ตอนที่ 5 – เพลย์บอยกลับมา - 2
คืนนี้เขากลับไปนอนที่หอ และหลับลงในความเงียบ
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นตอนตีสอง
เขาสะดุ้งตื่น ทั้งที่ไม่ได้ตั้งปลุก
แสงไฟจากถนนลอดเข้ามาทางหน้าต่าง
เสียงฝนเริ่มโปรยลงอีกครั้ง
และในเสียงฝนนั้น เขาได้ยินเสียงบางอย่าง…
“คุณคเชนทร์...ได้ยินไหม”
เสียงนั้นดังชัดเจนในหัว เหมือนครั้งที่เขานอนอยู่ในความมืดหลังอุบัติเหตุ
เขาลุกขึ้นนั่ง ใจเต้นแรง
โลกที่เหมือนจะปกติ เริ่มมีรอยร้าวบางอย่างเกิดขึ้นอีกครั้ง
เสียงฝนยังคงตกต่อเนื่องไม่หยุดราวกับตั้งใจจะล้างบางสิ่งในใจคนให้จางหายไป คเชนทร์นั่งพิงหัวเตียง มือกำผ้าห่มแน่น ดวงตาจับจ้องไปที่เงาไหวของหยดน้ำที่ไหลลงตามกระจกหน้าต่าง เสียงนั้น—เสียงที่เรียกชื่อเขา—ยังคงก้องในหัวชัดเจนอย่างไม่อาจปฏิเสธได้
“คุณคเชนทร์...ได้ยินไหม...”
มันไม่ใช่เสียงจากความทรงจำ แต่เป็นเสียงใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นในโลกนี้ เสียงของผู้หญิงคนหนึ่ง—อบอุ่นแต่เศร้า เหมือนผ่านความเจ็บปวดมาพร้อมกับเขา
เขาหายใจช้า ๆ พยายามตั้งสติ แล้วลุกขึ้นเปิดไฟห้อง ทว่าหลอดไฟกะพริบวูบวาบก่อนจะดับไป เหลือเพียงแสงจากถนนด้านนอกที่ลอดผ่านม่านเข้ามาเป็นเส้นบาง ๆ
คเชนทร์เดินไปที่หน้าต่าง มองออกไปเห็นถนนที่เปียกชุ่มด้วยน้ำฝน คนเดินเท้าน้อยลงจนแทบไม่มี เหลือเพียงแสงไฟจากเสาไฟที่สะท้อนบนผิวน้ำเป็นริ้ว ๆ ยาวไกลสุดสายตา เขามองภาพนั้นอยู่นาน ความรู้สึกว่างเปล่ากัดกินใจอย่างเงียบงัน—จนกระทั่งเขาเห็นบางสิ่งบางอย่างในเงาสะท้อนของกระจก
เป็นเพียงเงามืดของใครบางคน…ยืนอยู่ข้างหลังเขาในห้อง
เขาหันขวับ แต่ไม่มีใคร
เพียงเตียงว่าง ๆ กับแก้วน้ำที่วางอยู่ตรงหัวเตียงเหมือนเดิม
เสียงฝนยังดังต่อไป แต่กลับมีจังหวะที่เหมือน “เสียงลมหายใจ” สอดแทรกอยู่ในนั้น
ลมหายใจของใครบางคนที่อยู่ใกล้เขามากพอจะได้ยิน
“นี่มันอะไรกันแน่…”
เขาพึมพำ ก่อนจะปิดไฟอีกครั้ง เหลือเพียงแสงจันทร์สีนวลที่ลอดผ่านช่องหน้าต่าง มันทำให้ทุกอย่างในห้องดูอ่อนนุ่มราวภาพฝัน
คเชนทร์เอนหลังลงบนเตียง หลับตา แต่เสียงนั้นกลับดังขึ้นอีก—ชัดเจนกว่าเดิม
“อย่ากลัวเลย...คุณคเชนทร์”
ครั้งนี้ เสียงนั้นมาพร้อมกลิ่นกาแฟอุ่นที่ลอยอวลอยู่ในอากาศ ทั้งที่เขาไม่ได้ชงมันเลยในคืนนี้
กลิ่นนั้น—กลิ่นเดียวกับตอนเขาเปิดร้าน “ลาเต้ในฝัน” ในโลกเดิม
หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้นโดยไม่รู้ตัว ภาพบางอย่างแวบเข้ามาในหัวเหมือนภาพถ่ายที่ถูกฉายกลับด้าน
โต๊ะไม้เล็ก ๆ ริมหน้าต่าง
แสงแดดยามเช้า
และมือของใครบางคนที่กำลังวาดภาพลงบนกระดาษขาว...
“ใคร?”
