บท
ตั้งค่า

chapter 5 ฟิวส์ขาด (1)

5

ฟิวส์ขาด

วินซ์พาเธอเดินผ่านผู้คนที่กำลังเต้นกันยั้วเยี้ยอยู่บนฟลอร์มายังบันไดเหล็กซึ่งทอดขึ้นไปยังชั้นลอย เธอเคยมาที่นี่กับพวกเพื่อนอยู่เลยพอรู้บ้างว่าชั้นลอยคือโซนวีไอพีที่จองยากมาก เพราะมีเพียงแค่สองโต๊ะเท่านั้น แม้จะเป็นผู้มีอิทธิพลเงินหนาอย่างแก้วรุ้งก็ยังจองไม่ได้เลย แต่นี่วินซ์กลับเดินขึ้นไปได้ง่ายดายโดยการ์ดที่เฝ้าบันไดอยู่เพียงเห็นเขาก็ค้อมศีรษะให้แล้วปลดโซ่กั้นปล่อยให้เขาเดินขึ้นมา

พอเดินขึ้นมาก็เห็นชุดโซฟาหนังบุชุดใหญ่ 2ชุดโดยมีโต๊ะกระจกวางอยู่ตรงกลางชุดหนึ่งวางอยู่ใกล้กับระเบียงที่มองไปยังด้านล่างได้ ส่วนอีกชุดหนึ่งวางอยู่ด้านในติดกับระเบียงอีกฝั่งแล้วมีทางเดิมแคบๆ เชื่อมไปยังห้องๆ หนึ่งซึ่งก็ไม่รู้ว่าห้องอะไร

“ไงวะ วินซ์”

ทันทีที่เขาปรากฎตัวขึ้นก็มีเสียงทักทายดังขึ้นมาเลย หันมองอีกทีก็พบผู้ชายผมยาวปะบ่าปัดขวาเผยให้เห็นเปียก้างปลาเล็กๆ สองสามเส้นที่ถูกทักอยู่ด้านข้าง เขายิ้มสดใสแต่พอเหลือบมาเห็นหญิงข้างตัวเพื่อนก็ถึงกับยกมือขึ้นปิดปาก แววตานั้นอยากรู้อยากเห็นอย่างเก็บอาการไม่อยู่

วินซ์เข้าไปนั่งโซฟาด้านในแล้วฟรังก์นั่งถัดลงมาซึ่งตรงข้ามกับผู้ชายหน้าตาหล่อหลาดูมีสกุลรุนชาติมากเพราะประโคมแบรนด์เนมทั้งตัว

“คนนี้เหรอ”

“อือ นี่ฟรังก์ ส่วนฟรังก์นั่นชิรันเพื่อนผม”

เขาแนะนำตัวเสียงเรียบนิ่ง ผิดกับชิรันที่ดูกระตือรือร้นมาก

“สวัสดีครับคุณฟรังก์ ผมได้ยินชื่อคุณมานานแล้ว ยินดีที่ได้เจอครับ” ฟรังก์ยื่นมือไปสัมผัสกับฝ่ามือนั้นก่อนที่เขาจะเขย่าอย่างยินดีจริงๆ ที่ได้เจอเธอ ถึงจะแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่เขาบอกว่าได้ยินชื่อเธอมานาน แต่เพราะเขาเป็นเพื่อน วินซ์คงจะไปเล่าอะไรให้เขาฟ้งบ้างนั่นแหละ แม้วินซ์จะไม่เคยพูดถึงเพื่อนคนไหนให้เธอฟังเลยก็ตาม

“ดื่มอะไรดีครับ เดี๋ยวผมชงให้”

“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฟรังก์จัดการเอง”

ระหว่างที่หญิงสาวกำลังง่วนกับการชงเหล้าให้วินซ์และของตัวเอง ชิรันก็เอนหน้าเข้าไปกระซิบกับเพื่อนแบบได้ยินกันสองคน

“เห็นเดินจับมือกันมา สำเร็จแล้วเหรอ”

“…” วินซ์เลือกจะเงียบแล้วไหวไหล่แทนคำตอบ

“เก่งเหมือนกันนี่หว่า แต่ทำไมหน้าเป็นตูดงั้นอ่ะ ไม่ดีใจเหรอ”

“เปล่า” ทันทีที่แก้วเหล้าถูกวางตรงหน้าเขาก็คว้าขึ้นมาดื่มอึกใหญ่

“ทำหน้าอย่างนี้ อย่าบอกนะว่า…”

