บท
ตั้งค่า

chapter2 เธอเป็นอะไรของเธอเนี่ย!

Chapter 2

ฟรังก์ตื่นมาพบว่าตัวเองอยู่ในอ้อมกอดของวินซ์ก็ชะงักงัน เธอกะพริบตาสองสามครั้งเพื่อเช็กว่าตัวเองฝันอยู่หรือเปล่า แต่พอเห็นผู้ชายตรงนั้นกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นแล้วครางงึมงำในลำคอ

“อือออ”

ก่อนดวงตาคู่นั้นจะเปิดขึ้น ทั้งคู่สบตากันอยู่ครู่หนึ่งก่อนทีวินซ์จะคลี่ยิ้มมุมปาก แล้วก็โน้มหน้าเข้ามาจูบกัน ดะ เดี๋ยว เธออยากจะร้องห้าม แต่ก็ไม่ทันได้ขันขืนสัมผัสเสมือนจริงก็กำลังดูดดื่ม แทะเล็มริมฝีปากของเธอทีละนิด ก็คงฝันแหละ วินซ์ไม่มีทางทำแบบนี้แน่ แต่ก่อนที่คนตรงหน้าจะขยับริมฝีปากเร่งจังหวะให้ดุดันขึ้น อยู่ๆ เขาก็ผละออก สีหน้าหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด

“เจ็บปาก…”

อ่า… วินาทีที่เขายกมือขึ้นแตะมุมปากที่ยังเป็นแผลก็ทำให้เธอรู้เลยว่านี่มันเรื่องจริง ไม่ใช่ฝัน! เธอจึงลุกพรวดขึ้นมาชี้หน้าเขา

“เธอทำอะไรเนี่ย!” วินซ์มองหน้าเธออย่างงุนงง

“ก็จูบไง ถะ…” เขายั้งคำพูดไว้แค่นั้นก่อนจะลุกตามขึ้นมา ถ้าให้ฟรังก์ต่อประโยคที่เขาจะพูดให้จบก็คงเป็น ‘ก็จูบไง ถามโง่ๆ อีกล่ะ’ ถ้าเป็นปกติก็คงพูดล่ะ แต่ทำไมตอนนี้ถึงไม่ยอมพูดออกมา นั่นยิ่งทำให้เธอรู้สึกไม่ไว้วางใจ

“นั่นสิ ฉันถึงถามไงว่าทำทำไม” คบกันมาจะสามปีเขาไม่เคยคิดที่จะแตะเนื้อต้องตัวกันมาก่อน แล้ววันนี้นึกอีท่าไหน ถึงได้… “ผีเข้าเหรอ!”

วินซ์กะพริบตาปริบๆ ด้วยความช็อกก่อนจะหลุดหัวเราะ

“เธอนี่มันจริงๆ เลย ไปทำกับข้าวไป”

เขาโบกมือไล่สองสามที แต่ฉันยังคงนั่งนิ่งมองเขาอย่างหวาดระแวง

“ยังไม่ไป หรืออยากโดนอีกฮะ”

พอเขาตั้งท่าจะขยับเข้ามาใกล้ ฟรังก์ก็รีบลุกขึ้นพรวดแล้ววิ่งลงจากเตียงทันที แต่ไม่วายตะโกนด่าอย่างขนลุกขนพอง

“เธอมันบ้าไปแล้ววินซ์!”

การกระทำเมื่อครู่ทำเอาเธอคิดอะไรไม่ออกเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวันนี้จะทำอะไรกิน นั่งจ้องอยู่หน้าตู้เย็นปล่อยไอเย็นกระทบตัวอยู่นานล่ะ ก็ยังคิดไม่ออก อ้อ วินซ์อาหารไม่ย่อย แต่ก็ไม่รู้ว่าหายหรือยัง งั้นทำข้าวต้มหมูเผื่อไว้ล่ะกัน เธอรวบวัถตุดิบจากตู้เย็นมาวางไว้บนเคาน์เตอร์ครัว แล้วก็จัดการหั่นผักพยายามสลัดหัวไล่ความคิดบ้าๆ นั่นออกไป แต่ไม่นานก็มีสัมผัสจากทางด้านหลังเข้ามาโอบรัดเธอเอาไว้พร้อมกับคางที่เกยอยู่บนไหล่เล่นเอาขนลุกจนไม่กล้าขยับไปไหนเลย