เขาพึมพำกับตัวเอง แต่ภาพนั้นก็เลือนหายไปก่อนจะมองเห็นใบหน้า
เขาลุกขึ้นอีกครั้ง สูดหายใจเข้าลึก พยายามหาเหตุผลทางวิทยาศาสตร์มารองรับสิ่งที่เกิดขึ้น
บางทีนี่อาจเป็นภาพหลอนจากสมองที่ได้รับแรงกระแทกหนักในอุบัติเหตุ
หรือบางที…มันอาจเป็นความทรงจำที่ยังไม่ลบเลือนไปจากอีกชีวิตหนึ่ง
แต่ยิ่งพยายามคิดหาเหตุผล เขากลับยิ่งรู้สึกว่า สิ่งนี้มันมีชีวิตของตัวเอง
มันไม่ได้แค่เกิดขึ้นในหัว—มันเกิดขึ้น “ตรงหน้า”
รุ่งเช้า ฟ้ายังขาวหม่น คเชนทร์นั่งมองแสงแดดอ่อน ๆ ที่ลอดผ่านผ้าม่าน
ใต้ตาเขาคล้ำเล็กน้อยจากการนอนไม่หลับ แต่ใบหน้ายังคงสงบนิ่งเหมือนคนที่ผ่านโลกมานับครั้งไม่ถ้วน
เขาเริ่มกลับเข้าสู่โหมด “เพลย์บอย” โดยอัตโนมัติ—รอยยิ้มบาง ๆ ที่ซ่อนความเหนื่อยล้าไว้ถูกสวมกลับขึ้นบนใบหน้าอีกครั้ง
ในมหาวิทยาลัย วันนี้มีงานกิจกรรมของคณะ สายตาหลายคู่จับจ้องมาที่เขาอย่างคุ้นเคย
คเชนทร์ยิ้มรับทุกการทักทายอย่างสุภาพ ราวกับชายหนุ่มที่มีคำตอบให้กับทุกคำถามของโลก
หญิงสาวหลายคนแวะมาทัก บางคนขอให้ช่วยถ่ายรูป บางคนชวนคุยเรื่องไร้สาระ
เขาเล่นบทของตัวเองได้ดี—ดีเกินไปจนแม้แต่เพื่อนสนิทยังแซวว่า “มึงเหมือนคนแก่ในร่างเด็กหนุ่มเลยว่ะ พูดทีสาวละลายหมด”
เขาหัวเราะกับคำพูดนั้น แต่ในใจกลับรู้สึกแปลกประหลาด
เพราะคำว่า “คนแก่ในร่างเด็กหนุ่ม” มันคือความจริงแท้ที่สุดของชีวิตเขาในตอนนี้
ค่ำวันเดียวกัน เขาไปนั่งที่ผับเล็ก ๆ หลังคณะอีกครั้ง
เสียงดนตรีสดดังคลอเบา ๆ ผู้คนหัวเราะ ร้องเพลง พูดคุยกันอย่างมีชีวิตชีวา
และในความคึกคักนั้น เขากลับรู้สึกเหมือนคนที่ถูกแยกออกจากโลกทั้งใบ
“เราอยู่ตรงนี้จริง ๆ หรือเปล่า?”
เขาพึมพำในใจ พลางยกแก้วเบียร์ขึ้นมามองฟองสีทองที่สะท้อนแสงไฟ
หญิงสาวคนหนึ่งเข้ามาทัก—ใบหน้าเธอสวยสดในแบบวัยสาว รอยยิ้มเปิดเผยและอ่อนโยน
เธอพูดคุยกับเขาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น และหัวเราะในแทบทุกประโยคที่เขาเอ่ย
แต่ขณะที่เธอกำลังพูดถึงแผนเที่ยวทะเลกับเพื่อน คเชนทร์กลับไม่ได้ยินเลยสักคำ
เสียงฝนกลับเริ่มดังขึ้นในหัวเขาอีกครั้ง ทั้งที่ภายนอกอากาศยังแห้งสนิท
“คุณคเชนทร์...”
เสียงนั้นอีกแล้ว...
เขากะพริบตา ชั่วขณะหนึ่งทุกอย่างรอบตัวหยุดนิ่ง
แสงไฟในผับดับวูบลง เหลือเพียงเสียงลมหายใจของตัวเองที่สะท้อนอยู่ในความมืด
และในเงามืดนั้น เขาเห็นแสงเล็ก ๆ ลอยวนอยู่ตรงกลางห้อง
มันเหมือนละอองฝุ่นต้องแสง แต่เคลื่อนไหวอย่างมีจังหวะ—ราวกับกำลังเต้นระบำในอากาศ
คเชนทร์ยื่นมือออกไป แต่ทันทีที่ปลายนิ้วแตะถึง แสงนั้นก็แตกสลาย
ภาพรอบตัวกลับมาอีกครั้งพร้อมเสียงเพลงที่ดังขึ้นเฉียบพลัน
หญิงสาวคนนั้นมองเขาด้วยสีหน้างงงวย “พี่คะ เป็นอะไรหรือเปล่า?”
เขาฝืนยิ้ม “เปล่าหรอก แค่รู้สึกเหมือนโลกหมุนเร็วไปหน่อย...”
เขายกแก้วขึ้นอีกครั้ง กลืนรสขมลงไปในลำคอ ความขมที่ไม่ใช่แค่ของเบียร์ แต่คือของความจริงที่เริ่มคลี่คลาย
บางทีสิ่งที่เขาคิดว่าเป็นการ “ย้อนเวลา” อาจไม่ใช่เลย
บางทีมันอาจเป็น “อีกมิติหนึ่ง”
และเสียงนั้น—เสียงที่เรียกชื่อเขา—อาจเป็นใครบางคนจากอีกฝั่งของความจริง
คืนนั้น เขากลับถึงหอพักในสภาพมึนเมาเล็กน้อย
ฝนตกอีกแล้ว…
เขาถอดเสื้อคลุม ทิ้งตัวลงบนเตียง ปล่อยให้เสียงฝนกล่อมจิตใจให้ลอยวน
แต่ก่อนที่สติจะดับลง เขาได้ยินเสียงนาฬิกาเดินช้าลงทีละจังหวะ
เหมือนเวลาในห้องกำลังถูกบิดงอ
และในห้วงฝันนั้น เขาเห็นภาพเธอ—หญิงสาวในชุดพยาบาลที่ยืนอยู่กลางสายฝน
เธอมองเขาด้วยแววตาเศร้า แล้วเอ่ยประโยคที่ทำให้หัวใจเขาแทบหยุดเต้น
“อย่าทำให้ฉันต้องตามหาคุณอีกเลย...คุณคเชนทร์”
เสียงนั้นแผ่วลง ก่อนที่ทุกอย่างจะมืดสนิทอีกครั้ง
