รักนี้ตลกร้าย

213.0K · จบแล้ว
pimkwa
67
บท
1.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

1 เธอไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น ปัง! อยู่ๆ เสียงปืนดังสนั่นมาจากทิศทางไหนไม่รู้ ทำให้หญิงสาวที่กำลังใจลอยคิดเรื่องผลการเรียน ตกใจสะดุ้งเผลอบิดคันเร่งจักรยานยนต์จนสุด รถจึงพุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างไม่คงที่ แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น “พี่ฟรังก์! ระวังรถข้างหน้า!!” เสียงฟินน์ที่ซ้อนท้ายอยู่ตะโกนขึ้น เมื่อมีรถยนต์จอดขวางอยู่กลางสามแยก ฟรังก์ปล่อยคันเร่งเปลี่ยนมาบิดเบรกฉุกเฉินแต่ตอนนี้ทุกอย่างเกินการควบคุมแล้ว ตู้ม! ร่างน้องชายลอยละลิ่วข้ามหัวเธอไปจากการเบรกกะทันหันจนร่างชายหนุ่มหล่นลงสามแยก โชคร้ายสองต่อที่มีรถบรรทุกผ่านมาเหยียบร่างนั้นเข้าเต็มๆ “ฟินน์!!” ฟรังก์ตะโกนเสียงดังหลังจากสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากฝันร้ายด้วยอาการหอบหายใจถี่ หัวใจเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกจากอก ใบหน้าเปียกชื้นไปด้วยน้ำตา เธอมักจะมีอาการเช่นนี้เสมอเวลาฝันถึงน้องชายที่เสียไปเมื่อหลายปีก่อนเพราะความประมาท… และเธอไม่เคยลืม ยังคงโทษตัวเองอยู่ซ้ำๆ จนถึงทุกวันนี้… คิดเสมอว่าทำไมคนที่ตายถึงไม่เป็นเธอ “จะนั่งอยู่อีกนานมั้ย หิวจนจะแดกหัวคนได้อยู่แล้วเนี่ย! มัวแต่นอนขี้เกียจอยู่ได้” ฟรังก์เงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงเขียวที่ยืนตีหน้ายักษ์อยู่หน้าประตูห้องนอน แต่มันไม่ได้ทำให้ใบหน้าบูดบึ้งนั่นหมดหล่อไปได้เลยแต่กลับดูหล่อร้ายๆ ด้วยซ้ำ ดวงตาเรียวหางตายกขึ้นเล็กน้อยทำให้ตาดูดุ จมูกโด่งเชิด ริมฝีปากหยัก ใบหน้าเนียนกริบรับกับผมซอยยุ่งๆ แต่ดูดีเกินคาด สาวๆ ที่ไหนเห็นก็ต้องกรี๊ด แต่ถ้าเทียบกับนิสัยคือตรงข้ามอย่างสิ้นเชิง หน้าตาดีแต่นิสัยเฮงซวย “จ้องอะไรนักหนา ก็บอกว่าหิว!!” ฟรังก์สะดุ้งหลุดออกจากภวังค์ทันที เธอลูบหน้าสองสามครั้งเรียกสติก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “อยากกินอะไรล่ะ” “จะทำอะไรก็ทำมาเถอะ!” ชายหนุ่มตอบกลับด้วยน้ำเสียงกระโชกโฮกฮากขณะเดินไปทิ้งตัวลงบนโซฟา หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเล่นเกม “เดี๋ยวพอไม่ถูกใจก็บ่นอีก” ร่างบางลุกขึ้นเดินเข้าโซนครัวที่มีเพียงเคาน์เตอร์บาร์คั่นกลางระหว่างห้องนั่งเล่นที่วินซ์กำลังตั้งหน้าตั้งตากดเกมส์ในมือถือโดยที่สายตาไม่เหลือบขึ้นมามองเธอสักนิด “หุบปาก! ก็บอกว่าหิวไง!” “โอเคๆ” ฟรังก์เหนื่อยจะต่อปากต่อคำกับแฟนตัวดี เพราะไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็ไม่เคยถูกใจเขาสักอย่าง เขาเหมือนเป็นปรสิตที่คอยกัดกินชีวิตเธอ เพื่อนว่างั้นนะ แต่เชื่อป่ะ ถ้าไม่มีวินซ์ หญิงสาวก็นึกไม่ออกว่าจะใช้ชีวิตรอดพ้นมาจนถึงตอนนี้ได้ยังไง… ถ้าไม่มีเขาป่านนี้คงคิดสั้นไปแล้ว นี่คงเป็นเหตุผลเดียวที่เธอยังทนอยู่กับแฟนเฮงซวยแบบนี้ ทั้งที่เพื่อนเชียร์ให้เลิกตลอด ฟรังก์ถอนหายใจยาวหนึ่งครั้งอย่างปลงตกก่อนจะใช้มือรวบผมสีน้ำตาลเข้มธรรมชาติยาวถึงกลางหลังขึ้นมา ค่อยหยิบยางมัดผมจากปากแล้วมัดแบบลวกๆ เพื่อไม่ให้ตัวเองรำคาญ เดินไปที่ตู้เย็น