ตอนที่ 5 – เพลย์บอยกลับมา - 1
เสียงฝนยังคงตกพรำอยู่ในความทรงจำของคเชนทร์ แม้เช้านี้แสงแดดจะเริ่มลอดผ่านม่านบางสีครีมเข้ามาในห้องเล็ก ๆ ของหอพักมหาวิทยาลัยเก่า แต่ในใจคเชนทร์กลับยังได้ยินเสียงฝนเมื่อคืนก้องอยู่ในหัว…
เสียงฝนที่เหมือนเสียงเวลาที่หยุดเดินแล้วกลับหมุนย้อนขึ้นอีกครั้ง
เขานั่งนิ่งอยู่บนเตียงพลางมองมือของตนเอง—มือที่เรียวยาวยังไม่เต็มไปด้วยร่องรอยแห่งวัยเหมือนที่เคยชินในกระจกเมื่อไม่นานมานี้ ผิวที่ตึงแน่น กล้ามเนื้อแข็งแรง และดวงตาที่สะท้อนแสงแห่งความเป็นหนุ่มอยู่ในนั้น ทุกอย่างสมจริงเกินกว่าจะเป็นความฝัน
“เรากลับมาจริง ๆ หรือ...”
เสียงพึมพำของเขาแผ่วเบาในห้องที่ยังมีกลิ่นฝนและกลิ่นฝุ่นจากหนังสือเรียนเก่าปะปนกันอยู่
เขาคิดถึงคืนสุดท้ายในวัยห้าสิบ — คืนที่เสียงเครื่องยนต์ดับลงพร้อมสติของเขา
ภาพแสงไฟและเสียงแตกกระจายของกระจกยังคงแวบขึ้นมาในห้วงความคิด
แต่เมื่อดึงสติกลับมา ทุกอย่างกลับนิ่งสงบ เหมือนโลกทั้งใบยังไม่ได้รู้ว่ามีคนคนหนึ่งเพิ่ง “กลับมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง”
คเชนทร์แตะกรอบหน้าต่างไม้ เปิดออกอย่างช้า ๆ ลมอุ่น ๆ พัดปลายผ้าม่านให้ปลิวสะบัด
เบื้องล่างคือสนามหญ้าที่เขาเคยเดินผ่านนับพันครั้งระหว่างเรียนมหาวิทยาลัย
เสียงนก เสียงเด็ก ๆ คุยกัน เสียงรองเท้าผ้าใบกระทบพื้นซีเมนต์…
ทุกอย่างเหมือนภาพจากความทรงจำที่ถูกฉายซ้ำอย่างละเอียด
แต่สิ่งที่ต่างคือ เขารู้ตอนจบของเรื่องนี้แล้ว
เขารู้ว่าหลังจากจบการศึกษาเพียงไม่กี่ปี เขาจะสูญเสียคนรัก สูญเสียความฝัน สูญเสียตัวตน
เขารู้ว่าชีวิตหลังจากนี้จะเต็มไปด้วยการพยายามสร้าง “สิ่งสวยงาม” เพื่อกลบ “ความว่างเปล่า” ที่เกาะกินข้างใน
และตอนนี้ เขากลับมาอยู่ในจุดเริ่มต้นของทุกอย่างอีกครั้ง—ในวัยยี่สิบเอ็ด
ทั้งที่หัวใจแก่ชรากว่าร่างกายเกือบสามสิบปี
ช่วงสัปดาห์แรกของการกลับมานั้น เขาใช้ชีวิตเหมือนคนที่หลงเข้ามาในโลกเดิม
เขาจำได้เกือบทุกอย่าง: ชื่อเพื่อนร่วมห้อง ตารางเรียน ร้านอาหารหน้ามหา’ลัย แม้แต่ชื่ออาจารย์ที่ชอบให้ทำงานกลุ่ม
แต่เขาไม่ใช่ “เด็กหนุ่มคเชนทร์” คนเดิมอีกต่อไป
เขาเป็น “คเชนทร์ในวัยห้าสิบ” ที่กำลังรับบทเป็นเด็กยี่สิบเอ็ดคนหนึ่งในโลกเก่าของตน
“ถ้ามันคือโอกาสครั้งที่สอง...เราจะใช้มันยังไงดี”
คำถามนั้นวนเวียนอยู่ในหัวเสมอ
ตอนแรกเขาคิดจะหาทางกลับไป — กลับไปสู่โลกที่เขาจากมา
แต่ยิ่งเวลาผ่านไป เขายิ่งรู้ว่า ไม่มีทางกลับไปได้อีกแล้ว
ทุกเช้าที่ตื่นขึ้นมาพร้อมกลิ่นสบู่เด็กมหา’ลัยราคาถูก กับแสงแดดยามสายที่ส่องผ่านใบไม้หน้าอาคารเรียน
มันคือชีวิตจริงที่กำลังดำเนินไป ไม่ใช่ฝัน
คืนหนึ่ง หลังจากเรียนเสร็จ เขาเดินลัดซอยไปยังร้านเหล้าเล็ก ๆ ที่อยู่หลังมหาวิทยาลัย
ที่นั่นคือที่ที่เขาและเพื่อน ๆ มักมานั่งฟังดนตรีสด และพูดคุยเรื่องอนาคตที่ยังไม่รู้ปลายทาง