“ทำอะไรกินอ่ะ” น้ำเสียงแหบพร่ากับลมหายใจรดใบหูทำให้เธอหลับตาปี๋ก่อนจะกลั้นใจหันหลังไปจ้องเขาเขม็ง

“เป็นอะไร ไหนบอกมาสิ เธอเป็นอะไร”

วินซ์เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งอย่างฉงนสนเท่ห์

“ฉัน? ทำไม”

“เธอไม่เหมือนเดิม นี่จงใจจะแกล้งกันใช่มั้ย! ปั่นประสาทกันด้วยวิธีใหม่เหรอ” หัวคิ้วขมวดเข้าหากันอย่างไม่พอใจเมื่อฟรังก์ยกมือขึ้นลูบแขนเหมือนขนลุก รังเกียจ…งั้นเหรอ นั่นเป็นคำเดียวที่เขานิยามท่าทางของเธอได้ เพราะไม่เคยมีใครแสดงท่าทีแบบนี้ใส่เขามาก่อน

“เออ!” เขากระแทกเสียงก่อนจะหันหลังเดินคว้าพวงกุญแจแล้วออกจากห้องไปทันทีอย่างหัวเสีย ฟรังก์ชะเง้อมองเขาก่อนจะระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก

“เป็นอะไรของเขา อารมณ์สวิงเชียว”

เธอสลัดหัวไล่ความคิดก่อนจะหันกลับมาหั่นผักต่อ

เหวอ

ผิดกับวินซ์ที่หัวเสียเอามากๆ เลยขับรถออกมาพุ่งหน้าไปหาเพื่อนสนิทอย่างชิรันทันที พอมาถึงที่คอนโดของเพื่อน เขาก็ทิ้งตัวลงเอามือพาดโซฟา หงุดหงิด ไม่เคยหงุดหงิดแบบนี้มาก่อน ผู้หญิงคนนี้ทำเขาหงุดหงิดได้ตลอดเวลาเลย!

“เป็นเชี่ยไร มาหากูแต่เช้าเลย ดูจากสภาพแล้วยังไม่ได้อาบน้ำด้วยมั้งเนี่ย” ชิรันบ่นเมื่อเห็นสภาพของเพื่อนสนิท

“ไหนมึงบอกวิธีมึงจะได้ผลไง!”

“ฮะ?” ชิรันนึกครู่หนึ่งว่าเคยพูดอะไรกับเพื่อนไป ก่อนจะร้องอ๋อ “ทำไมไม่สำเร็จเหรอ”

“ไม่ แถมยัยนั่นยังทำตัวเหมือนรังเกียจอีกต่างหาก” ยิ่งเพื่อนพูดอย่างหัวเสียขั้นสุด เขาก็ชักสงสัยว่ามันไปทำอีกท่าไหน ผู้หญิงเขาถึงได้รังเกียจ

“มึงทำอะไร ไหนว่ามาสิ” เขาพูดพลางยกกาแฟขึ้นจิบแต่ก็แทบจะพ่นออกจากปากเมื่อได้ยินคำตอบ

“ก็กอดแล้วก็จูบ”

“ไอ้เชี่ยวินซ์! มึงจู่โจมเขาทื่อๆ งั้นเลยเหรอ”

“เออ แล้วมันทำไม”

“กูว่าเขาไม่ได้รังเกียจหรอก แต่คงขนลุกขนพองอ่ะ”

“…”

“มึงลองคิดสภาพแฟนหนุ่มที่อยู่ด้วยกันมาสามปี ทั้งด่าแถมยังหาเรื่องมาให้ไม่เว้นแต่ละวัน วันดีคืนดีก็มากอดมาจูบเขา เป็นมึง มึงไม่ขนลุกเหรอ”

“ก็…” พอเขาเริ่มคิดตาม ก็คงจะจริง…

“กูว่าตอนนี้เขาคงไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นแฟนมึงหรอก จากที่ผ่านมาคงคิดว่าตัวเองเป็นแค่แม่บ้านมั้ง แล้วอยู่มาวันหนึ่งคุณผู้ชายก็เข้ามาลวนลาม โอ๊ย แค่คิดก็ขนลุกซู่แล้ว ต่อให้หล่ออย่างมึงก็เถอะ แต่ภาพจำมันไม่ใช่ไง”

“แล้วกูต้องทำไง” วินซ์ถามด้วยน้ำเสียงที่สงบมากขึ้น แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าเพื่อนคงรู้ละครไทยมากไป ดูคำพูดคำจาสิ เหอะ!