เพราะรู้ว่าเพื่อนจะพูดอะไรจึงชิงพูดตัดหน้าก่อน

“แล้วไอ้ซีโร่กับครามอ่ะ” ชิรันมองหน้าเพื่อนเล็กน้อยก่อนจะยอมกลับไปนั่งที่แล้วตอบกลับอย่างเป็นธรรมชาติ

“อ่อไอ้ครามไม่ว่างสืบคดี ส่วนไอ้ซีโร่ก็ทำงาน เช็กสต็อก เดี๋ยวก็คงขึ้นมา”

“อือ งานยุ่งกันจริงๆ” พูดพลางยกแก้วขึ้นจรดปาก

“ใครเขาจะว่างเหมือนมึงละครับคุณชายวินซ์”

วินซ์หยักยิ้มมุมปาก “เดี๋ยวกูก็กะว่าจะไปช่วยงานแก๊งล่ะ”

“เออ เหมือนกูเลย ป๊าก็รบเร้าให้ไปช่วยดูแลบริษัทล่ะ อ่า กูเบื่อจัง อยากหนีไปให้ไกลๆ แล้วไม่ต้องกลับมาอีก”

“หึ เดี๋ยวป๊ามึงก็ส่งคนไปลากตัวกลับ ลูกชายคนเดียวของตระกูลหลักซะด้วยสิ”

“ป๊านั่นแหละบ้า มีคนในตระกูลอยากเป็นตั้งเยอะแยะไม่ให้เป็นไปวะ มาลากกูลงไปให้แร้งการุมทึ้งทำไมก็ไม่รู้ ทั้งที่กูบอกแล้วว่าไม่อยากได้ นี่ถึงขั้นจะจับกูแต่งงานล่ะนะ หัวจะปวด!”

“โธ่ๆ น่าสงสารจัง อยากเกิดมารวยดีนัก ช่วยไม่ได้”

“อยากเป็นมึงจัง สลับตัวกับกูมะ เดี๋ยวไปอยู่กับคุณฟรังก์แทนมึงเอง ดีมั้ยครับคุณฟรังก์”

“คะ?” ฟรังก์ขานอย่างงุนงงเพราะกำลังจมจ่อมอยู่กับความคิดจนวินซ์หันมามอง

“ผมบอกว่าถ้าผมสลับตัวกับไอ้วินซ์ แล้วให้คุณมาอยู่กับผมแทนมั้ยครับ”

“อ่า… ไม่ดีกว่าค่ะ” ฟรังก์ยิ้มแหยก่อนจะก้มหน้าลงจิกเหล้าในแก้วอย่างครุ่นคิดบางอย่างจนกระทั่งถูกมือเย็นสัมผัสที่หัวไหล่เนี่ยแหละถึงได้เงยหน้าขึ้นมอง

“เป็นอะไรหรือเปล่า”

“เปล่า แค่อยากเข้าห้องน้ำน่ะ ขอตัวก่อนนะ”

ฟรังก์พูดแค่นั้น วางแก้วเหล้าแล้วเดินลงข้างล่างทันทีจนสองหนุ่มมองตามอย่างเป็นห่วง

“มึงทำอะไรน้องเขาก่อนมาป่ะวะ ดูสติสตังไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว”

“สงสัยจะกลัว…มั้ง” แววตาที่เธอมองเขาตอนอยู่ในห้องน้ำมันบอกแบบนั้น แววตาเหมือนกำลังเว้าวอนของให้เขาหยุด… เขาถึงเพิ่งรู้ตัวว่าเผลอใช้สัญชาตญาณดิบกับเธอ แล้วจริงๆ มันไม่ควรไปถึงขั้นนั้นด้วยซ้ำ ไม่จำเป็นเลย แต่ผมแค่หยุดตัวเองไม่ได้… เป็นครั้งแรกที่ไม่เป็นตัวของตัวเอง ขาดการควบคุมอย่างสิ้นเชิงเหมือนลุ่มหลงจนโงหัวไม่ขึ้น แต่หลังจากนั้นก็รู้สึกราวกับถูกกดหัวลงกับน้ำแล้วเงยหน้าขึ้นมาไม่ได้ อยู่ๆ ก็รู้สึกกลัวขึ้นมา กลัวจนอยากถอยห่าง

“กลัวอะไร… หรือว่า…”

