บุคคลไม่พึงประสงค์ 2/4
บทที่ 2 บุคลลไม่พึงประสงค์
เสียงหัวเราะชอบใจของสรัช สำหรับเธอแล้วไม่ได้ฟังรื่นเริงเลยสักนิด ทว่าเป็นเสียงที่ตอกย้ำว่าโลกทั้งใบของเธอถล่มลงตรงหน้า ความมืดดำเข้ากลืนกินชีวิตในทันที
หญิงสาวชาไปทั้งตัว หายใจไม่ออกด้วยซ้ำเมื่อเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง ฤทธิ์น้ำจัณฑ์ทำให้ชีวิตของเธอพังเพียงในชั่วพริบตา
เธออยากให้เรื่องนี้เป็นเพียงฝันร้าย แต่มันเป็นไปไม่ได้เพราะสรัชยังนั่งจ้องหน้ากันอยู่ ไม่ต่างจากการตอกย้ำว่าชีวิตที่พลาดพลั้งจนดิ่งลงเหวนั้นเป็นอย่างไร
ไม่ได้หวงพรหมจรรย์จนถึงขั้นเสียมันไม่ได้หรอก แต่ที่เธอคิดฝันไว้ไม่ใช่อย่างนี้
เสียตัวให้ใครไม่เสีย ดันมาเสียให้นายสรัช!
หัวใจของเธอเต้นแรงระส่ำ ได้แต่อ้าปากค้างมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้า สิบปีที่ไม่ได้พบกัน สรัชดูไม่เปลี่ยนไปสักเท่าไร ดวงตากลมโตใต้คิ้วหนาคู่นั้นสวยสะกดคนที่เผลอสบมองอยู่เสมอ จมูกโด่งยังรับกันดีกับปากรูปกระจับ ร่างกายกำยำขึ้นมากสมกับอยู่ในวัยฉกรรจ์ แต่ต่อให้เขาจะหล่อเหลากว่านี้สักเท่าไร เธอก็ไม่อยากมอง
“นายแค่แกล้งฉันใช่ไหม” หญิงสาวเริ่มสะอื้นแต่ยังถามหาความหวังสุดท้ายของตัวเอง “จริงๆ ฉันแค่เมาแล้วหลับไปใช่ไหม นายไม่ได้ทำอะไรฉันหรอก อย่ามาโกหกฉันนะ!”
“เธอหมายความว่ายังไง”
สรัชถามกลับในทันทีแต่ไม่ยิ้มอีกแล้ว น้ำเสียงของเขาเบาลงเหมือนไม่แน่ใจด้วยซ้ำที่จะเรียก สีหน้าเขาตึงเครียดขึ้นมาแล้วจ้องเธออย่างจริงจัง แววตาขี้เล่นปนสุขสันต์ก็หายไปด้วย หน้าถอดสีไปมากจนเห็นได้ชัดว่าเขาก็เสียความมั่นใจ
“เมื่อคืน… เธอไม่ได้เต็มใจหรอกเหรอ”
“หยุดนะ! อย่าพูดอะไรอีก! ฉันไม่อยากฟัง!”
“คุยกันก่อน”
ชายหนุ่มเสียงเข้มขึ้นที ใบหน้าเปลี่ยนเป็นตึงเครียด มือที่เคยวางอยู่บนท่อนขาก็บีบแน่นขึ้นมา เหมือนจะตั้งใจบอกว่าจะไม่ล้อเล่นกับเธออีกแล้ว
“ที่เธอบอกว่าคิดถึงฉัน…”
“ฉันไม่มีสติเสียด้วยซ้ำ! นายมันฉวยโอกาส!”
หญิงสาวเสียงแข็งด้วยความโมโหแต่น้ำตาก็ยิ่งไหล เจ็บปวดกับความผิดพลาดของตัวเองที่ทำไปอย่างไม่รู้ตัว
“ไปให้พ้นเลยนะ ฉันไม่อยากเห็นหน้านาย”
“ถ้าไม่อยากเจอหน้าแล้วเธอจูบฉันทำไม”
จูบ!
น้ำตาของหญิงสาวร่วงกราวในทันที ที่ก้าวพลาดมาถึงตรงนี้ได้เพราะเธอจูบเขา แต่ที่สรัชได้ไปมันมากกว่าจูบเสียอีก เธอหน้ามืดตามัวไปขนาดนั้นได้อย่างไร
“อย่าถามอะไรฉันอีก ไปให้พ้น แล้วก็ลืมมันไปซะ”
“ไม่มีทาง”
เขาเสียงแข็ง แววตาเย็นเฉียบจนหญิงสาวชะงักงัน สรัชยังจ้องนิ่งมาที่เธอ ยิ่งทำให้สับสนและหวาดกลัวเพราะรู้ว่าชายหนุ่มเอาจริงเอาจังกับคำที่บอก สายตาบอกชัดว่าจะไม่ยอมให้เรื่องบนเตียงมันจบลงเพียงแค่นี้แน่ๆ
จ้องตาเขาเท่าไรหญิงสาวก็ยิ่งหวั่นใจ แต่ที่มากกว่านั้นคือเสียดายสิ่งที่เสียไป แต่ต่อให้ร่ำร้องเท่าไรก็ไม่อาจดึงความบริสุทธิ์ของตัวเองกลับมาจากสรัชได้อีกแล้ว
โกรธ เกลียด กลัว โมโห หรือเจ็บปวด เธอไม่รู้ว่ารู้สึกอย่างไหนมากกว่ากัน
“มัดหมี่”
สรัชก็เรียกเสียงเข้ม กระเถิบรุกไล่จนเธอไปจนมุมที่หัวเตียง ร่างใหญ่ค่อยๆ เข้ามาใกล้ มือนั้นก็ตามมา คงหมายจะเช็ดน้ำตาให้เธอเหมือนที่เคยทำ
“อย่าแตะต้องฉัน!” หญิงสาวร้องดังด้วยความโกรธ “ฉันบอกให้นายไปให้พ้นไง! ไปสิ!”