เห็นวัตถุดิบที่เพิ่งซื้อมาเมื่อวาน ก็เผลอหลุดยิ้มออกมา ทำต้มจืดไข่น้ำดีกว่า …เขาน่าจะชอบ ฟรังก์หยิบไข่ไก่ออกมาสามฟองพร้อมวัตถุดิบอื่นๆ จำพวกเต้าหู้ไข่ หมูสับ บลาๆ แล้วจัดการต้มน้ำ ก่อนจะตอกไข่ใส่ถ้วยแล้วตีๆ เหมือนไข่เจียวแต่เธอจะไม่เจียว เพราะจะทำแบบสไตล์ญี่ปุ่นที่เทไข่สดลงบนน้ำเดือดๆ แล้วตามด้วยวัตถุดิบอื่นๆ และการปรุงรสรอจนสุก ระหว่างทำวินซ์เดินมาเปิดตู้เย็นหยิบนมขึ้นมาดื่ม หางตาก็ไม่วายเหล่มองมาเหมือนอยากรู้ว่าเธอทำอะไรกินแต่ก็เดินกลับไปที่โซฟาทำทีเป็นไม่สนใจ ฟรังก์ตักข้าวใส่ถ้วยเตรียมไว้ จริงๆ อยากทำสักอย่างสองอย่างแต่กลัวคนโมโหหิวจะอาละวาดเอาจึงทำแค่อย่างเดียวเนี่ยแหละ “เสร็จแล้ว กินได้เลย” ฟรังก์ย้ายทุกอย่างมาบนโต๊ะสำหรับสี่คนหน้าเคาน์เตอร์บาร์ นั่งลงได้ไม่นานก็ตามมาด้วยคนโมโหหิวที่สายตายังจับจ้องอยู่ที่จอโทรศัพท์ ทว่าระหว่างทานข้าวเธอก็ต้องขมวดคิ้วเพราะคนบ่นหิวเอาแต่ดูซีรีย์จนแทบไม่ตักข้าวเข้าปากเลย ตักก็ตักแต่ข้าวเปล่า “ไหนบอกว่าหิวไง กินกับด้วยสิ อย่าดูแต่ซีรีส์” หญิงสาวบ่นแต่มือกลับตักไข่น้ำใส่ถ้วยข้าวให้เขาที่กำลังจดจ่ออยู่กับซีรีย์ เขามักจะเป็นแบบนี้เสมอเวลากินข้าว เหมือนเด็กเลยใช่มั้ยล่ะ หลังจากกินข้าวเสร็จ เธอก็จัดการเก็บกวาดทุกอย่างมาที่ซิงค์แล้วล้างมันจนหมด แต่แทนที่เธอจะได้ผละไปทำงานของตัวเองอยู่ๆ มีคนทุบประตูปึงปังเสียงดังสนั่นจนกลัวว่าประตูจะพังติดมือคนทุบ เธอหันซ้ายขวาเห็นว่าวินซ์อยู่ในห้องน้ำจึงเดินไปเปิดประตู แค่เพียงบิดลูกบิดปลดล็อกประตูก็ถูกผลักออกอย่างแรงจนเธอต้องถอยหลังไปตั้งหลักหลายก้าวเลย ผู้ชายร่างบึกหน้ายักษ์รอยสักเต็มตัวจนเลอะเทอะก้าวสามขุมเข้ามาในห้องพลางตะโกนเรียกวินซ์เสียงดังลั่น ถึงจะไม่เคยเห็นหน้าแต่ก็พอเดาออกว่าเขาคงจะมาทวงหนี้… ใช่ อ่านไม่ผิดหรอก ทวงหนี้ ราวกับเหตุการณ์ทับซ้อนกับเมื่อสามเดือนที่แล้วที่ฟรังก์เพิ่งรับรู้ว่าแฟนหนุ่มติดหนี้พนันบอลอยู่เกือบแสน… “ไอ้วินซ์อยู่ไหน!” พอมันทำท่าจะค้นห้อง ฟรังก์จึงเดินมาขวางทาง กางแข้งกางขาอย่างไม่เกรงกลัวทั้งที่หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำแล้ว แต่ก็ยังตีหน้านิ่ง “เขาไม่อยู่ มีอะไรคุยกับฉันได้ ฉันเป็นแฟนเขา” ร่างบึกนั้นมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้ววนกับมามองหน้ากันก่อนจะแค่นหัวเราะ “ไอ้วินซ์มีแฟนสวยขนาดนี้เชียว” สวย… เธอว่าตัวเองห่างไกลจากคำนั้นนะ “มาหาวินซ์มีปัญหาอะไร หนี้งวดนี้ฉันก็ฝากวินซ์ไปจ่ายแล้วนี่” “ถ้าจ่ายแล้ว ฉันจะมายืนตรงนี้มั้ยล่ะ ถามโง่ๆ” ฟรังก์เผลอกลืนน้ำลายลงคออึกนึงพลางกัดริมฝีปากล่างแน่น ให้มันได้แบบนี้สิวินซ์… “กลับไปก่อนได้หรือเปล่า เดี๋ยวตอนเย็นฉันโอนให้” ฟรังก์พยายามประนีประนอม “แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าจะไม่เบี้ยวอีก” “ไม่แน่นอน ครั้งนี้ฉันจะโอนเอง” “งั้นก็โอนตอนนี้เลยสิ รวมงวดหน้าด้วยนะ” ถ้าแค่งวดเดียวก็พอไหวอยู่หรอก แต่ถ้าสองงวดนี่… “ฉันยังไม่มีหรอก ตอนเย็นได้มั้ย” “งั้น…” ร่างบึกเดินหน้าเพื่อต้อนให้หญิงสาวถอยหลัง รู้ตัวอีกทีเธอก็ถอยมาจนถึงพนักโซฟา ยิ้มมุมปากสุดร้ายกาจปรากฎขึ้นบนใบหน้านั้นก่อนจะขยับขาเดินหน้าอีกครั้ง ร่างของเธอก็ร่วงลงนอนบนโซฟาแล้ว “ใช้เป็นอย่างอื่นแทนได้ป่ะ”

