chapter 1 เธอไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น (ต่อ)
“เอิก” หญิงสาวเงยหน้ามองแฟนหนุ่มที่กำลังเล่นเกมส์บนคอมพิวเตอร์พลางเรอออกมาเป็นรอบที่สาม เขาขมวดคิ้วพลางจับท้องแป๊บหนึ่งก่อนจะเลื่อนมือไปกดคีย์บอร์ดต่อ เลยอดถามไม่ได้เพราะเห็นเป็นแบบนี้มาหลายวันแล้ว
“ปวดท้องเหรอ”
“อือ” เขาตอบอย่างไม่ค่อยใส่ใจ แต่เป็นเธอซะอีกที่กังวล
อาหารไม่ย่อยเหรอ…
เธอเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาแขวนผนังพบว่าเป็นเวลาห้าโมงกว่าแล้ว เธอจึงวางหนังสือลง ลุกขึ้นจากโซฟาเตรียมทำมื้อเย็น วันนี้ทำอะไรที่ย่อยง่ายหน่อยดีกว่า เธอนึกอยู่ครู่ก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็น เมื่อเห็นวัตถุดิบครบจึงคลี่ยิ้มมุมปาก ทำเต้าหู้ทรงเครื่องล่ะกัน
แต่ก่อนที่จะได้ลงมือทำมื้อเย็นวินซ์ก็ตะโกนขึ้นมาซะก่อน
“นมหมดแล้ว เติมให้หน่อย”
“จ้าๆ”
ฟรังก์วางมือจากวัตถุดิบในครัวก่อนจะเปิดตู้เย็น หยิบนมวัวขวดใหญ่ขึ้นมาแล้วเดินไปรินใส่แก้วให้เขาที่หน้าโต๊ะคอมพิวเตอร์ ตั้งแต่ซื้อนมเข้าบ้านเขาก็แทบจะไม่กินน้ำเปล่าอีกเลย กินแต่นมวัวๆ จนบางครั้งก็อดเป็นห่วงไม่ได้ แต่ถ้าขัดใจเดี๋ยวเขาก็โหโหใส่อีกจึงอยู่นิ่งๆ ดีกว่า
หลังจากรินนมใส่แก้วจนเต็มก็กลับมาทำมื้อเย็นต่ออย่างเต้าหู้ทรงเครื่องกับแกงจืดวุ้นเส้นจนเสร็จก็เรียกเขามากินข้าว รอจนข้าวจะหายร้อนล่ะเขาถึงยอมลุกจากโต๊ะคอมมานั่งที่เก้าอี้ตัวตรงข้ามกัน แล้วก็ทำเหมือนอย่างทุกที กินไปดูซีรีย์ไป วันๆ ไม่เห็นอะไรเลยนอกจากสองอย่างนี้
“ถ้าฉันไม่อยู่ ใครจะคอยตักกับข้าวใส่จานให้เธอกินเนี่ยวินซ์” ปากบ่นแต่มือก็ตักเต้าหู้ทรงเครื่องใส่จานข้าวให้เขา พอเงยหน้าขึ้นมาอีกทีก็ถูกคนตรงหน้าจับจ้องอยู่ก่อนแล้ว เธอจึงเลิกคิ้วอย่างฉงน
“ทำไม จะด่าว่าฉันเสือกอีกหรือไง” ฟรังก์รีบพูดดักทันทีอย่างรู้ทัน
“ทนฉันไม่ไหวแล้วเหรอ” วินซ์พูดทีเล่นทีจริง แต่สายตาที่มองมากลับนิ่งสนิทจนเดาไม่ออกว่าเจ้าตัวคิดอะไรอยู่
“ไม่รู้สิ แค่เป็นห่วงน่ะ” เธอพูดแสร้งทำเป็นตักข้าวเข้าปากโดยที่ไม่สบตาเขา ทั้งที่ภายในใจกำลังวูบโหวง นั่นสินะ จะมีวันที่เธอจะเบื่อเขาหรือเปล่า… เบื่อจนทำตามความต้องการของเพื่อนที่ให้เลิกกับเขาซะ แต่แค่คิดว่าต้องเลิกก็ใจหวิวๆ แล้ว
“เธอไปไหนไม่ได้หรอก จนกว่าฉันจะเบื่อ”
“หึ รู้สึกเหมือนได้รับความรักเลยแฮะ” เธอพูดทีเล่นทีจริง ถึงจะได้ยินประโยคนี้บ่อยๆ ก็เถอะ