“ฉันบอกแล้วไงว่าไม่” สรัชเถียงอย่างไม่ยอมฟังกันเลย “เธอจูบฉัน นอนกอดฉันมาทั้งคืน แล้วพอตื่นมาก็ไล่ฉันอย่างนี้น่ะเหรอ เธอเห็นฉันเป็นอะไร”
“หยุด!”
มนตร์ตระการสะอื้นฮักด้วยความอับอาย น้ำตาไหลร่วงริน ไม่อยากรับรู้แล้วด้วยว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง เธอแก้ไขความผิดพลาดไม่ได้ แต่ในอนาคตต้องไม่พลาดซ้ำ จะไม่ยอมร้องไห้ซ้ำๆ ให้กับคนที่ชื่อสรัชอีกแล้ว
“เธอจะไปไหน!”
เพราะพยายามจะลุกหนี สรัชก็คว้าแขนไว้ทันที คนกลัวผ้าจะหลุดก็ต้องหยุดนิ่งเอาไว้ก่อน แล้วตั้งสติเพื่อคุยกับเขา เธอไม่มีอะไรจะให้อีกแล้วก็หวังแต่ว่าชายหนุ่มจะหยุดตอแย
“โรงพยาบาล” หญิงสาวเสียงแข็งแต่ก็พยายามกดอารมณ์โกรธไว้เต็มที่ “ต้องฉีดวัคซีนอะไรสักอย่าง อะไรก็ได้ คุณหมอน่าจะช่วยฉันทัน”
“นี่! ฉันไม่ได้เป็นโรคติดต่อ”
สรัชถอนหายใจแรงจนดังเฮือกแล้วก็เงียบไปนานเมื่อจ้องหน้าเธออย่างใช้ความคิด
พอรู้แล้วว่าเธอจะไปหาหมอทำไม ก็ดูโกรธอยู่เหมือนกัน คงรู้สึกว่าโดนดูถูก แต่ผิดด้วยหรือที่เธออยากป้องกันตัวเองจากคนที่ไม่ได้เจอมากกว่าสิบปี เขาจะไปผ่านสมรภูมิที่ไหนมาบ้างก็ไม่รู้ เรื่องอะไรต้องไว้ใจกับผู้ชายที่ฉวยโอกาสกับเธอตอนเมา
“แล้วถึงไปจริง เธอจะบอกหมอว่ายังไง โดนข่มขืนอย่างนั้นเหรอถึงต้องวิ่งโร่ไปให้หมอฉีดยาป้องกันให้ แต่ตั้งสติหน่อยเถอะ เธอไม่มีอะไรให้หมอต้องช่วยหรอก”
“ฉันบอกให้หยุดพูดเรื่องนั้นไง!”
“แต่ถ้าเธอยืนยันว่าจะไปหาหมอ ฉันก็จะเล่าให้หมอฟังว่านางสาวมนตร์ตระการ วิลัยวรรณ ต้องทำแค่กินยาคุมฉุกเฉินเท่านั้นแหละ”
มนตร์ตระการอยากจะร้องกรี๊ด! แต่เปล่งเสียงไม่ได้ โกรธจนรู้สึกว่ามีเลือดร้อนๆ พุ่งขึ้นสมอง จ้องหน้าเขามากเท่าไรก็ยิ่งอยากกระโดดเข้าบีบคอ นี่เธอพลาดท่าให้คนอย่างสรัชไปได้อย่างไร
“ฉันจะไม่หยุดพูดจนกว่าเธอจะฟัง” สรัชจ้องหน้าเธอเข้าไปใหญ่ “แต่ก่อนอื่นนะ ถ้าลุกไหว ช่วยไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วออกไปข้างนอก เธอร้องกรี๊ดอยู่อย่างนี้ เดี๋ยวก็ได้แห่กันมาดูทั้งรีสอร์ตหรอก”
“นายก็ออกไปให้พ้นหน้าฉันสิ!”
หญิงสาวร้องอย่างหมดความอดทน แค่พลาดท่าได้เสียกันก็เหมือนโลกจะถล่มทลายอยู่แล้ว
“ไปเลยนะ ฉันไม่อยากเห็นหน้านายอีกแล้ว”
“ฉันจะไปรอที่ล็อบบี้ เราต้องคุยกัน”