“เออ กูเกือบปล้ำเขา มีปัญหาอะไรมั้ย”

5

ฟิวส์ขาด

วินซ์พาเธอเดินผ่านผู้คนที่กำลังเต้นกันยั้วเยี้ยอยู่บนฟลอร์มายังบันไดเหล็กซึ่งทอดขึ้นไปยังชั้นลอย เธอเคยมาที่นี่กับพวกเพื่อนอยู่เลยพอรู้บ้างว่าชั้นลอยคือโซนวีไอพีที่จองยากมาก เพราะมีเพียงแค่สองโต๊ะเท่านั้น แม้จะเป็นผู้มีอิทธิพลเงินหนาอย่างแก้วรุ้งก็ยังจองไม่ได้เลย แต่นี่วินซ์กลับเดินขึ้นไปได้ง่ายดายโดยการ์ดที่เฝ้าบันไดอยู่เพียงเห็นเขาก็ค้อมศีรษะให้แล้วปลดโซ่กั้นปล่อยให้เขาเดินขึ้นมา

พอเดินขึ้นมาก็เห็นชุดโซฟาหนังบุชุดใหญ่ 2ชุดโดยมีโต๊ะกระจกวางอยู่ตรงกลางชุดหนึ่งวางอยู่ใกล้กับระเบียงที่มองไปยังด้านล่างได้ ส่วนอีกชุดหนึ่งวางอยู่ด้านในติดกับระเบียงอีกฝั่งแล้วมีทางเดิมแคบๆ เชื่อมไปยังห้องๆ หนึ่งซึ่งก็ไม่รู้ว่าห้องอะไร

“ไงวะ วินซ์”

ทันทีที่เขาปรากฎตัวขึ้นก็มีเสียงทักทายดังขึ้นมาเลย หันมองอีกทีก็พบผู้ชายผมยาวปะบ่าปัดขวาเผยให้เห็นเปียก้างปลาเล็กๆ สองสามเส้นที่ถูกทักอยู่ด้านข้าง เขายิ้มสดใสแต่พอเหลือบมาเห็นหญิงข้างตัวเพื่อนก็ถึงกับยกมือขึ้นปิดปาก แววตานั้นอยากรู้อยากเห็นอย่างเก็บอาการไม่อยู่

วินซ์เข้าไปนั่งโซฟาด้านในแล้วฟรังก์นั่งถัดลงมาซึ่งตรงข้ามกับผู้ชายหน้าตาหล่อหลาดูมีสกุลรุนชาติมากเพราะประโคมแบรนด์เนมทั้งตัว

“คนนี้เหรอ”

“อือ นี่ฟรังก์ ส่วนฟรังก์นั่นชิรันเพื่อนผม”

เขาแนะนำตัวเสียงเรียบนิ่ง ผิดกับชิรันที่ดูกระตือรือร้นมาก

“สวัสดีครับคุณฟรังก์ ผมได้ยินชื่อคุณมานานแล้ว ยินดีที่ได้เจอครับ” ฟรังก์ยื่นมือไปสัมผัสกับฝ่ามือนั้นก่อนที่เขาจะเขย่าอย่างยินดีจริงๆ ที่ได้เจอเธอ ถึงจะแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่เขาบอกว่าได้ยินชื่อเธอมานาน แต่เพราะเขาเป็นเพื่อน วินซ์คงจะไปเล่าอะไรให้เขาฟ้งบ้างนั่นแหละ แม้วินซ์จะไม่เคยพูดถึงเพื่อนคนไหนให้เธอฟังเลยก็ตาม

“ดื่มอะไรดีครับ เดี๋ยวผมชงให้”

“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฟรังก์จัดการเอง”

ระหว่างที่หญิงสาวกำลังง่วนกับการชงเหล้าให้วินซ์และของตัวเอง ชิรันก็เอนหน้าเข้าไปกระซิบกับเพื่อนแบบได้ยินกันสองคน

“เห็นเดินจับมือกันมา สำเร็จแล้วเหรอ”

“…” วินซ์เลือกจะเงียบแล้วไหวไหล่แทนคำตอบ

“เก่งเหมือนกันนี่หว่า แต่ทำไมหน้าเป็นตูดงั้นอ่ะ ไม่ดีใจเหรอ”

“เปล่า” ทันทีที่แก้วเหล้าถูกวางตรงหน้าเขาก็คว้าขึ้นมาดื่มอึกใหญ่

“ทำหน้าอย่างนี้ อย่าบอกนะว่า…”