นิยายรักโรแมนติกนิยายปัจจุบันรักหวานๆแก้แค้นรักสามเศร้าสืบสวนสอบสวน

chapter 1 เธอไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น

chapter 1

“วะ…” เธอเม้มปากแน่นพลางกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ก่อนจะตัดสินใจตะโกนเรียกวินซ์ แต่อยู่ๆ เสียงกดชักโครกก็ดังขึ้นเรียกความสนใจของชายร่างบึกไป “วินซ์”

คนตัวโตเปิดประตูเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยใบหน้ามึนงง เขามองเราสองคนสลับกันก่อนจะขมวดคิ้วสายตาอาฆาตมาดร้ายอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ฟรังก์เห็นดังนั้นจึงรีบลุกขึ้นวิ่งไปหลบหลังแฟนหนุ่มทันที

“ใครเนี่ย ไม่เคยเห็นหน้าเลย” เขาพูดด้วยใบหน้าแย้มยิ้มแต่น้ำเสียงกลับเย็นยะเยือก

“ไหนแฟนบอกว่ามึงไม่อยู่…” สีหน้ามันดูเสียดายมาก วินซ์เหล่มองฟรังก์เล็กน้อย ก่อนจะหันมองหน้าคนร่างบึกแล้วฉีกยิ้มกว้าง