“พูดขนาดนี้ยังไม่รู้อีกเหรอ” ชิรันถอนหายใจอย่างระอาในความโง่เง่าของเพื่อน “ก็เปลี่ยนภาพจำจากแม่บ้านเป็นแฟนไง”

“แล้วมันต้องทำยังไงเล่า!” คนไม่เคยมีแฟนเป็นตัวเป็นตนตะคอกอย่างหัวเสียอีกครั้ง

“ใส่ใจเขามากขึ้น พาไปนู่นมานี่ พามาเปิดตัวกับพวกกูก็ได้”

“ยุ่งยากจริง” คนที่ไม่เคยสนใจอะไรใครบ่นอย่างยุ่งยากใจ

“ถ้ามันลำบากใจนักก็ปล่อยเขาไป”

“ไม่!” วินซ์โพล่งขึ้นมาแบบไม่ต้องคิดเลย

“แล้วมึงจะเอายังไง นั่นก็ไม่เอา นี่ก็ยุ่งยาก กูเอาใจมึงไม่ถูกแล้วนะ” วินซ์ขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิด ไม่อยากให้เธอเข้ามาในชีวิตมากกว่านี้ แต่ก็ไม่อยากปล่อยไปทั้งที่ยังไม่ชนะ เขาอยากได้อะไรก็ต้องได้สิ! มันเป็นแบบนั้นมาตลอด แล้วก็จะเป็นต่อไป

“ไม่รู้เว้ย!” วินซ์ตอบอย่างจนใจก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนโซฟามองเพดานสีครามพร้อมแชนเดอเรียระยิบระยับ

“ทำไม ที่ไม่กล้าเปิดตัวคือหวงงี้เหรอ หรือว่า…”

ชิรันทำสุ่มเสียงตกใจ “นี่คงไม่ได้หลงรักเขาเข้าให้แล้วใช่มั้ย”

วินซ์เหล่มองเพื่อนก่อนจะโยนหมอนอิงใส่มันเต็มแรงจนชิรันหัวเราะร่วน

“อยากชนะ ก็ต้องลงทุนมั้ยวะเพื่อนวินซ์”

เฮ้ออออ คงต้องลงแรงหน่อยแล้วล่ะ

Chapter 2

ฟรังก์ตื่นมาพบว่าตัวเองอยู่ในอ้อมกอดของวินซ์ก็ชะงักงัน เธอกะพริบตาสองสามครั้งเพื่อเช็กว่าตัวเองฝันอยู่หรือเปล่า แต่พอเห็นผู้ชายตรงนั้นกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นแล้วครางงึมงำในลำคอ

“อือออ”

ก่อนดวงตาคู่นั้นจะเปิดขึ้น ทั้งคู่สบตากันอยู่ครู่หนึ่งก่อนทีวินซ์จะคลี่ยิ้มมุมปาก แล้วก็โน้มหน้าเข้ามาจูบกัน ดะ เดี๋ยว เธออยากจะร้องห้าม แต่ก็ไม่ทันได้ขันขืนสัมผัสเสมือนจริงก็กำลังดูดดื่ม แทะเล็มริมฝีปากของเธอทีละนิด ก็คงฝันแหละ วินซ์ไม่มีทางทำแบบนี้แน่ แต่ก่อนที่คนตรงหน้าจะขยับริมฝีปากเร่งจังหวะให้ดุดันขึ้น อยู่ๆ เขาก็ผละออก สีหน้าหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด

“เจ็บปาก…”

อ่า… วินาทีที่เขายกมือขึ้นแตะมุมปากที่ยังเป็นแผลก็ทำให้เธอรู้เลยว่านี่มันเรื่องจริง ไม่ใช่ฝัน! เธอจึงลุกพรวดขึ้นมาชี้หน้าเขา

“เธอทำอะไรเนี่ย!” วินซ์มองหน้าเธออย่างงุนงง

“ก็จูบไง ถะ…” เขายั้งคำพูดไว้แค่นั้นก่อนจะลุกตามขึ้นมา ถ้าให้ฟรังก์ต่อประโยคที่เขาจะพูดให้จบก็คงเป็น ‘ก็จูบไง ถามโง่ๆ อีกล่ะ’ ถ้าเป็นปกติก็คงพูดล่ะ แต่ทำไมตอนนี้ถึงไม่ยอมพูดออกมา นั่นยิ่งทำให้เธอรู้สึกไม่ไว้วางใจ

“นั่นสิ ฉันถึงถามไงว่าทำทำไม” คบกันมาจะสามปีเขาไม่เคยคิดที่จะแตะเนื้อต้องตัวกันมาก่อน แล้ววันนี้นึกอีท่าไหน ถึงได้… “ผีเข้าเหรอ!”