“ตลกตายแหละ”
“แหม มันก็ไม่มีอะไรแน่นอนหรอกนะ ถ้ายังขืนอยู่แบบนี้ต่อไป วันหนึ่งฉันอาจจะเบื่อเธอขึ้นมาจริงๆ ก็ได้” ฟรังก์พูดยิ้มๆ พลางตักข้าวเข้าปากเคี้ยวอย่างเชื่องช้าโดยไม่ได้สังเกตเลยว่ากำลังโดนมองอยู่
“ถ้าถึงเวลานั้นก็ลองร้องไห้อ้อนวอนดูสิ เผื่อฉันจะใจอ่อน” ฟรังก์เหลือบตาขึ้นมองวินซ์ที่ยังคงมีสีหน้าเรียบนิ่งจนเดาความรู้สึกไม่ออก ก่อนจะคลี่ยิ้มมุมปาก
“จ้าๆ ถ้าถึงตอนนั้นจะก้มลงคุกเข่ากอดแข้งกอดขาอ้อนวอนให้เธอยอมปล่อยฉันไปนะ”
ฟรังก์ยังคงพูดติดตลก ตักข้าวเข้าปากโดยไม่สนใจคนตรงหน้าที่เม้มปากแน่น
“ฉันอิ่มล่ะ”
วินซ์ลุกพรวดขึ้นทันทีแล้วเดินไปนั่งที่โซฟาพร้อมกับกดโทรศัพท์ในมือเล่นเอาฟรังก์ตกใจ
“อะไร เพิ่งกินไปนิดเดียวเอง”
เธอมองถ้วยข้าวที่พล่องไม่ถึงครึ่งจาน แล้วก็ถอนหายใจก่อนจะหยิบมันมากวาดลงใส่จานตัวเอง
“กินทิ้งกินขว้างเหมือนลูกคุณหนูเลย”
เธอบ่นกระปอดกระแปดแต่ก็ยอมตักข้าวเข้าปากพลางคิดนู่นคิดนี่ไปเรื่อยระหว่างกิน โดยไม่รู้เลยว่ากำลังถูกแฟนหนุ่มแอบมองอยู่
หลังจากกินข้าวเสร็จเธอก็จัดการใช้แล็บใสคลุมปิดจานอาหารที่เหลือแล้วใส่ตู้เย็นไว้เผื่อวินซ์หิวกลางดึกจะได้ลุกขึ้นมาอุ่นกิน แต่ก็คงหนีไม่พ้นเธอหรอก… ทุกวันนี้เหมือนเป็นแม่บ้านมากกว่าแฟนซะอีก
เธอกลับเข้ามาในห้องนอนนั่งลงบนโต๊ะทำงานแล้วเปิดโน้ตบุ๊คขึ้นเพื่อจะแต่งนิยายต่อ ซึ่งเป็นซีนดราม่าที่เธอไม่ชอบเลย เป็นซีนพ่อกับแม่กำลังจะไล่นางเอกออกจากบ้านโทษฐานที่เผลอไปมีอะไรกับพระเอกจนท้อง แต่เขาไม่รับผิดชอบจึงกลายเป็นท้องไม่มีพ่อ แล้วระหว่างที่เธอกำลังดำดิ่งลงไปในจินตนาการเวลาก็ผ่านมาเนิ่นนานเท่าไหร่แล้วไม่รู้จนเริ่มรู้สึกง่วงเหมือนตาจะปิด พอเหลือบมองนาฬิกาแล้วรุู้ว่าตีหนึ่ง จึงยกมือขึ้นบิดตัวไปมาไล่ความเมื่อยขบ
วันนี้พอแค่นี้แหละ…
เธอปิดโน้ตบุ๊ค ปิดไฟก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนเตียงโดยที่แฟนหนุ่มยังคงนั่งเล่นเกมส์อยู่ข้างนอก แต่ใครจะไม่สนล่ะ… ดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มพร้อมเดินทางสู่ห้วงนินทรา
“แม่… ฟรังก์ขอโทษ… ฮึ่ก ฟรังก์ไม่ได้ตั้งใจ” แขนเสื้อถูกกำจนแน่นพร้อมใบหน้าที่ซุกอยู่บนท่อนแขนของเขา แม้จะอยู่ในความมืดแต่เขาก็ยังมองเห็นน้ำตาที่กำลังไหลลงอาบแก้ม เป็นภาพที่ชวนให้หงุดหงิดมากจริงๆ วินซ์จึงทำได้เพียงแค่นอนหงายมองเพดานสีขาวใช้ฝ่ามืออีกข้างหนุนหัว ครุ่นคิดหาวิธี