“ทำไมเหรอ… อยากใช้เมียร่วมกับกูเหรอ” คำพูดที่ไม่อ้อมค้อมนั้นทำให้บรรยากาศกระอักกระอ่วมขึ้นมา “แต่โทษที พอดียังไม่เบื่อน่ะ ไว้เบื่อแล้วค่อยเอาไปได้ป่ะ”

“กูมาทวงเงิน มึงเบี้ยวหนี้กูมาสองเดือนแล้วนะ”

มันเปลี่ยนเรื่องทันที วินซ์พยักหน้าหงึกหงักอย่างขอไปที

“แหม สันดานแบบนี้ไม่น่าให้เลย”

“ว่าไงนะ! นี่มึงคิดจะเบี้ยวเหรอ!”

“เออ พอดีหมั่นไส้” วินซ์ลอยหน้าลอยตาแต่น้ำเสียงยังคงเย็นเยียบ เจ้าของร่างบึกที่เมื่อกี้โดนขัดจังหวะอารมณ์เสียอยู่แล้ว พอได้ยินแบบนั้นกลับทวีคูณความรุนแรงเข้ามากระชากคอเสื้อวินซ์แล้วง้างหมัดขึ้นทันที

พลั่ก!

“วินซ์!” ฟรังก์ร้องเสียงดัง แต่คนโดนต่อยกลับไม่สะทกสะท้านเขาหันหน้ากลับมาพลางใช้ลิ้นดุนกระพุงแก้มเท่านั้นก่อนคลี่ยิ้มมุมปากราวกับคนบ้า ไม่แค่นั้นเขายังพ่นน้ำลายที่มีเลือดปนอยู่ใส่หน้ามันด้วย คนตรงหน้ายิ่งรู้สึกเหมือนโดนเหยียดหยามจึงตั้งใจจะซัดเขาอีกหมัด แต่ฟรังก์วิ่งเข้ามาจับมือมันเอาไว้ก่อน

“อย่าทำเขา! เดี๋ยวฉันโอนเงินไปให้ ฉันสัญญา” ฟรังก์พูดปากคอสั่น

“ไม่!” ผู้ชายคนนั้นสะบัดมือออกก่อนจะผลักฟรังก์จนล้มลงกระแทกพื้น หันมาตั้งใจจะซัดวินซ์อีกหมัด แต่แววตาที่ถูกจ้องทำให้เจ้าของหมัดชะงัก

“ก็ลองต่อยอีกสิ” วินซ์มองหน้ามองด้วยแววตาวาวโรจน์ “มึงรู้จักกูน้อยเกินไป…”

“เหอะ ผีพนันอย่างมึงมีอะไรให้กูรู้จักด้วยเหรอ” สิ้นคำนั้นมันก็ซัดหน้าวินซ์อีกรอบ แต่คราวนี้วินซ์ไม่ยอมเหวี่ยงหมัดใส่หน้ามันด้วยความเร็วยิ่งกว่าและมันคงแรงมากจนฝ่ายตรงข้ามถึงกับปากเบี้ยว

“ได้เงินมายะ…ยัง” ผู้มาเยือนใหม่เดินพ้นประตูเข้ามาเห็นสภาพเราสามคนก็ถึงกับอ้าปากค้าง บุหรี่ที่คาบอยู่หลุดออกจากปากทันที “นี่มันเหี้ยอะไรเนี่ย!”