วินซ์กะพริบตาปริบๆ ด้วยความช็อกก่อนจะหลุดหัวเราะ

“เธอนี่มันจริงๆ เลย ไปทำกับข้าวไป”

เขาโบกมือไล่สองสามที แต่ฉันยังคงนั่งนิ่งมองเขาอย่างหวาดระแวง

“ยังไม่ไป หรืออยากโดนอีกฮะ”

พอเขาตั้งท่าจะขยับเข้ามาใกล้ ฟรังก์ก็รีบลุกขึ้นพรวดแล้ววิ่งลงจากเตียงทันที แต่ไม่วายตะโกนด่าอย่างขนลุกขนพอง

“เธอมันบ้าไปแล้ววินซ์!”

การกระทำเมื่อครู่ทำเอาเธอคิดอะไรไม่ออกเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวันนี้จะทำอะไรกิน นั่งจ้องอยู่หน้าตู้เย็นปล่อยไอเย็นกระทบตัวอยู่นานล่ะ ก็ยังคิดไม่ออก อ้อ วินซ์อาหารไม่ย่อย แต่ก็ไม่รู้ว่าหายหรือยัง งั้นทำข้าวต้มหมูเผื่อไว้ล่ะกัน เธอรวบวัถตุดิบจากตู้เย็นมาวางไว้บนเคาน์เตอร์ครัว แล้วก็จัดการหั่นผักพยายามสลัดหัวไล่ความคิดบ้าๆ นั่นออกไป แต่ไม่นานก็มีสัมผัสจากทางด้านหลังเข้ามาโอบรัดเธอเอาไว้พร้อมกับคางที่เกยอยู่บนไหล่เล่นเอาขนลุกจนไม่กล้าขยับไปไหนเลย

“ทำอะไรกินอ่ะ” น้ำเสียงแหบพร่ากับลมหายใจรดใบหูทำให้เธอหลับตาปี๋ก่อนจะกลั้นใจหันหลังไปจ้องเขาเขม็ง

“เป็นอะไร ไหนบอกมาสิ เธอเป็นอะไร”

วินซ์เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งอย่างฉงนสนเท่ห์

“ฉัน? ทำไม”

“เธอไม่เหมือนเดิม นี่จงใจจะแกล้งกันใช่มั้ย! ปั่นประสาทกันด้วยวิธีใหม่เหรอ” หัวคิ้วขมวดเข้าหากันอย่างไม่พอใจเมื่อฟรังก์ยกมือขึ้นลูบแขนเหมือนขนลุก รังเกียจ…งั้นเหรอ นั่นเป็นคำเดียวที่เขานิยามท่าทางของเธอได้ เพราะไม่เคยมีใครแสดงท่าทีแบบนี้ใส่เขามาก่อน

“เออ!” เขากระแทกเสียงก่อนจะหันหลังเดินคว้าพวงกุญแจแล้วออกจากห้องไปทันทีอย่างหัวเสีย ฟรังก์ชะเง้อมองเขาก่อนจะระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก

“เป็นอะไรของเขา อารมณ์สวิงเชียว”

เธอสลัดหัวไล่ความคิดก่อนจะหันกลับมาหั่นผักต่อ

เหวอ

ผิดกับวินซ์ที่หัวเสียเอามากๆ เลยขับรถออกมาพุ่งหน้าไปหาเพื่อนสนิทอย่างชิรันทันที พอมาถึงที่คอนโดของเพื่อน เขาก็ทิ้งตัวลงเอามือพาดโซฟา หงุดหงิด ไม่เคยหงุดหงิดแบบนี้มาก่อน ผู้หญิงคนนี้ทำเขาหงุดหงิดได้ตลอดเวลาเลย!

“เป็นเชี่ยไร มาหากูแต่เช้าเลย ดูจากสภาพแล้วยังไม่ได้อาบน้ำด้วยมั้งเนี่ย” ชิรันบ่นเมื่อเห็นสภาพของเพื่อนสนิท

“ไหนมึงบอกวิธีมึงจะได้ผลไง!”