ทำยังไง เขาถึงจะชนะผู้หญิงในฝันได้นะ
ขนาดวันนี้จิ๊กโก๋ตามมาทวงหนี้ถึงที่ห้องทั้งที่เกือบจะโดนทำมิดีมิร้ายล่ะ แต่ก็ยังไม่มีการโวยวายสักคำ ไม่มีเลย แต่กลับพูดเหมือนว่าจะจากกันไปไหน เหอะ ฝันไปเถอะ ถ้าเขายังไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ ก็อย่าหวังเลยว่าเธอจะได้จากไปไหนง่ายๆ
‘สงสัยเธอคงจะรักแกน้อยกว่าคนนั้นว่ะ เธอถึงไม่เคยร้องไห้เพราะแกเลย เพราะไม่รักเลยไม่เจ็บปวดกับสิ่งที่แกทำไง’
อยู่ๆ เสียงชิรันก็ดังขึ้นมาในหัว
‘ไง ก็ทำให้เธอรักซะสิ ง่ายจะตาย’
ทำให้รักงั้นเหรอ… ถึงจะดูเหมือนใส่ใจกันซะเหลือเกิน แต่พอมากินดูอีกทีก็เหมือนทำไปตามหน้าที่…
วินซ์เหลือบมองฟรังก์ที่ยังคงร้องไห้สะอึกสะอื้นกำแขนเสื้อของเขาเอาไว้แน่น ก่อนที่เขาจะเปลี่ยนจากวางแขนไว้ข้างตัวเฉยๆ ก็สอดมือเข้าใต้ร่างของหญิงสาวแล้วดึงเธอเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนจนใบหน้าสวยที่ไม่ได้รับการปรุงแต่งซบลงกับอก เขาใช้แขนอีกข้างโอบกอดเธอเอาไว้แน่น
“ไม่เป็นไรนะ มันเป็นแค่ฝันร้าย”
เขากระซิบข้างหูเธอเพื่อปลอบขวัญ ทว่าอยู่ๆ เธอก็สงบ เสียงสะอื้นค่อยๆ เบาลงจนกลายเป็นความเงียบ… นั่นทำให้เขาคลี่ยิ้ม
นี่อาจเป็นวิธีเดียวก็ได้ที่ทำให้เขาชนะผู้หญิงในฝันได้…
“เอิก” หญิงสาวเงยหน้ามองแฟนหนุ่มที่กำลังเล่นเกมส์บนคอมพิวเตอร์พลางเรอออกมาเป็นรอบที่สาม เขาขมวดคิ้วพลางจับท้องแป๊บหนึ่งก่อนจะเลื่อนมือไปกดคีย์บอร์ดต่อ เลยอดถามไม่ได้เพราะเห็นเป็นแบบนี้มาหลายวันแล้ว
“ปวดท้องเหรอ”
“อือ” เขาตอบอย่างไม่ค่อยใส่ใจ แต่เป็นเธอซะอีกที่กังวล
อาหารไม่ย่อยเหรอ…
เธอเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาแขวนผนังพบว่าเป็นเวลาห้าโมงกว่าแล้ว เธอจึงวางหนังสือลง ลุกขึ้นจากโซฟาเตรียมทำมื้อเย็น วันนี้ทำอะไรที่ย่อยง่ายหน่อยดีกว่า เธอนึกอยู่ครู่ก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็น เมื่อเห็นวัตถุดิบครบจึงคลี่ยิ้มมุมปาก ทำเต้าหู้ทรงเครื่องล่ะกัน
แต่ก่อนที่จะได้ลงมือทำมื้อเย็นวินซ์ก็ตะโกนขึ้นมาซะก่อน
“นมหมดแล้ว เติมให้หน่อย”
“จ้าๆ”
ฟรังก์วางมือจากวัตถุดิบในครัวก่อนจะเปิดตู้เย็น หยิบนมวัวขวดใหญ่ขึ้นมาแล้วเดินไปรินใส่แก้วให้เขาที่หน้าโต๊ะคอมพิวเตอร์ ตั้งแต่ซื้อนมเข้าบ้านเขาก็แทบจะไม่กินน้ำเปล่าอีกเลย กินแต่นมวัวๆ จนบางครั้งก็อดเป็นห่วงไม่ได้ แต่ถ้าขัดใจเดี๋ยวเขาก็โหโหใส่อีกจึงอยู่นิ่งๆ ดีกว่า
หลังจากรินนมใส่แก้วจนเต็มก็กลับมาทำมื้อเย็นต่ออย่างเต้าหู้ทรงเครื่องกับแกงจืดวุ้นเส้นจนเสร็จก็เรียกเขามากินข้าว รอจนข้าวจะหายร้อนล่ะเขาถึงยอมลุกจากโต๊ะคอมมานั่งที่เก้าอี้ตัวตรงข้ามกัน แล้วก็ทำเหมือนอย่างทุกที กินไปดูซีรีย์ไป วันๆ ไม่เห็นอะไรเลยนอกจากสองอย่างนี้
“ถ้าฉันไม่อยู่ ใครจะคอยตักกับข้าวใส่จานให้เธอกินเนี่ยวินซ์” ปากบ่นแต่มือก็ตักเต้าหู้ทรงเครื่องใส่จานข้าวให้เขา พอเงยหน้าขึ้นมาอีกทีก็ถูกคนตรงหน้าจับจ้องอยู่ก่อนแล้ว เธอจึงเลิกคิ้วอย่างฉงน
“ทำไม จะด่าว่าฉันเสือกอีกหรือไง” ฟรังก์รีบพูดดักทันทีอย่างรู้ทัน
“ทนฉันไม่ไหวแล้วเหรอ” วินซ์พูดทีเล่นทีจริง แต่สายตาที่มองมากลับนิ่งสนิทจนเดาไม่ออกว่าเจ้าตัวคิดอะไรอยู่
“ไม่รู้สิ แค่เป็นห่วงน่ะ” เธอพูดแสร้งทำเป็นตักข้าวเข้าปากโดยที่ไม่สบตาเขา ทั้งที่ภายในใจกำลังวูบโหวง นั่นสินะ จะมีวันที่เธอจะเบื่อเขาหรือเปล่า… เบื่อจนทำตามความต้องการของเพื่อนที่ให้เลิกกับเขาซะ แต่แค่คิดว่าต้องเลิกก็ใจหวิวๆ แล้ว
“เธอไปไหนไม่ได้หรอก จนกว่าฉันจะเบื่อ”
“หึ รู้สึกเหมือนได้รับความรักเลยแฮะ” เธอพูดทีเล่นทีจริง ถึงจะได้ยินประโยคนี้บ่อยๆ ก็เถอะ
“ตลกตายแหละ”
“แหม มันก็ไม่มีอะไรแน่นอนหรอกนะ ถ้ายังขืนอยู่แบบนี้ต่อไป วันหนึ่งฉันอาจจะเบื่อเธอขึ้นมาจริงๆ ก็ได้” ฟรังก์พูดยิ้มๆ พลางตักข้าวเข้าปากเคี้ยวอย่างเชื่องช้าโดยไม่ได้สังเกตเลยว่ากำลังโดนมองอยู่
“ถ้าถึงเวลานั้นก็ลองร้องไห้อ้อนวอนดูสิ เผื่อฉันจะใจอ่อน” ฟรังก์เหลือบตาขึ้นมองวินซ์ที่ยังคงมีสีหน้าเรียบนิ่งจนเดาความรู้สึกไม่ออก ก่อนจะคลี่ยิ้มมุมปาก
“จ้าๆ ถ้าถึงตอนนั้นจะก้มลงคุกเข่ากอดแข้งกอดขาอ้อนวอนให้เธอยอมปล่อยฉันไปนะ”
ฟรังก์ยังคงพูดติดตลก ตักข้าวเข้าปากโดยไม่สนใจคนตรงหน้าที่เม้มปากแน่น
“ฉันอิ่มล่ะ”
วินซ์ลุกพรวดขึ้นทันทีแล้วเดินไปนั่งที่โซฟาพร้อมกับกดโทรศัพท์ในมือเล่นเอาฟรังก์ตกใจ
“อะไร เพิ่งกินไปนิดเดียวเอง”
เธอมองถ้วยข้าวที่พล่องไม่ถึงครึ่งจาน แล้วก็ถอนหายใจก่อนจะหยิบมันมากวาดลงใส่จานตัวเอง
“กินทิ้งกินขว้างเหมือนลูกคุณหนูเลย”
เธอบ่นกระปอดกระแปดแต่ก็ยอมตักข้าวเข้าปากพลางคิดนู่นคิดนี่ไปเรื่อยระหว่างกิน โดยไม่รู้เลยว่ากำลังถูกแฟนหนุ่มแอบมองอยู่
หลังจากกินข้าวเสร็จเธอก็จัดการใช้แล็บใสคลุมปิดจานอาหารที่เหลือแล้วใส่ตู้เย็นไว้เผื่อวินซ์หิวกลางดึกจะได้ลุกขึ้นมาอุ่นกิน แต่ก็คงหนีไม่พ้นเธอหรอก… ทุกวันนี้เหมือนเป็นแม่บ้านมากกว่าแฟนซะอีก