เพราะรู้ว่าเพื่อนจะพูดอะไรจึงชิงพูดตัดหน้าก่อน

“แล้วไอ้ซีโร่กับครามอ่ะ” ชิรันมองหน้าเพื่อนเล็กน้อยก่อนจะยอมกลับไปนั่งที่แล้วตอบกลับอย่างเป็นธรรมชาติ

“อ่อไอ้ครามไม่ว่างสืบคดี ส่วนไอ้ซีโร่ก็ทำงาน เช็กสต็อก เดี๋ยวก็คงขึ้นมา”

“อือ งานยุ่งกันจริงๆ” พูดพลางยกแก้วขึ้นจรดปาก

“ใครเขาจะว่างเหมือนมึงละครับคุณชายวินซ์”

วินซ์หยักยิ้มมุมปาก “เดี๋ยวกูก็กะว่าจะไปช่วยงานแก๊งล่ะ”

“เออ เหมือนกูเลย ป๊าก็รบเร้าให้ไปช่วยดูแลบริษัทล่ะ อ่า กูเบื่อจัง อยากหนีไปให้ไกลๆ แล้วไม่ต้องกลับมาอีก”

“หึ เดี๋ยวป๊ามึงก็ส่งคนไปลากตัวกลับ ลูกชายคนเดียวของตระกูลหลักซะด้วยสิ”

“ป๊านั่นแหละบ้า มีคนในตระกูลอยากเป็นตั้งเยอะแยะไม่ให้เป็นไปวะ มาลากกูลงไปให้แร้งการุมทึ้งทำไมก็ไม่รู้ ทั้งที่กูบอกแล้วว่าไม่อยากได้ นี่ถึงขั้นจะจับกูแต่งงานล่ะนะ หัวจะปวด!”

“โธ่ๆ น่าสงสารจัง อยากเกิดมารวยดีนัก ช่วยไม่ได้”

“อยากเป็นมึงจัง สลับตัวกับกูมะ เดี๋ยวไปอยู่กับคุณฟรังก์แทนมึงเอง ดีมั้ยครับคุณฟรังก์”

“คะ?” ฟรังก์ขานอย่างงุนงงเพราะกำลังจมจ่อมอยู่กับความคิดจนวินซ์หันมามอง

“ผมบอกว่าถ้าผมสลับตัวกับไอ้วินซ์ แล้วให้คุณมาอยู่กับผมแทนมั้ยครับ”

“อ่า… ไม่ดีกว่าค่ะ” ฟรังก์ยิ้มแหยก่อนจะก้มหน้าลงจิกเหล้าในแก้วอย่างครุ่นคิดบางอย่างจนกระทั่งถูกมือเย็นสัมผัสที่หัวไหล่เนี่ยแหละถึงได้เงยหน้าขึ้นมอง

“เป็นอะไรหรือเปล่า”

“เปล่า แค่อยากเข้าห้องน้ำน่ะ ขอตัวก่อนนะ”

ฟรังก์พูดแค่นั้น วางแก้วเหล้าแล้วเดินลงข้างล่างทันทีจนสองหนุ่มมองตามอย่างเป็นห่วง

“มึงทำอะไรน้องเขาก่อนมาป่ะวะ ดูสติสตังไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว”

“สงสัยจะกลัว…มั้ง” แววตาที่เธอมองเขาตอนอยู่ในห้องน้ำมันบอกแบบนั้น แววตาเหมือนกำลังเว้าวอนของให้เขาหยุด… เขาถึงเพิ่งรู้ตัวว่าเผลอใช้สัญชาตญาณดิบกับเธอ แล้วจริงๆ มันไม่ควรไปถึงขั้นนั้นด้วยซ้ำ ไม่จำเป็นเลย แต่ผมแค่หยุดตัวเองไม่ได้… เป็นครั้งแรกที่ไม่เป็นตัวของตัวเอง ขาดการควบคุมอย่างสิ้นเชิงเหมือนลุ่มหลงจนโงหัวไม่ขึ้น แต่หลังจากนั้นก็รู้สึกราวกับถูกกดหัวลงกับน้ำแล้วเงยหน้าขึ้นมาไม่ได้ อยู่ๆ ก็รู้สึกกลัวขึ้นมา กลัวจนอยากถอยห่าง

“กลัวอะไร… หรือว่า…”

“เออ กูเกือบปล้ำเขา มีปัญหาอะไรมั้ย”5

ฟิวส์ขาด

วินซ์พาเธอเดินผ่านผู้คนที่กำลังเต้นกันยั้วเยี้ยอยู่บนฟลอร์มายังบันไดเหล็กซึ่งทอดขึ้นไปยังชั้นลอย เธอเคยมาที่นี่กับพวกเพื่อนอยู่เลยพอรู้บ้างว่าชั้นลอยคือโซนวีไอพีที่จองยากมาก เพราะมีเพียงแค่สองโต๊ะเท่านั้น แม้จะเป็นผู้มีอิทธิพลเงินหนาอย่างแก้วรุ้งก็ยังจองไม่ได้เลย แต่นี่วินซ์กลับเดินขึ้นไปได้ง่ายดายโดยการ์ดที่เฝ้าบันไดอยู่เพียงเห็นเขาก็ค้อมศีรษะให้แล้วปลดโซ่กั้นปล่อยให้เขาเดินขึ้นมา

พอเดินขึ้นมาก็เห็นชุดโซฟาหนังบุชุดใหญ่ 2ชุดโดยมีโต๊ะกระจกวางอยู่ตรงกลางชุดหนึ่งวางอยู่ใกล้กับระเบียงที่มองไปยังด้านล่างได้ ส่วนอีกชุดหนึ่งวางอยู่ด้านในติดกับระเบียงอีกฝั่งแล้วมีทางเดิมแคบๆ เชื่อมไปยังห้องๆ หนึ่งซึ่งก็ไม่รู้ว่าห้องอะไร

“ไงวะ วินซ์”

ทันทีที่เขาปรากฎตัวขึ้นก็มีเสียงทักทายดังขึ้นมาเลย หันมองอีกทีก็พบผู้ชายผมยาวปะบ่าปัดขวาเผยให้เห็นเปียก้างปลาเล็กๆ สองสามเส้นที่ถูกทักอยู่ด้านข้าง เขายิ้มสดใสแต่พอเหลือบมาเห็นหญิงข้างตัวเพื่อนก็ถึงกับยกมือขึ้นปิดปาก แววตานั้นอยากรู้อยากเห็นอย่างเก็บอาการไม่อยู่

วินซ์เข้าไปนั่งโซฟาด้านในแล้วฟรังก์นั่งถัดลงมาซึ่งตรงข้ามกับผู้ชายหน้าตาหล่อหลาดูมีสกุลรุนชาติมากเพราะประโคมแบรนด์เนมทั้งตัว

“คนนี้เหรอ”

“อือ นี่ฟรังก์ ส่วนฟรังก์นั่นชิรันเพื่อนผม”

เขาแนะนำตัวเสียงเรียบนิ่ง ผิดกับชิรันที่ดูกระตือรือร้นมาก

“สวัสดีครับคุณฟรังก์ ผมได้ยินชื่อคุณมานานแล้ว ยินดีที่ได้เจอครับ” ฟรังก์ยื่นมือไปสัมผัสกับฝ่ามือนั้นก่อนที่เขาจะเขย่าอย่างยินดีจริงๆ ที่ได้เจอเธอ ถึงจะแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่เขาบอกว่าได้ยินชื่อเธอมานาน แต่เพราะเขาเป็นเพื่อน วินซ์คงจะไปเล่าอะไรให้เขาฟ้งบ้างนั่นแหละ แม้วินซ์จะไม่เคยพูดถึงเพื่อนคนไหนให้เธอฟังเลยก็ตาม

“ดื่มอะไรดีครับ เดี๋ยวผมชงให้”

“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฟรังก์จัดการเอง”

ระหว่างที่หญิงสาวกำลังง่วนกับการชงเหล้าให้วินซ์และของตัวเอง ชิรันก็เอนหน้าเข้าไปกระซิบกับเพื่อนแบบได้ยินกันสองคน

“เห็นเดินจับมือกันมา สำเร็จแล้วเหรอ”

“…” วินซ์เลือกจะเงียบแล้วไหวไหล่แทนคำตอบ

“เก่งเหมือนกันนี่หว่า แต่ทำไมหน้าเป็นตูดงั้นอ่ะ ไม่ดีใจเหรอ”

“เปล่า” ทันทีที่แก้วเหล้าถูกวางตรงหน้าเขาก็คว้าขึ้นมาดื่มอึกใหญ่

“ทำหน้าอย่างนี้ อย่าบอกนะว่า…”