“ฮะ?” ชิรันนึกครู่หนึ่งว่าเคยพูดอะไรกับเพื่อนไป ก่อนจะร้องอ๋อ “ทำไมไม่สำเร็จเหรอ”

“ไม่ แถมยัยนั่นยังทำตัวเหมือนรังเกียจอีกต่างหาก” ยิ่งเพื่อนพูดอย่างหัวเสียขั้นสุด เขาก็ชักสงสัยว่ามันไปทำอีกท่าไหน ผู้หญิงเขาถึงได้รังเกียจ

“มึงทำอะไร ไหนว่ามาสิ” เขาพูดพลางยกกาแฟขึ้นจิบแต่ก็แทบจะพ่นออกจากปากเมื่อได้ยินคำตอบ

“ก็กอดแล้วก็จูบ”

“ไอ้เชี่ยวินซ์! มึงจู่โจมเขาทื่อๆ งั้นเลยเหรอ”

“เออ แล้วมันทำไม”

“กูว่าเขาไม่ได้รังเกียจหรอก แต่คงขนลุกขนพองอ่ะ”

“…”

“มึงลองคิดสภาพแฟนหนุ่มที่อยู่ด้วยกันมาสามปี ทั้งด่าแถมยังหาเรื่องมาให้ไม่เว้นแต่ละวัน วันดีคืนดีก็มากอดมาจูบเขา เป็นมึง มึงไม่ขนลุกเหรอ”

“ก็…” พอเขาเริ่มคิดตาม ก็คงจะจริง…

“กูว่าตอนนี้เขาคงไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นแฟนมึงหรอก จากที่ผ่านมาคงคิดว่าตัวเองเป็นแค่แม่บ้านมั้ง แล้วอยู่มาวันหนึ่งคุณผู้ชายก็เข้ามาลวนลาม โอ๊ย แค่คิดก็ขนลุกซู่แล้ว ต่อให้หล่ออย่างมึงก็เถอะ แต่ภาพจำมันไม่ใช่ไง”

“แล้วกูต้องทำไง” วินซ์ถามด้วยน้ำเสียงที่สงบมากขึ้น แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าเพื่อนคงรู้ละครไทยมากไป ดูคำพูดคำจาสิ เหอะ!

“พูดขนาดนี้ยังไม่รู้อีกเหรอ” ชิรันถอนหายใจอย่างระอาในความโง่เง่าของเพื่อน “ก็เปลี่ยนภาพจำจากแม่บ้านเป็นแฟนไง”

“แล้วมันต้องทำยังไงเล่า!” คนไม่เคยมีแฟนเป็นตัวเป็นตนตะคอกอย่างหัวเสียอีกครั้ง

“ใส่ใจเขามากขึ้น พาไปนู่นมานี่ พามาเปิดตัวกับพวกกูก็ได้”

“ยุ่งยากจริง” คนที่ไม่เคยสนใจอะไรใครบ่นอย่างยุ่งยากใจ

“ถ้ามันลำบากใจนักก็ปล่อยเขาไป”

“ไม่!” วินซ์โพล่งขึ้นมาแบบไม่ต้องคิดเลย

“แล้วมึงจะเอายังไง นั่นก็ไม่เอา นี่ก็ยุ่งยาก กูเอาใจมึงไม่ถูกแล้วนะ” วินซ์ขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิด ไม่อยากให้เธอเข้ามาในชีวิตมากกว่านี้ แต่ก็ไม่อยากปล่อยไปทั้งที่ยังไม่ชนะ เขาอยากได้อะไรก็ต้องได้สิ! มันเป็นแบบนั้นมาตลอด แล้วก็จะเป็นต่อไป

“ไม่รู้เว้ย!” วินซ์ตอบอย่างจนใจก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนโซฟามองเพดานสีครามพร้อมแชนเดอเรียระยิบระยับ

“ทำไม ที่ไม่กล้าเปิดตัวคือหวงงี้เหรอ หรือว่า…”

ชิรันทำสุ่มเสียงตกใจ “นี่คงไม่ได้หลงรักเขาเข้าให้แล้วใช่มั้ย”

วินซ์เหล่มองเพื่อนก่อนจะโยนหมอนอิงใส่มันเต็มแรงจนชิรันหัวเราะร่วน

“อยากชนะ ก็ต้องลงทุนมั้ยวะเพื่อนวินซ์”

เฮ้ออออ คงต้องลงแรงหน่อยแล้วล่ะ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel