธอ
สรัชคว้าเสื้อผ้าไปสวมใส่ ทิ้งให้เธออยู่กับความเจ็บปวดที่กัดกินหัวใจจนน้ำตาไหลลงซ้ำรอยเดิม ตอกย้ำความผิดพลาดนี้ อีกทั้งโกรธตัวเองที่ประมาทและใจอ่อนจนยอมกลับมาที่นี่ จนต้องเจอเรื่องโชคร้ายอย่างที่เป็นอยู่
เขาออกจากห้องนี้ไปแล้ว แต่คิดจริงๆ หรือว่าเธอจะยอมไปเจอที่ล็อบบี้
หญิงสาวปาดน้ำตาทิ้งอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงประตูห้องปิดลง ตัวเธอนั่งนิ่งอยู่บนเตียง พยายามตั้งสติว่าต้องใช้ชีวิตต่อไปอย่างไรในวันที่ก้าวพลาด
‘มันก็แค่เซ็กส์ ไม่ตายหรอกน่า!’
หญิงสาวปลุกปลอบตัวเอง เธอแข็งใจลุกขึ้นมาจากเตียง คว้าเอาเสื้อผ้าขึ้นมาสวมใส่ เช็ดน้ำตาครั้งสุดท้ายแล้วบอกตัวเองให้ออกจากห้องนี้ไปก่อนที่สรัชจะกลับมา
ต้องไปให้ไกลจากเขาให้มากที่สุด มากกว่าที่เคยไป
หญิงสาวประคองตัวเองออกมาด้วยเรี่ยวแรงที่พอมีอยู่ เดินเซซ้ายเซขวาก็เพราะปวดหัวอีกทั้งรู้สึกเลยว่าระบมไปทั้งตัว แต่เจ็บเพียงเท่านี้คงดีกว่านอนรอสรัชอยู่เตียง
มนตร์ตระการฉวยโอกาสตอนที่ชายหนุ่มบอกว่าจะไปรออยู่ที่ล็อบบี้ของรีสอร์ต รีบสวมเสื้อผ้าแล้วออกมาจากห้องพักนั่น ความทรงจำของเธอก็เริ่มกลับมาเช่นกัน แต่เพียงแค่นึกถึงหน้าสรัช นึกไปถึงว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง หญิงสาวก็น้ำตาตกอย่างกล้ำกลืน ไม่อยากจำอะไรแม้แต่นิดเดียว
ค่ำคืนที่ผ่านมา มันคงเลวร้ายที่สุดในชีวิตแล้ว…
ถ้าโชคชะตาจะบันดาลให้เธอซวยก็ส่งคนอื่นมาให้ไม่ได้หรือ สูงต่ำดำขาวอย่างไรก็จะไม่บ่นเลย แต่ทำไมต้องเป็นสรัชด้วย ทำไมซวยได้ขนาดนี้ ไม่เข้าใจเลย
ความเจ็บปวดทำให้เธอหยุดชะงัก รู้สึกไปต่อไม่ไหว มนตร์ตระการต้องพยุงตัวเองให้ยืนอยู่ต่อไปได้ด้วยการเกาะเสาต้นหนึ่งไว้ แล้วหายใจลึกๆ เผื่ออากาศที่สูดเข้าไปในปอดจะช่วยให้เธอมีเรี่ยวแรงเพิ่มขึ้น
เธอยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ปล่อยให้แสงแดดเรืองรองส่องมากระทบร่างกาย มนตร์ตระการจึงยอมเงยหน้ามองทุกอย่างรอบตัว ไกลออกไปเบื้องหน้าคือทะเลกว้างสุดลูกหูตา ท้องน้ำสีเพทายสะท้อนรุ่งอรุณเฉิดฉาย ลมทะเลพัดเข้ามาปะทะร่างกายเธอจนหนาวสะท้านไปทั้งตัว
มนตร์ตระการมองใกล้ตัวเข้ามาอีก ก็เห็นผืนทรายที่มีซุ้มดอกไม้สดตั้งตระหง่านอยู่ เมื่อคืนมันเป็นดินแดนแห่งความรักของคู่บ่าวสาว เป็นพิธีการที่ทำให้เธอยอมกลับมาเยือนที่นี่ทั้งที่ใจแข็งไม่กลับมาเหยียบเขตจังหวัดนี้มานานนับสิบปี
“ไม่น่ากลับมาที่นี่เลย”
คนก้าวพลาดได้แต่ครวญเบาๆ แต่ไม่อาจย้อนเวลาได้ เธอทิ้งตัวอย่างเหนื่อยอ่อนลงบนโซฟาที่จัดชุดไว้ริมสระน้ำใต้ต้นลีลาวดีที่ส่งกลิ่นหอมรัญจวนต้อนรับรุ่งอรุณ รู้ทั้งรู้ว่าควรหนีไปให้ไกลก่อนที่สรัชจะตามมา แต่หญิงสาวก็อ่อนแรงเกินกว่าจะทำอย่างนั้นได้
มนตร์ตระการมองหาที่ซ่อนจากความอ่อนแอ ก็เห็นว่าเบื้องหน้าของเธอคือสระว่ายน้ำขนาดใหญที่ทางรีสอร์ตมีไว้สำหรับให้แขกพักผ่อน นักท่องเที่ยวทยอยออกมารับอาหารเช้าริมสระกันแล้ว ผู้คนเริ่มจอแจแข่งกับเสียงนกร้อง
รีสอร์ตชื่อดังประจำจังหวัดถูกใช้เป็นสถานที่จัดงานแต่งของลูกพี่ลูกน้องเธอ ตอนนี้แทบไม่เห็นร่องรอยของแขกผู้มาร่วมงาน ญาติพี่น้องหายไปไหนกันหมด ทำไมเธอเหลืออยู่ตัวคนเดียว
“มัดหมี่! มานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้”
เพียงครู่เดียวที่นึกถึงใครสักคน มนตร์ตระการก็ได้ยินเสียงหวานกังวานใสก้องขึ้นมา หัวใจของเธอมีเรี่ยวแรงอีกครั้ง อย่างน้อยในช่างเวลาที่แสนทุกข์ระทมเธอก็เห็นหน้าพี่สาว แพรวพัสตรามองอย่างห่วงใย เพียงเท่านี้คนเป็นน้องก็อุ่นใจขึ้นมาแล้ว
“แม่!”
อีกคนที่ตามพี่สาวมาทำให้มนตร์ตระการมีแรงลุกขึ้นมาทันที วิ่งเข้าไปสวมกอดคุณโฉมเฉลาไว้ รู้สึกถึงความปลอดภัยในอ้อมกอดของมารดา
“ดีจัง แม่กับพี่แพรวายังไม่กลับ”
“ก็เมื่อคืนแม่อยู่ช่วยน้าฉายกับญาติฝ่ายเจ้าสาวนับซอง เลยนอนค้างที่นี่ นี่ก็เพิ่งพาเจ้าบ่าวเจ้าสาวไปตักบาตรที่ริมหาดมาเอง”