เสียงเพลงจากกีตาร์โปร่งและแสงไฟส้มอมทองสะท้อนบนโต๊ะไม้
คเชนทร์นั่งคนเดียว ดื่มเบียร์ช้า ๆ และฟังเสียงหัวเราะของวัยรุ่นรอบข้าง
ทุกอย่างสดใสและวุ่นวาย เหมือนชีวิตที่กำลังเบ่งบาน แต่ในใจเขากลับรู้สึกเหมือนยืนอยู่ห่างจากทุกคนหลายปีแสง
“ความสุขของพวกเขา...เคยเป็นของเราเหมือนกัน”
เขายกแก้วขึ้นอีกครั้ง มองฟองเบียร์ลอยวนในแสงไฟ แล้วเผลอยิ้มบาง ๆ
นั่นเป็นรอยยิ้มของคนที่รู้ว่า “ความสุขแบบนี้จะอยู่ได้ไม่นาน”
หญิงสาวโต๊ะข้าง ๆ ส่งยิ้มให้ เขาตอบกลับด้วยแววตาอบอุ่นที่ผ่านประสบการณ์ชีวิตมากกว่าวัยของร่างกายนี้หลายเท่า
เธอชวนคุย เขาตอบกลับอย่างนุ่มนวล มีไหวพริบ และรอยยิ้มที่ทำให้คนตรงหน้าหัวเราะเบา ๆ
ไม่นาน เธอก็ขอเบอร์โทรของเขา — และเขาให้ไปอย่างไม่ลังเล
มันเริ่มง่ายเหมือนที่เคย…
ความสัมพันธ์สั้น ๆ ที่ไม่ต้องการความหมายมากมาย
แต่ต่างออกไปตรงที่ ครั้งนี้ เขารู้ดีว่ามันไม่มีค่าอะไรเลย
วันต่อมา ชื่อของคเชนทร์เริ่มถูกพูดถึงในหมู่นักศึกษาหญิง
เขาเป็นรุ่นพี่ที่อบอุ่น ดูดี มีรอยยิ้มที่เหมือนเข้าใจโลกทั้งใบ
เขารู้ว่าคำพูดเหล่านั้นไม่ผิด — แต่ก็ไม่จริงเสียทีเดียว
เพราะสิ่งที่พวกเธอเห็น คือเปลือกของชายหนุ่มในวัยยี่สิบเอ็ด
ไม่ใช่หัวใจของชายห้าสิบที่เคยผ่านการสูญเสียจนไม่เหลืออะไรให้เรียกว่าความรัก
เขาไม่ต้องพยายามจีบใครอีกต่อไป
เพียงสบตา ยิ้ม และฟังอย่างเข้าใจ — โลกก็ยอมเปิดทางให้
เหมือนเขาเป็นเพลย์บอยโดยธรรมชาติ ทั้งที่ความจริง เขาเพียง “เข้าใจคน” เกินกว่าจะเล่นเกมรักแบบวัยรุ่นได้อีกแล้ว
“นายโคตรเนื้อหอมเลยว่ะช่วงนี้”
เสียงเพื่อนคนหนึ่งพูดขณะเดินออกจากห้องเรียน
คเชนทร์หัวเราะเบา ๆ “คงเพราะฉันแก่กว่ามั้ง รู้จังหวะมากกว่าเด็กทั่วไป”
เพื่อนหัวเราะไม่รู้เรื่อง เขาคิดว่าเป็นมุกเล่น ๆ แต่ในใจของคเชนทร์มันคือความจริงทั้งหมด
ยิ่งได้กลับมาในวัยนี้ เขายิ่งเห็นชัดว่า “ความมั่นใจ” ของคนหนุ่มต่างจาก “ความเข้าใจ” ของคนวัยกลางคนอย่างไร
เด็กหนุ่มใช้ความกล้าเข้าแลก
แต่คนที่ผ่านโลกมาแล้ว ใช้ความนิ่งและแววตา
และแววตานั้นเองที่ทำให้เขาโดดเด่นเกินใครในรั้วมหาวิทยาลัย
ค่ำวันหนึ่ง เขานั่งอยู่ในคาเฟ่เงียบ ๆ ที่เพิ่งเปิดใหม่ตรงหัวมุมถนน
ในมือมีแก้วลาเต้ร้อน เขามองฟองนมที่เป็นวงกลมซ้อนกันเหมือนลมหายใจของคนที่เพิ่งหลับฝัน
เสียงเพลงแจ๊สเบา ๆ คลออยู่ในอากาศ
หญิงสาวคนหนึ่งกำลังหัวเราะกับเพื่อนที่โต๊ะข้าง ๆ
เธอเงยหน้าขึ้นมาพอดี สบตากับเขา — แววตาใสซื่อแต่มั่นใจ
คเชนทร์ยิ้มให้ตามมารยาท แล้วหันกลับมามองกาแฟตรงหน้า
“กลิ่นกาแฟ…เหมือนในความฝันเมื่อคืนเลย”
เขาพึมพำกับตัวเอง ภาพบางอย่างแล่นแวบผ่านหัว
เสียงผู้หญิงเรียกชื่อเขาเบา ๆ กลางสายฝน
กลิ่นกาแฟ ละอองฝน และเสียงหัวใจเต้นเร็ว
เขาหลับตาลงพยายามนึก แต่ภาพนั้นพร่าเลือนราวหมอกที่จับผิวน้ำ
เขาเปิดตาขึ้นอีกครั้ง — แก้วลาเต้ในมือยังอุ่นอยู่
แต่ในใจกลับเย็นเฉียบ