มันรีบวิ่งเข้าไปหาร่างบึกที่ลงไปนอนอยู่กับพื้นด้วยแรงกระแทกที่ไม่ทันตั้งตัว วินซ์ดึงเสี้อยืดตัวเองที่ยับลงก่อนจะเดินไปกระชากคอเสื้อคนที่ตัวโตกว่าขึ้นมาโดยที่ผู้มาใหม่ซึ่งคุ้นหน้าคุ้นตากว่าไม่ได้ออกปากห้ามอะไร

“จำหน้ากูไว้ให้ดีนะ แล้วอย่ากลับมาที่นี่อีก”

“มึง…!!” ไม่รู้ว่าเวลานี้วินซ์ดูน่ากลัวและดูตัวโตขึ้น รอยยิ้มมุมปากนั้นราวกับมัจจุราชที่ใกล้เสียสติแล้วหรือเปล่า คนข้างๆ ที่ไม่อยากยุ่งกับคนบ้าเพราะควบคุมยาก มันถึงได้รีบยกมือขึ้นปิดปากเพื่อนร่วมงานก่อนจะรีบลากร่างบึกออกจากห้องไปโดยไม่พูดอะไรเลย

ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากจนฟรังก์ทำอะไรไม่ถูกกระทั่งแฟนหนุ่มเหลือบตามามองเธอเนี่ยแหละ เธอสบตากับนัยน์ตาดำขลับที่เหมือนหลุมดำนิ่งค้าง

“จ้องอะไรอยู่ได้ เจ็บจะตายแล้วเนี่ย!”

ตอนนั้นแหละเธอได้รู้ตัวว่าควรทำอะไร รีบลุกขึ้นวิ่งไปหากล่องพยาบาลแล้ววิ่งกลับมาที่โซฟาห้องนั่งเล่นซึ่งวินซ์กำลังนั่งคุยโทรศัพท์อยู่ เธอจึงเดินเข้าไปนั่งข้างๆ พลางวางกล่องยาลงบนโต๊ะกระจกใส เขาเหลือบมามองกันเล็กน้อยก่อนจะยื่นมือข้างที่ใช้ต่อยคนทวงหนี้มาวางบนตักเธอเป็นการบอกว่าให้ทำตรงนี้ก่อน เธอมองข้อนิ้วทั้งห้าที่ตอนนี้มีเลือดออกซิบๆ บ่งบอกได้ดีว่าเจ้าของมือใช้แรงซัดไปเยอะเดียว ก็นะ… ตั้งแต่คบกันมาเกือบสามปีนี่เป็นครั้งแรกเลยที่เธอเห็นเขาต่อยตีกับคนอื่น แล้วดูมือเขาสิ เหมือนไม่เคยผ่านการทำอะไรมาเลย

“อืม…อืม…” แต่ทันทีที่เธอลงมือทำแผล เช็ดแอลกอฮอลล์ลงบนข้อนิ้วนั้นเขาก็ร้องโวยวาย “โอ๊ย เจ็บ! ทำเบาๆ หน่อยสิ” วินซ์ส่งสายตาอาฆาตมาให้จนเธอต้องเอ่ยเสียงเบา

“ขอโทษ…”

“คนเชี่ยไรเนี่ย หมัดก็หนักเล่นเอากามเคลื่อนเลยมั้งเนี่ย แถมต่อยไปทีเดียวมือยังแหกอีก!” ไม่รู้ว่าเขาบ่นให้เธอฟังหรือให้คนในสายฟังกันแน่ แต่สายตาที่จับจ้องมาที่เธออย่างคาดโทษ ก็คงเป็นเธอสินะ…

“เออ! แค่นี้แหละ เจ็บปาก ขี้เกียจพูด!”

เขากดวางสายก่อนจะโยนโทรศัพท์มือถือไปที่โต๊ะกระจกอย่างหัวเสียซึ่งเป็นตอนที่เธอกำลังพันปากกอซบนมือเขาแล้วเลื่อนมาจัดการกับแผลที่มุมปากของเขาต่อ ดูจากรูปหน้าที่ยังปกติดีแล้ว คงไม่ถึงกับกามเคลื่อนหรอก เขาก็พูดเว่อร์ แต่มันคงเจ็บมากๆ แน่ๆ

“ทำไมเมื่อกี้ไม่เรียกฉัน…”

“ตั้งใจจะเรียกแล้ว เธอออกมาซะก่อน” ฟรังก์ตอบตามความจริงทุกอย่างโดยที่สายตายังจดจ่อกับการใส่ยาตรงมุมปากของเขา

“แล้วทำไมถึงบอกว่าฉันไม่อยู่…” ฟรังก์เหลือบตาขึ้นสบกับสายตาที่มองเธออยู่ก่อนแล้ว ก่อนจะหลุบลงมองมุมปากเหมือนไม่รู้สึกอะไร ทั้งที่ในใจเต้นโครมครามคงเพราะไม่เคยอยู่ใกล้กันถึงขนาดนี้

“ก็…รู้ไงว่าจะออกมาเป็นแบบนี้”

“แล้วถ้าฉันไม่อยู่จริงๆ เธอจะยอมมันหรือไง”

“มันคงไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากกว่านี้หรอก เสร็จล่ะ”

ฟรังก์ผละมือออกมาเก็บอุปกรณ์เข้ากล่องตั้งใจจะลุกขึ้นไปเก็บแล้วเข้าห้องไปทำงานของตัวเอง แต่กลับโดนคนตรงหน้าฉุดแขนให้นั่งลงมาประจันหน้ากัน แววตาลึกล้ำคู่นั้นเหมือนกำลังเค้นหาบางอย่าง อยู่ๆ แรงบีบที่แขนก็แรงขึ้นก่อนจะเป็นฝ่ายผละสายตาออกแล้วปล่อยมือ

“จะไปทำอะไร ก็ไปๆ” วินซ์มีท่าทางหงุดหงิด เขาลุกขึ้นเดินไปที่ตู้เย็นแล้วหยิบนมขึ้นมาดื่มอีกครั้งเพื่อดับกระหาย ฟรังก์มองแผ่นหลังนั้นอย่างงุนงง

“อื้อ” ฟรังก์ลุกเดินไปเก็บกล่องยาเข้าที่แล้วเดินเข้าห้องนอนไป

chapter 1

“วะ…” เธอเม้มปากแน่นพลางกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ก่อนจะตัดสินใจตะโกนเรียกวินซ์ แต่อยู่ๆ เสียงกดชักโครกก็ดังขึ้นเรียกความสนใจของชายร่างบึกไป “วินซ์”

คนตัวโตเปิดประตูเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยใบหน้ามึนงง เขามองเราสองคนสลับกันก่อนจะขมวดคิ้วสายตาอาฆาตมาดร้ายอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ฟรังก์เห็นดังนั้นจึงรีบลุกขึ้นวิ่งไปหลบหลังแฟนหนุ่มทันที

“ใครเนี่ย ไม่เคยเห็นหน้าเลย” เขาพูดด้วยใบหน้าแย้มยิ้มแต่น้ำเสียงกลับเย็นยะเยือก

“ไหนแฟนบอกว่ามึงไม่อยู่…” สีหน้ามันดูเสียดายมาก วินซ์เหล่มองฟรังก์เล็กน้อย ก่อนจะหันมองหน้าคนร่างบึกแล้วฉีกยิ้มกว้าง

“ทำไมเหรอ… อยากใช้เมียร่วมกับกูเหรอ” คำพูดที่ไม่อ้อมค้อมนั้นทำให้บรรยากาศกระอักกระอ่วมขึ้นมา “แต่โทษที พอดียังไม่เบื่อน่ะ ไว้เบื่อแล้วค่อยเอาไปได้ป่ะ”

“กูมาทวงเงิน มึงเบี้ยวหนี้กูมาสองเดือนแล้วนะ”

มันเปลี่ยนเรื่องทันที วินซ์พยักหน้าหงึกหงักอย่างขอไปที

“แหม สันดานแบบนี้ไม่น่าให้เลย”

“ว่าไงนะ! นี่มึงคิดจะเบี้ยวเหรอ!”

“เออ พอดีหมั่นไส้” วินซ์ลอยหน้าลอยตาแต่น้ำเสียงยังคงเย็นเยียบ เจ้าของร่างบึกที่เมื่อกี้โดนขัดจังหวะอารมณ์เสียอยู่แล้ว พอได้ยินแบบนั้นกลับทวีคูณความรุนแรงเข้ามากระชากคอเสื้อวินซ์แล้วง้างหมัดขึ้นทันที

พลั่ก!

“วินซ์!” ฟรังก์ร้องเสียงดัง แต่คนโดนต่อยกลับไม่สะทกสะท้านเขาหันหน้ากลับมาพลางใช้ลิ้นดุนกระพุงแก้มเท่านั้นก่อนคลี่ยิ้มมุมปากราวกับคนบ้า ไม่แค่นั้นเขายังพ่นน้ำลายที่มีเลือดปนอยู่ใส่หน้ามันด้วย คนตรงหน้ายิ่งรู้สึกเหมือนโดนเหยียดหยามจึงตั้งใจจะซัดเขาอีกหมัด แต่ฟรังก์วิ่งเข้ามาจับมือมันเอาไว้ก่อน

“อย่าทำเขา! เดี๋ยวฉันโอนเงินไปให้ ฉันสัญญา” ฟรังก์พูดปากคอสั่น

“ไม่!” ผู้ชายคนนั้นสะบัดมือออกก่อนจะผลักฟรังก์จนล้มลงกระแทกพื้น หันมาตั้งใจจะซัดวินซ์อีกหมัด แต่แววตาที่ถูกจ้องทำให้เจ้าของหมัดชะงัก

“ก็ลองต่อยอีกสิ” วินซ์มองหน้ามองด้วยแววตาวาวโรจน์ “มึงรู้จักกูน้อยเกินไป…”

“เหอะ ผีพนันอย่างมึงมีอะไรให้กูรู้จักด้วยเหรอ” สิ้นคำนั้นมันก็ซัดหน้าวินซ์อีกรอบ แต่คราวนี้วินซ์ไม่ยอมเหวี่ยงหมัดใส่หน้ามันด้วยความเร็วยิ่งกว่าและมันคงแรงมากจนฝ่ายตรงข้ามถึงกับปากเบี้ยว

“ได้เงินมายะ…ยัง” ผู้มาเยือนใหม่เดินพ้นประตูเข้ามาเห็นสภาพเราสามคนก็ถึงกับอ้าปากค้าง บุหรี่ที่คาบอยู่หลุดออกจากปากทันที “นี่มันเหี้ยอะไรเนี่ย!”

มันรีบวิ่งเข้าไปหาร่างบึกที่ลงไปนอนอยู่กับพื้นด้วยแรงกระแทกที่ไม่ทันตั้งตัว วินซ์ดึงเสี้อยืดตัวเองที่ยับลงก่อนจะเดินไปกระชากคอเสื้อคนที่ตัวโตกว่าขึ้นมาโดยที่ผู้มาใหม่ซึ่งคุ้นหน้าคุ้นตากว่าไม่ได้ออกปากห้ามอะไร

“จำหน้ากูไว้ให้ดีนะ แล้วอย่ากลับมาที่นี่อีก”

“มึง…!!” ไม่รู้ว่าเวลานี้วินซ์ดูน่ากลัวและดูตัวโตขึ้น รอยยิ้มมุมปากนั้นราวกับมัจจุราชที่ใกล้เสียสติแล้วหรือเปล่า คนข้างๆ ที่ไม่อยากยุ่งกับคนบ้าเพราะควบคุมยาก มันถึงได้รีบยกมือขึ้นปิดปากเพื่อนร่วมงานก่อนจะรีบลากร่างบึกออกจากห้องไปโดยไม่พูดอะไรเลย

ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากจนฟรังก์ทำอะไรไม่ถูกกระทั่งแฟนหนุ่มเหลือบตามามองเธอเนี่ยแหละ เธอสบตากับนัยน์ตาดำขลับที่เหมือนหลุมดำนิ่งค้าง

“จ้องอะไรอยู่ได้ เจ็บจะตายแล้วเนี่ย!”

ตอนนั้นแหละเธอได้รู้ตัวว่าควรทำอะไร รีบลุกขึ้นวิ่งไปหากล่องพยาบาลแล้ววิ่งกลับมาที่โซฟาห้องนั่งเล่นซึ่งวินซ์กำลังนั่งคุยโทรศัพท์อยู่ เธอจึงเดินเข้าไปนั่งข้างๆ พลางวางกล่องยาลงบนโต๊ะกระจกใส เขาเหลือบมามองกันเล็กน้อยก่อนจะยื่นมือข้างที่ใช้ต่อยคนทวงหนี้มาวางบนตักเธอเป็นการบอกว่าให้ทำตรงนี้ก่อน เธอมองข้อนิ้วทั้งห้าที่ตอนนี้มีเลือดออกซิบๆ บ่งบอกได้ดีว่าเจ้าของมือใช้แรงซัดไปเยอะเดียว ก็นะ… ตั้งแต่คบกันมาเกือบสามปีนี่เป็นครั้งแรกเลยที่เธอเห็นเขาต่อยตีกับคนอื่น แล้วดูมือเขาสิ เหมือนไม่เคยผ่านการทำอะไรมาเลย

“อืม…อืม…” แต่ทันทีที่เธอลงมือทำแผล เช็ดแอลกอฮอลล์ลงบนข้อนิ้วนั้นเขาก็ร้องโวยวาย “โอ๊ย เจ็บ! ทำเบาๆ หน่อยสิ” วินซ์ส่งสายตาอาฆาตมาให้จนเธอต้องเอ่ยเสียงเบา

“ขอโทษ…”

“คนเชี่ยไรเนี่ย หมัดก็หนักเล่นเอากามเคลื่อนเลยมั้งเนี่ย แถมต่อยไปทีเดียวมือยังแหกอีก!” ไม่รู้ว่าเขาบ่นให้เธอฟังหรือให้คนในสายฟังกันแน่ แต่สายตาที่จับจ้องมาที่เธออย่างคาดโทษ ก็คงเป็นเธอสินะ…

“เออ! แค่นี้แหละ เจ็บปาก ขี้เกียจพูด!”

เขากดวางสายก่อนจะโยนโทรศัพท์มือถือไปที่โต๊ะกระจกอย่างหัวเสียซึ่งเป็นตอนที่เธอกำลังพันปากกอซบนมือเขาแล้วเลื่อนมาจัดการกับแผลที่มุมปากของเขาต่อ ดูจากรูปหน้าที่ยังปกติดีแล้ว คงไม่ถึงกับกามเคลื่อนหรอก เขาก็พูดเว่อร์ แต่มันคงเจ็บมากๆ แน่ๆ

“ทำไมเมื่อกี้ไม่เรียกฉัน…”

“ตั้งใจจะเรียกแล้ว เธอออกมาซะก่อน” ฟรังก์ตอบตามความจริงทุกอย่างโดยที่สายตายังจดจ่อกับการใส่ยาตรงมุมปากของเขา

“แล้วทำไมถึงบอกว่าฉันไม่อยู่…” ฟรังก์เหลือบตาขึ้นสบกับสายตาที่มองเธออยู่ก่อนแล้ว ก่อนจะหลุบลงมองมุมปากเหมือนไม่รู้สึกอะไร ทั้งที่ในใจเต้นโครมครามคงเพราะไม่เคยอยู่ใกล้กันถึงขนาดนี้

“ก็…รู้ไงว่าจะออกมาเป็นแบบนี้”

“แล้วถ้าฉันไม่อยู่จริงๆ เธอจะยอมมันหรือไง”

“มันคงไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากกว่านี้หรอก เสร็จล่ะ”

ฟรังก์ผละมือออกมาเก็บอุปกรณ์เข้ากล่องตั้งใจจะลุกขึ้นไปเก็บแล้วเข้าห้องไปทำงานของตัวเอง แต่กลับโดนคนตรงหน้าฉุดแขนให้นั่งลงมาประจันหน้ากัน แววตาลึกล้ำคู่นั้นเหมือนกำลังเค้นหาบางอย่าง อยู่ๆ แรงบีบที่แขนก็แรงขึ้นก่อนจะเป็นฝ่ายผละสายตาออกแล้วปล่อยมือ

“จะไปทำอะไร ก็ไปๆ” วินซ์มีท่าทางหงุดหงิด เขาลุกขึ้นเดินไปที่ตู้เย็นแล้วหยิบนมขึ้นมาดื่มอีกครั้งเพื่อดับกระหาย ฟรังก์มองแผ่นหลังนั้นอย่างงุนงง

“อื้อ” ฟรังก์ลุกเดินไปเก็บกล่องยาเข้าที่แล้วเดินเข้าห้องนอนไป