เธอกลับเข้ามาในห้องนอนนั่งลงบนโต๊ะทำงานแล้วเปิดโน้ตบุ๊คขึ้นเพื่อจะแต่งนิยายต่อ ซึ่งเป็นซีนดราม่าที่เธอไม่ชอบเลย เป็นซีนพ่อกับแม่กำลังจะไล่นางเอกออกจากบ้านโทษฐานที่เผลอไปมีอะไรกับพระเอกจนท้อง แต่เขาไม่รับผิดชอบจึงกลายเป็นท้องไม่มีพ่อ แล้วระหว่างที่เธอกำลังดำดิ่งลงไปในจินตนาการเวลาก็ผ่านมาเนิ่นนานเท่าไหร่แล้วไม่รู้จนเริ่มรู้สึกง่วงเหมือนตาจะปิด พอเหลือบมองนาฬิกาแล้วรุู้ว่าตีหนึ่ง จึงยกมือขึ้นบิดตัวไปมาไล่ความเมื่อยขบ
วันนี้พอแค่นี้แหละ…
เธอปิดโน้ตบุ๊ค ปิดไฟก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนเตียงโดยที่แฟนหนุ่มยังคงนั่งเล่นเกมส์อยู่ข้างนอก แต่ใครจะไม่สนล่ะ… ดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มพร้อมเดินทางสู่ห้วงนินทรา
“แม่… ฟรังก์ขอโทษ… ฮึ่ก ฟรังก์ไม่ได้ตั้งใจ” แขนเสื้อถูกกำจนแน่นพร้อมใบหน้าที่ซุกอยู่บนท่อนแขนของเขา แม้จะอยู่ในความมืดแต่เขาก็ยังมองเห็นน้ำตาที่กำลังไหลลงอาบแก้ม เป็นภาพที่ชวนให้หงุดหงิดมากจริงๆ วินซ์จึงทำได้เพียงแค่นอนหงายมองเพดานสีขาวใช้ฝ่ามืออีกข้างหนุนหัว ครุ่นคิดหาวิธี
ทำยังไง เขาถึงจะชนะผู้หญิงในฝันได้นะ
ขนาดวันนี้จิ๊กโก๋ตามมาทวงหนี้ถึงที่ห้องทั้งที่เกือบจะโดนทำมิดีมิร้ายล่ะ แต่ก็ยังไม่มีการโวยวายสักคำ ไม่มีเลย แต่กลับพูดเหมือนว่าจะจากกันไปไหน เหอะ ฝันไปเถอะ ถ้าเขายังไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ ก็อย่าหวังเลยว่าเธอจะได้จากไปไหนง่ายๆ
‘สงสัยเธอคงจะรักแกน้อยกว่าคนนั้นว่ะ เธอถึงไม่เคยร้องไห้เพราะแกเลย เพราะไม่รักเลยไม่เจ็บปวดกับสิ่งที่แกทำไง’
อยู่ๆ เสียงชิรันก็ดังขึ้นมาในหัว
‘ไง ก็ทำให้เธอรักซะสิ ง่ายจะตาย’
ทำให้รักงั้นเหรอ… ถึงจะดูเหมือนใส่ใจกันซะเหลือเกิน แต่พอมากินดูอีกทีก็เหมือนทำไปตามหน้าที่…
วินซ์เหลือบมองฟรังก์ที่ยังคงร้องไห้สะอึกสะอื้นกำแขนเสื้อของเขาเอาไว้แน่น ก่อนที่เขาจะเปลี่ยนจากวางแขนไว้ข้างตัวเฉยๆ ก็สอดมือเข้าใต้ร่างของหญิงสาวแล้วดึงเธอเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนจนใบหน้าสวยที่ไม่ได้รับการปรุงแต่งซบลงกับอก เขาใช้แขนอีกข้างโอบกอดเธอเอาไว้แน่น
“ไม่เป็นไรนะ มันเป็นแค่ฝันร้าย”
เขากระซิบข้างหูเธอเพื่อปลอบขวัญ ทว่าอยู่ๆ เธอก็สงบ เสียงสะอื้นค่อยๆ เบาลงจนกลายเป็นความเงียบ… นั่นทำให้เขาคลี่ยิ้ม
นี่อาจเป็นวิธีเดียวก็ได้ที่ทำให้เขาชนะผู้หญิงในฝันได้…