เพราะรู้ว่าเพื่อนจะพูดอะไรจึงชิงพูดตัดหน้าก่อน

“แล้วไอ้ซีโร่กับครามอ่ะ” ชิรันมองหน้าเพื่อนเล็กน้อยก่อนจะยอมกลับไปนั่งที่แล้วตอบกลับอย่างเป็นธรรมชาติ

“อ่อไอ้ครามไม่ว่างสืบคดี ส่วนไอ้ซีโร่ก็ทำงาน เช็กสต็อก เดี๋ยวก็คงขึ้นมา”

“อือ งานยุ่งกันจริงๆ” พูดพลางยกแก้วขึ้นจรดปาก

“ใครเขาจะว่างเหมือนมึงละครับคุณชายวินซ์”

วินซ์หยักยิ้มมุมปาก “เดี๋ยวกูก็กะว่าจะไปช่วยงานแก๊งล่ะ”

“เออ เหมือนกูเลย ป๊าก็รบเร้าให้ไปช่วยดูแลบริษัทล่ะ อ่า กูเบื่อจัง อยากหนีไปให้ไกลๆ แล้วไม่ต้องกลับมาอีก”

“หึ เดี๋ยวป๊ามึงก็ส่งคนไปลากตัวกลับ ลูกชายคนเดียวของตระกูลหลักซะด้วยสิ”

“ป๊านั่นแหละบ้า มีคนในตระกูลอยากเป็นตั้งเยอะแยะไม่ให้เป็นไปวะ มาลากกูลงไปให้แร้งการุมทึ้งทำไมก็ไม่รู้ ทั้งที่กูบอกแล้วว่าไม่อยากได้ นี่ถึงขั้นจะจับกูแต่งงานล่ะนะ หัวจะปวด!”

“โธ่ๆ น่าสงสารจัง อยากเกิดมารวยดีนัก ช่วยไม่ได้”

“อยากเป็นมึงจัง สลับตัวกับกูมะ เดี๋ยวไปอยู่กับคุณฟรังก์แทนมึงเอง ดีมั้ยครับคุณฟรังก์”

“คะ?” ฟรังก์ขานอย่างงุนงงเพราะกำลังจมจ่อมอยู่กับความคิดจนวินซ์หันมามอง

“ผมบอกว่าถ้าผมสลับตัวกับไอ้วินซ์ แล้วให้คุณมาอยู่กับผมแทนมั้ยครับ”

“อ่า… ไม่ดีกว่าค่ะ” ฟรังก์ยิ้มแหยก่อนจะก้มหน้าลงจิกเหล้าในแก้วอย่างครุ่นคิดบางอย่างจนกระทั่งถูกมือเย็นสัมผัสที่หัวไหล่เนี่ยแหละถึงได้เงยหน้าขึ้นมอง

“เป็นอะไรหรือเปล่า”

“เปล่า แค่อยากเข้าห้องน้ำน่ะ ขอตัวก่อนนะ”

ฟรังก์พูดแค่นั้น วางแก้วเหล้าแล้วเดินลงข้างล่างทันทีจนสองหนุ่มมองตามอย่างเป็นห่วง

“มึงทำอะไรน้องเขาก่อนมาป่ะวะ ดูสติสตังไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว”

“สงสัยจะกลัว…มั้ง” แววตาที่เธอมองเขาตอนอยู่ในห้องน้ำมันบอกแบบนั้น แววตาเหมือนกำลังเว้าวอนของให้เขาหยุด… เขาถึงเพิ่งรู้ตัวว่าเผลอใช้สัญชาตญาณดิบกับเธอ แล้วจริงๆ มันไม่ควรไปถึงขั้นนั้นด้วยซ้ำ ไม่จำเป็นเลย แต่ผมแค่หยุดตัวเองไม่ได้… เป็นครั้งแรกที่ไม่เป็นตัวของตัวเอง ขาดการควบคุมอย่างสิ้นเชิงเหมือนลุ่มหลงจนโงหัวไม่ขึ้น แต่หลังจากนั้นก็รู้สึกราวกับถูกกดหัวลงกับน้ำแล้วเงยหน้าขึ้นมาไม่ได้ อยู่ๆ ก็รู้สึกกลัวขึ้นมา กลัวจนอยากถอยห่าง

“กลัวอะไร… หรือว่า…”

“เออ กูเกือบปล้ำเขา มีปัญหาอะไรมั้ย”5

ฟิวส์ขาด

วินซ์พาเธอเดินผ่านผู้คนที่กำลังเต้นกันยั้วเยี้ยอยู่บนฟลอร์มายังบันไดเหล็กซึ่งทอดขึ้นไปยังชั้นลอย เธอเคยมาที่นี่กับพวกเพื่อนอยู่เลยพอรู้บ้างว่าชั้นลอยคือโซนวีไอพีที่จองยากมาก เพราะมีเพียงแค่สองโต๊ะเท่านั้น แม้จะเป็นผู้มีอิทธิพลเงินหนาอย่างแก้วรุ้งก็ยังจองไม่ได้เลย แต่นี่วินซ์กลับเดินขึ้นไปได้ง่ายดายโดยการ์ดที่เฝ้าบันไดอยู่เพียงเห็นเขาก็ค้อมศีรษะให้แล้วปลดโซ่กั้นปล่อยให้เขาเดินขึ้นมา

พอเดินขึ้นมาก็เห็นชุดโซฟาหนังบุชุดใหญ่ 2ชุดโดยมีโต๊ะกระจกวางอยู่ตรงกลางชุดหนึ่งวางอยู่ใกล้กับระเบียงที่มองไปยังด้านล่างได้ ส่วนอีกชุดหนึ่งวางอยู่ด้านในติดกับระเบียงอีกฝั่งแล้วมีทางเดิมแคบๆ เชื่อมไปยังห้องๆ หนึ่งซึ่งก็ไม่รู้ว่าห้องอะไร

“ไงวะ วินซ์”

ทันทีที่เขาปรากฎตัวขึ้นก็มีเสียงทักทายดังขึ้นมาเลย หันมองอีกทีก็พบผู้ชายผมยาวปะบ่าปัดขวาเผยให้เห็นเปียก้างปลาเล็กๆ สองสามเส้นที่ถูกทักอยู่ด้านข้าง เขายิ้มสดใสแต่พอเหลือบมาเห็นหญิงข้างตัวเพื่อนก็ถึงกับยกมือขึ้นปิดปาก แววตานั้นอยากรู้อยากเห็นอย่างเก็บอาการไม่อยู่

วินซ์เข้าไปนั่งโซฟาด้านในแล้วฟรังก์นั่งถัดลงมาซึ่งตรงข้ามกับผู้ชายหน้าตาหล่อหลาดูมีสกุลรุนชาติมากเพราะประโคมแบรนด์เนมทั้งตัว

“คนนี้เหรอ”

“อือ นี่ฟรังก์ ส่วนฟรังก์นั่นชิรันเพื่อนผม”

เขาแนะนำตัวเสียงเรียบนิ่ง ผิดกับชิรันที่ดูกระตือรือร้นมาก

“สวัสดีครับคุณฟรังก์ ผมได้ยินชื่อคุณมานานแล้ว ยินดีที่ได้เจอครับ” ฟรังก์ยื่นมือไปสัมผัสกับฝ่ามือนั้นก่อนที่เขาจะเขย่าอย่างยินดีจริงๆ ที่ได้เจอเธอ ถึงจะแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่เขาบอกว่าได้ยินชื่อเธอมานาน แต่เพราะเขาเป็นเพื่อน วินซ์คงจะไปเล่าอะไรให้เขาฟ้งบ้างนั่นแหละ แม้วินซ์จะไม่เคยพูดถึงเพื่อนคนไหนให้เธอฟังเลยก็ตาม

“ดื่มอะไรดีครับ เดี๋ยวผมชงให้”

“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฟรังก์จัดการเอง”

ระหว่างที่หญิงสาวกำลังง่วนกับการชงเหล้าให้วินซ์และของตัวเอง ชิรันก็เอนหน้าเข้าไปกระซิบกับเพื่อนแบบได้ยินกันสองคน

“เห็นเดินจับมือกันมา สำเร็จแล้วเหรอ”

“…” วินซ์เลือกจะเงียบแล้วไหวไหล่แทนคำตอบ

“เก่งเหมือนกันนี่หว่า แต่ทำไมหน้าเป็นตูดงั้นอ่ะ ไม่ดีใจเหรอ”

“เปล่า” ทันทีที่แก้วเหล้าถูกวางตรงหน้าเขาก็คว้าขึ้นมาดื่มอึกใหญ่

“ทำหน้าอย่างนี้ อย่าบอกนะว่า…”

เพราะรู้ว่าเพื่อนจะพูดอะไรจึงชิงพูดตัดหน้าก่อน

“แล้วไอ้ซีโร่กับครามอ่ะ” ชิรันมองหน้าเพื่อนเล็กน้อยก่อนจะยอมกลับไปนั่งที่แล้วตอบกลับอย่างเป็นธรรมชาติ

“อ่อไอ้ครามไม่ว่างสืบคดี ส่วนไอ้ซีโร่ก็ทำงาน เช็กสต็อก เดี๋ยวก็คงขึ้นมา”

“อือ งานยุ่งกันจริงๆ” พูดพลางยกแก้วขึ้นจรดปาก

“ใครเขาจะว่างเหมือนมึงละครับคุณชายวินซ์”

วินซ์หยักยิ้มมุมปาก “เดี๋ยวกูก็กะว่าจะไปช่วยงานแก๊งล่ะ”

“เออ เหมือนกูเลย ป๊าก็รบเร้าให้ไปช่วยดูแลบริษัทล่ะ อ่า กูเบื่อจัง อยากหนีไปให้ไกลๆ แล้วไม่ต้องกลับมาอีก”

“หึ เดี๋ยวป๊ามึงก็ส่งคนไปลากตัวกลับ ลูกชายคนเดียวของตระกูลหลักซะด้วยสิ”

“ป๊านั่นแหละบ้า มีคนในตระกูลอยากเป็นตั้งเยอะแยะไม่ให้เป็นไปวะ มาลากกูลงไปให้แร้งการุมทึ้งทำไมก็ไม่รู้ ทั้งที่กูบอกแล้วว่าไม่อยากได้ นี่ถึงขั้นจะจับกูแต่งงานล่ะนะ หัวจะปวด!”

“โธ่ๆ น่าสงสารจัง อยากเกิดมารวยดีนัก ช่วยไม่ได้”

“อยากเป็นมึงจัง สลับตัวกับกูมะ เดี๋ยวไปอยู่กับคุณฟรังก์แทนมึงเอง ดีมั้ยครับคุณฟรังก์”

“คะ?” ฟรังก์ขานอย่างงุนงงเพราะกำลังจมจ่อมอยู่กับความคิดจนวินซ์หันมามอง

“ผมบอกว่าถ้าผมสลับตัวกับไอ้วินซ์ แล้วให้คุณมาอยู่กับผมแทนมั้ยครับ”

“อ่า… ไม่ดีกว่าค่ะ” ฟรังก์ยิ้มแหยก่อนจะก้มหน้าลงจิกเหล้าในแก้วอย่างครุ่นคิดบางอย่างจนกระทั่งถูกมือเย็นสัมผัสที่หัวไหล่เนี่ยแหละถึงได้เงยหน้าขึ้นมอง

“เป็นอะไรหรือเปล่า”

“เปล่า แค่อยากเข้าห้องน้ำน่ะ ขอตัวก่อนนะ”

ฟรังก์พูดแค่นั้น วางแก้วเหล้าแล้วเดินลงข้างล่างทันทีจนสองหนุ่มมองตามอย่างเป็นห่วง

“มึงทำอะไรน้องเขาก่อนมาป่ะวะ ดูสติสตังไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว”

“สงสัยจะกลัว…มั้ง” แววตาที่เธอมองเขาตอนอยู่ในห้องน้ำมันบอกแบบนั้น แววตาเหมือนกำลังเว้าวอนของให้เขาหยุด… เขาถึงเพิ่งรู้ตัวว่าเผลอใช้สัญชาตญาณดิบกับเธอ แล้วจริงๆ มันไม่ควรไปถึงขั้นนั้นด้วยซ้ำ ไม่จำเป็นเลย แต่ผมแค่หยุดตัวเองไม่ได้… เป็นครั้งแรกที่ไม่เป็นตัวของตัวเอง ขาดการควบคุมอย่างสิ้นเชิงเหมือนลุ่มหลงจนโงหัวไม่ขึ้น แต่หลังจากนั้นก็รู้สึกราวกับถูกกดหัวลงกับน้ำแล้วเงยหน้าขึ้นมาไม่ได้ อยู่ๆ ก็รู้สึกกลัวขึ้นมา กลัวจนอยากถอยห่าง

“กลัวอะไร… หรือว่า…”

“เออ กูเกือบปล้ำเขา มีปัญหาอะไรมั้ย”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel