chapter 4 ขอร้องล่ะ (จบตอน)
ตึง!
ร่างของเธอถูกเหวี่ยงเข้ากับผนังห้องน้ำข้างประตูแต่ไม่รู้สึกเจ็บเพราะแขนข้างที่กอดรัดกันเป็นตัวรับน้ำหนักเอาไว้ ฟรังก์มองหน้าวินซ์ที่กำลังใช้ลิ้นเลียขอบปากซึ่งครีมโกนหนวดเลอะขึ้นไปยันแก้มแต่เจ้าตัวกลับไม่สนใจเลย เขาใช้ฝ่ามือค่อยๆ เขี่ยปอยผมขึ้นไปทัดหูให้เธออย่างแผ่วเบา แต่ไม่รู้ทำไมอยู่ๆ ผิวหนังก็เกิดอ่อนไหวขึ้นมาทุกที่ที่โดนเขาสัมผัสพลันร้อนฉ่าแม้จะเพียงนิดก็ตาม
“ทำไมเธอสวยจัง…” ริมฝีปากนั้นคลี่ยิ้มมุมปาก แววตาคู่นั้นก้มลงมาสบประสานกัน มันเต็มไปด้วยความปรารถนาระคนหลงใหลอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
“วินซ์…”
“อยากได้จัง…” น้ำเสียงเว้าวอนนั้นแหบพร่าก่อนที่ประโยคต่อมาจะทำเธอเกือบสิ้นสติ “…ขอได้มั้ย”
“…”
“ให้ผมเป็นเจ้าของคุณได้หรือเปล่า…”
“…”
ร่างบางสั่นเทา ใบหน้าหล่อเหลาที่แสนคุ้นเคยค่อยๆ โน้มลงมาขบเม้มใบหู อยู่ๆ ความกลัวจากไหนไม่รู้ถาโถมเข้าใส่ตัวเธอ กลัวทั้งที่เขาก็ไม่ได้มีท่าทีคุกครามใดๆ กลัวทั้งที่ผู้ชายตรงหน้าคือผู้ชายคนเดิม…ที่รู้สึกไม่เหมือนเดิม
“แล้วผมจะดูแลอย่างดีเลย…”
“แล้วผมจะดูแลอย่างดีเลย…”
“…”
ฟรังก์เม้มริมฝีปากแน่นจนกลายเป็นเส้นตรงทันทีที่ริมฝีปากลากไล้ลงมาจนถึงต้นคอแต่ก่อนที่จะได้ทำอะไรไปมากกว่านั้น เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะซะก่อน
Rrr Rrr Rrr
เขาชะงักครู่หนึ่งแต่ก็ยังค้างอยู่ท่าเดิม
“ระ…รับโทรศัพท์ก่อนมั้ย”
…ได้โปรด
วินซ์เงยหน้าขึ้นมาสบตาเธออีกครั้ง ฟรังก์ไม่แน่ใจว่าเผลอมองเขาด้วยสายตาแบบไหน เพราะอยู่ๆ แววตาคู่นั้นก็วูบไหวก่อนจะผละออกไปรับโทรศัพท์ในห้องนั่งเล่น เมื่อหลุดออกจากพันธนาการของมัจจุราช เธอก็แทบทรุดแต่ก็ต้องขืนฝืนยืนเอาไว้
วินซ์ยกมือขึ้นลูบหน้าสองสามทีเพื่อเรียกสติแล้วกดรับสาย
“ไง…อือ…เดี๋ยวออกไป”
เวลาคุยโทรศัพท์เขามักประหยัดคำเสมอเหมือนขี้เกียจจะคุยหรือไม่ชอบคุยโทรศัพท์ หลังจากกดตัดสายเขานิ่งไปครู่ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองฟรังก์ แววตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความสับสนเหมือนมีตัวเขาสองคนกำลังตีกันในหัว
“ฟรังก์…”
“คะ คะ?” คนถูกเรียกขานรับอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“อาบน้ำแต่งตัวเถอะ เราจะไปพาเพื่อนผมกัน”
“ฮะ?”
“ใส่ชุดที่ผมซื้อให้นะ ผมก็จะใส่เสื้อที่คุณซื้อให้เหมือนกัน” ใบหน้ายิ้มแต่ดูอิดโรยนั้นคืออะไรน่ะ
“อ๋อ… ค่ะ” แต่เธอก็ไม่ได้ถามออกไป แล้วเดินเข้าห้องนอนเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบเสื้อไหมพรมแขนยาวFendiกับกางเกงยีนส์วิ่งเข้าไปในห้องน้ำทันที
วินซ์ทำตามที่พูดเขาใส่สเว็ตเตอร์สีดำลายซิกเนเจอร์ของแบรนด์fendiลายเดียวกับฟรังก์ถึงจะเป็นคนละสีกัน แต่มันก็ดูเหมือนเสื้อคู่และนั่นทำให้หัวใจของฟรังก์วูบไหว แม้ว่าตั้งแต่ออกจากบ้านมาเขาจะไม่ยอมพูดยอมจาเลยเพียงแค่ขับรถออกมาเงียบๆ เงียบจนเธอไม่กล้าถามว่าเขาเป็นอะไรจนกระทั่งรถคันหรูจอดลงที่หน้าผับดังย่านทองหล่อ
A LAB นั่นคือชื่อผับดังกล่าว…
เขาเดินลงจากรถโดยไม่รอเธอเลย แอบใจเสียเหมือนกันนะทั้งที่ก่อนหน้านี้เขามักจะเป็นคนปลดเบทส์ให้เสมอ ฟรังก์สลัดหัวให้สมองโปร่งก่อนจะรีบปลดเบทล์แล้ววิ่งลงจากรถไปยืนข้างเขา ถ้าเป็นปกติเขาต้องดึงมือฉันไปจับแล้วจูงให้เดินไปพร้อมกัน อย่าว่าแต่จะจูงมือเลยนาทีนี้เขาไม่หันมามองกันด้วยซ้ำ
ฟรังก์ยืนมองแผ่นหลังนั้นห่างออกไป แผ่นหลังของวินซ์ผู้อ่อนโยนถูกแทนที่ด้วยภาพวินซ์คนเดิมที่โมโหร้าย เฉยเมย…
อยู่ๆ ก็รู้สึกถึงลมวูบหนึ่งที่พัดผ่านมาทำให้หนาวเหน็บไปถึงขั้วกระดูก
กลับไปเป็นคนเดิมแล้วเหรอ…
นั่นสินะ เธอกำลังหวังอะไรอยู่เหรอ หวังให้วินซ์ตัวตนใหม่ที่เธอเพิ่งได้สัมผัสแค่ไม่กี่วัน คนที่ทำให้เธอตกหลุมรักเป็นแบบนี้ไปตลอดเหรอ… ถึงธรรมชาติของมนุษย์แม้จะยอมเปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่สุดท้ายก็ต้องกลับมาเป็นคนเดิมอยู่ดี… มันคือสัจธรรม
“ฟรังก์”
“คะ?”
“ยืนทำอะไรอยู่ ตามมาสิ”
หวังว่าข้างนอกนี่คงมืดพอจะทำให้เขาไม่เห็นน้ำตาของเธอนะ…
“โอเค ไปแล้วๆ”
ฟรังก์ใช้จังหวะที่เขาหันหลังกลับไปใช้หลังมือเช็ดน้ำตาออกลวกๆ แล้ววิ่งไปกอดแขนเขาพลางกุมกระชับฝ่ามือเย็นเชียบนั่นเอาไว้แน่น
ถึงจะคิดได้แบบนั้น แต่เธอก็อยากเก็บโมเม้นต์ความสุขเอาไว้ให้ได้มากที่สุด…
วินซ์ก้มลงมองหญิงสาวเพียงเล็กน้อยก่อนจะยกมือขึ้นลูบหัวเธอเบาๆ เบาจนเธอแม้ไม่สามารถสัมผัสความอบอุ่นที่เคยส่งผ่านจากฝ่ามือนั้น
ขอร้องเถอะ อย่ากลับไปเป็นคนเดิมเลยนะ…
ตึง!
ร่างของเธอถูกเหวี่ยงเข้ากับผนังห้องน้ำข้างประตูแต่ไม่รู้สึกเจ็บเพราะแขนข้างที่กอดรัดกันเป็นตัวรับน้ำหนักเอาไว้ ฟรังก์มองหน้าวินซ์ที่กำลังใช้ลิ้นเลียขอบปากซึ่งครีมโกนหนวดเลอะขึ้นไปยันแก้มแต่เจ้าตัวกลับไม่สนใจเลย เขาใช้ฝ่ามือค่อยๆ เขี่ยปอยผมขึ้นไปทัดหูให้เธออย่างแผ่วเบา แต่ไม่รู้ทำไมอยู่ๆ ผิวหนังก็เกิดอ่อนไหวขึ้นมาทุกที่ที่โดนเขาสัมผัสพลันร้อนฉ่าแม้จะเพียงนิดก็ตาม
“ทำไมเธอสวยจัง…” ริมฝีปากนั้นคลี่ยิ้มมุมปาก แววตาคู่นั้นก้มลงมาสบประสานกัน มันเต็มไปด้วยความปรารถนาระคนหลงใหลอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
“วินซ์…”
“อยากได้จัง…” น้ำเสียงเว้าวอนนั้นแหบพร่าก่อนที่ประโยคต่อมาจะทำเธอเกือบสิ้นสติ “…ขอได้มั้ย”
“…”
“ให้ผมเป็นเจ้าของคุณได้หรือเปล่า…”
“…”
ร่างบางสั่นเทา ใบหน้าหล่อเหลาที่แสนคุ้นเคยค่อยๆ โน้มลงมาขบเม้มใบหู อยู่ๆ ความกลัวจากไหนไม่รู้ถาโถมเข้าใส่ตัวเธอ กลัวทั้งที่เขาก็ไม่ได้มีท่าทีคุกครามใดๆ กลัวทั้งที่ผู้ชายตรงหน้าคือผู้ชายคนเดิม…ที่รู้สึกไม่เหมือนเดิม
“แล้วผมจะดูแลอย่างดีเลย…”
“แล้วผมจะดูแลอย่างดีเลย…”
“…”
ฟรังก์เม้มริมฝีปากแน่นจนกลายเป็นเส้นตรงทันทีที่ริมฝีปากลากไล้ลงมาจนถึงต้นคอแต่ก่อนที่จะได้ทำอะไรไปมากกว่านั้น เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะซะก่อน
Rrr Rrr Rrr
เขาชะงักครู่หนึ่งแต่ก็ยังค้างอยู่ท่าเดิม
“ระ…รับโทรศัพท์ก่อนมั้ย”
…ได้โปรด
วินซ์เงยหน้าขึ้นมาสบตาเธออีกครั้ง ฟรังก์ไม่แน่ใจว่าเผลอมองเขาด้วยสายตาแบบไหน เพราะอยู่ๆ แววตาคู่นั้นก็วูบไหวก่อนจะผละออกไปรับโทรศัพท์ในห้องนั่งเล่น เมื่อหลุดออกจากพันธนาการของมัจจุราช เธอก็แทบทรุดแต่ก็ต้องขืนฝืนยืนเอาไว้
วินซ์ยกมือขึ้นลูบหน้าสองสามทีเพื่อเรียกสติแล้วกดรับสาย
“ไง…อือ…เดี๋ยวออกไป”
เวลาคุยโทรศัพท์เขามักประหยัดคำเสมอเหมือนขี้เกียจจะคุยหรือไม่ชอบคุยโทรศัพท์ หลังจากกดตัดสายเขานิ่งไปครู่ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองฟรังก์ แววตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความสับสนเหมือนมีตัวเขาสองคนกำลังตีกันในหัว
“ฟรังก์…”
“คะ คะ?” คนถูกเรียกขานรับอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“อาบน้ำแต่งตัวเถอะ เราจะไปพาเพื่อนผมกัน”
“ฮะ?”
“ใส่ชุดที่ผมซื้อให้นะ ผมก็จะใส่เสื้อที่คุณซื้อให้เหมือนกัน” ใบหน้ายิ้มแต่ดูอิดโรยนั้นคืออะไรน่ะ
“อ๋อ… ค่ะ” แต่เธอก็ไม่ได้ถามออกไป แล้วเดินเข้าห้องนอนเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบเสื้อไหมพรมแขนยาวFendiกับกางเกงยีนส์วิ่งเข้าไปในห้องน้ำทันที
วินซ์ทำตามที่พูดเขาใส่สเว็ตเตอร์สีดำลายซิกเนเจอร์ของแบรนด์fendiลายเดียวกับฟรังก์ถึงจะเป็นคนละสีกัน แต่มันก็ดูเหมือนเสื้อคู่และนั่นทำให้หัวใจของฟรังก์วูบไหว แม้ว่าตั้งแต่ออกจากบ้านมาเขาจะไม่ยอมพูดยอมจาเลยเพียงแค่ขับรถออกมาเงียบๆ เงียบจนเธอไม่กล้าถามว่าเขาเป็นอะไรจนกระทั่งรถคันหรูจอดลงที่หน้าผับดังย่านทองหล่อ
A LAB นั่นคือชื่อผับดังกล่าว…
เขาเดินลงจากรถโดยไม่รอเธอเลย แอบใจเสียเหมือนกันนะทั้งที่ก่อนหน้านี้เขามักจะเป็นคนปลดเบทส์ให้เสมอ ฟรังก์สลัดหัวให้สมองโปร่งก่อนจะรีบปลดเบทล์แล้ววิ่งลงจากรถไปยืนข้างเขา ถ้าเป็นปกติเขาต้องดึงมือฉันไปจับแล้วจูงให้เดินไปพร้อมกัน อย่าว่าแต่จะจูงมือเลยนาทีนี้เขาไม่หันมามองกันด้วยซ้ำ
ฟรังก์ยืนมองแผ่นหลังนั้นห่างออกไป แผ่นหลังของวินซ์ผู้อ่อนโยนถูกแทนที่ด้วยภาพวินซ์คนเดิมที่โมโหร้าย เฉยเมย…
อยู่ๆ ก็รู้สึกถึงลมวูบหนึ่งที่พัดผ่านมาทำให้หนาวเหน็บไปถึงขั้วกระดูก
กลับไปเป็นคนเดิมแล้วเหรอ…
นั่นสินะ เธอกำลังหวังอะไรอยู่เหรอ หวังให้วินซ์ตัวตนใหม่ที่เธอเพิ่งได้สัมผัสแค่ไม่กี่วัน คนที่ทำให้เธอตกหลุมรักเป็นแบบนี้ไปตลอดเหรอ… ถึงธรรมชาติของมนุษย์แม้จะยอมเปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่สุดท้ายก็ต้องกลับมาเป็นคนเดิมอยู่ดี… มันคือสัจธรรม
“ฟรังก์”
“คะ?”
“ยืนทำอะไรอยู่ ตามมาสิ”
หวังว่าข้างนอกนี่คงมืดพอจะทำให้เขาไม่เห็นน้ำตาของเธอนะ…
“โอเค ไปแล้วๆ”
ฟรังก์ใช้จังหวะที่เขาหันหลังกลับไปใช้หลังมือเช็ดน้ำตาออกลวกๆ แล้ววิ่งไปกอดแขนเขาพลางกุมกระชับฝ่ามือเย็นเชียบนั่นเอาไว้แน่น
ถึงจะคิดได้แบบนั้น แต่เธอก็อยากเก็บโมเม้นต์ความสุขเอาไว้ให้ได้มากที่สุด…
วินซ์ก้มลงมองหญิงสาวเพียงเล็กน้อยก่อนจะยกมือขึ้นลูบหัวเธอเบาๆ เบาจนเธอแม้ไม่สามารถสัมผัสความอบอุ่นที่เคยส่งผ่านจากฝ่ามือนั้น
ขอร้องเถอะ อย่ากลับไปเป็นคนเดิมเลยนะ…ตึง!
ร่างของเธอถูกเหวี่ยงเข้ากับผนังห้องน้ำข้างประตูแต่ไม่รู้สึกเจ็บเพราะแขนข้างที่กอดรัดกันเป็นตัวรับน้ำหนักเอาไว้ ฟรังก์มองหน้าวินซ์ที่กำลังใช้ลิ้นเลียขอบปากซึ่งครีมโกนหนวดเลอะขึ้นไปยันแก้มแต่เจ้าตัวกลับไม่สนใจเลย เขาใช้ฝ่ามือค่อยๆ เขี่ยปอยผมขึ้นไปทัดหูให้เธออย่างแผ่วเบา แต่ไม่รู้ทำไมอยู่ๆ ผิวหนังก็เกิดอ่อนไหวขึ้นมาทุกที่ที่โดนเขาสัมผัสพลันร้อนฉ่าแม้จะเพียงนิดก็ตาม
“ทำไมเธอสวยจัง…” ริมฝีปากนั้นคลี่ยิ้มมุมปาก แววตาคู่นั้นก้มลงมาสบประสานกัน มันเต็มไปด้วยความปรารถนาระคนหลงใหลอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
“วินซ์…”
“อยากได้จัง…” น้ำเสียงเว้าวอนนั้นแหบพร่าก่อนที่ประโยคต่อมาจะทำเธอเกือบสิ้นสติ “…ขอได้มั้ย”
“…”
“ให้ผมเป็นเจ้าของคุณได้หรือเปล่า…”
“…”
ร่างบางสั่นเทา ใบหน้าหล่อเหลาที่แสนคุ้นเคยค่อยๆ โน้มลงมาขบเม้มใบหู อยู่ๆ ความกลัวจากไหนไม่รู้ถาโถมเข้าใส่ตัวเธอ กลัวทั้งที่เขาก็ไม่ได้มีท่าทีคุกครามใดๆ กลัวทั้งที่ผู้ชายตรงหน้าคือผู้ชายคนเดิม…ที่รู้สึกไม่เหมือนเดิม
“แล้วผมจะดูแลอย่างดีเลย…”
“แล้วผมจะดูแลอย่างดีเลย…”
“…”
ฟรังก์เม้มริมฝีปากแน่นจนกลายเป็นเส้นตรงทันทีที่ริมฝีปากลากไล้ลงมาจนถึงต้นคอแต่ก่อนที่จะได้ทำอะไรไปมากกว่านั้น เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะซะก่อน
Rrr Rrr Rrr
เขาชะงักครู่หนึ่งแต่ก็ยังค้างอยู่ท่าเดิม
“ระ…รับโทรศัพท์ก่อนมั้ย”
…ได้โปรด
วินซ์เงยหน้าขึ้นมาสบตาเธออีกครั้ง ฟรังก์ไม่แน่ใจว่าเผลอมองเขาด้วยสายตาแบบไหน เพราะอยู่ๆ แววตาคู่นั้นก็วูบไหวก่อนจะผละออกไปรับโทรศัพท์ในห้องนั่งเล่น เมื่อหลุดออกจากพันธนาการของมัจจุราช เธอก็แทบทรุดแต่ก็ต้องขืนฝืนยืนเอาไว้
วินซ์ยกมือขึ้นลูบหน้าสองสามทีเพื่อเรียกสติแล้วกดรับสาย
“ไง…อือ…เดี๋ยวออกไป”
เวลาคุยโทรศัพท์เขามักประหยัดคำเสมอเหมือนขี้เกียจจะคุยหรือไม่ชอบคุยโทรศัพท์ หลังจากกดตัดสายเขานิ่งไปครู่ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองฟรังก์ แววตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความสับสนเหมือนมีตัวเขาสองคนกำลังตีกันในหัว
“ฟรังก์…”
“คะ คะ?” คนถูกเรียกขานรับอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“อาบน้ำแต่งตัวเถอะ เราจะไปพาเพื่อนผมกัน”
“ฮะ?”
“ใส่ชุดที่ผมซื้อให้นะ ผมก็จะใส่เสื้อที่คุณซื้อให้เหมือนกัน” ใบหน้ายิ้มแต่ดูอิดโรยนั้นคืออะไรน่ะ
“อ๋อ… ค่ะ” แต่เธอก็ไม่ได้ถามออกไป แล้วเดินเข้าห้องนอนเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบเสื้อไหมพรมแขนยาวFendiกับกางเกงยีนส์วิ่งเข้าไปในห้องน้ำทันที
วินซ์ทำตามที่พูดเขาใส่สเว็ตเตอร์สีดำลายซิกเนเจอร์ของแบรนด์fendiลายเดียวกับฟรังก์ถึงจะเป็นคนละสีกัน แต่มันก็ดูเหมือนเสื้อคู่และนั่นทำให้หัวใจของฟรังก์วูบไหว แม้ว่าตั้งแต่ออกจากบ้านมาเขาจะไม่ยอมพูดยอมจาเลยเพียงแค่ขับรถออกมาเงียบๆ เงียบจนเธอไม่กล้าถามว่าเขาเป็นอะไรจนกระทั่งรถคันหรูจอดลงที่หน้าผับดังย่านทองหล่อ
A LAB นั่นคือชื่อผับดังกล่าว…
เขาเดินลงจากรถโดยไม่รอเธอเลย แอบใจเสียเหมือนกันนะทั้งที่ก่อนหน้านี้เขามักจะเป็นคนปลดเบทส์ให้เสมอ ฟรังก์สลัดหัวให้สมองโปร่งก่อนจะรีบปลดเบทล์แล้ววิ่งลงจากรถไปยืนข้างเขา ถ้าเป็นปกติเขาต้องดึงมือฉันไปจับแล้วจูงให้เดินไปพร้อมกัน อย่าว่าแต่จะจูงมือเลยนาทีนี้เขาไม่หันมามองกันด้วยซ้ำ
ฟรังก์ยืนมองแผ่นหลังนั้นห่างออกไป แผ่นหลังของวินซ์ผู้อ่อนโยนถูกแทนที่ด้วยภาพวินซ์คนเดิมที่โมโหร้าย เฉยเมย…
อยู่ๆ ก็รู้สึกถึงลมวูบหนึ่งที่พัดผ่านมาทำให้หนาวเหน็บไปถึงขั้วกระดูก
กลับไปเป็นคนเดิมแล้วเหรอ…
นั่นสินะ เธอกำลังหวังอะไรอยู่เหรอ หวังให้วินซ์ตัวตนใหม่ที่เธอเพิ่งได้สัมผัสแค่ไม่กี่วัน คนที่ทำให้เธอตกหลุมรักเป็นแบบนี้ไปตลอดเหรอ… ถึงธรรมชาติของมนุษย์แม้จะยอมเปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่สุดท้ายก็ต้องกลับมาเป็นคนเดิมอยู่ดี… มันคือสัจธรรม
“ฟรังก์”
“คะ?”
“ยืนทำอะไรอยู่ ตามมาสิ”
หวังว่าข้างนอกนี่คงมืดพอจะทำให้เขาไม่เห็นน้ำตาของเธอนะ…
“โอเค ไปแล้วๆ”
ฟรังก์ใช้จังหวะที่เขาหันหลังกลับไปใช้หลังมือเช็ดน้ำตาออกลวกๆ แล้ววิ่งไปกอดแขนเขาพลางกุมกระชับฝ่ามือเย็นเชียบนั่นเอาไว้แน่น
ถึงจะคิดได้แบบนั้น แต่เธอก็อยากเก็บโมเม้นต์ความสุขเอาไว้ให้ได้มากที่สุด…
วินซ์ก้มลงมองหญิงสาวเพียงเล็กน้อยก่อนจะยกมือขึ้นลูบหัวเธอเบาๆ เบาจนเธอแม้ไม่สามารถสัมผัสความอบอุ่นที่เคยส่งผ่านจากฝ่ามือนั้น
ขอร้องเถอะ อย่ากลับไปเป็นคนเดิมเลยนะ…
ตึง!
ร่างของเธอถูกเหวี่ยงเข้ากับผนังห้องน้ำข้างประตูแต่ไม่รู้สึกเจ็บเพราะแขนข้างที่กอดรัดกันเป็นตัวรับน้ำหนักเอาไว้ ฟรังก์มองหน้าวินซ์ที่กำลังใช้ลิ้นเลียขอบปากซึ่งครีมโกนหนวดเลอะขึ้นไปยันแก้มแต่เจ้าตัวกลับไม่สนใจเลย เขาใช้ฝ่ามือค่อยๆ เขี่ยปอยผมขึ้นไปทัดหูให้เธออย่างแผ่วเบา แต่ไม่รู้ทำไมอยู่ๆ ผิวหนังก็เกิดอ่อนไหวขึ้นมาทุกที่ที่โดนเขาสัมผัสพลันร้อนฉ่าแม้จะเพียงนิดก็ตาม
“ทำไมเธอสวยจัง…” ริมฝีปากนั้นคลี่ยิ้มมุมปาก แววตาคู่นั้นก้มลงมาสบประสานกัน มันเต็มไปด้วยความปรารถนาระคนหลงใหลอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
“วินซ์…”
“อยากได้จัง…” น้ำเสียงเว้าวอนนั้นแหบพร่าก่อนที่ประโยคต่อมาจะทำเธอเกือบสิ้นสติ “…ขอได้มั้ย”
“…”
“ให้ผมเป็นเจ้าของคุณได้หรือเปล่า…”
“…”
ร่างบางสั่นเทา ใบหน้าหล่อเหลาที่แสนคุ้นเคยค่อยๆ โน้มลงมาขบเม้มใบหู อยู่ๆ ความกลัวจากไหนไม่รู้ถาโถมเข้าใส่ตัวเธอ กลัวทั้งที่เขาก็ไม่ได้มีท่าทีคุกครามใดๆ กลัวทั้งที่ผู้ชายตรงหน้าคือผู้ชายคนเดิม…ที่รู้สึกไม่เหมือนเดิม
“แล้วผมจะดูแลอย่างดีเลย…”
“แล้วผมจะดูแลอย่างดีเลย…”
“…”
ฟรังก์เม้มริมฝีปากแน่นจนกลายเป็นเส้นตรงทันทีที่ริมฝีปากลากไล้ลงมาจนถึงต้นคอแต่ก่อนที่จะได้ทำอะไรไปมากกว่านั้น เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะซะก่อน
Rrr Rrr Rrr
เขาชะงักครู่หนึ่งแต่ก็ยังค้างอยู่ท่าเดิม
“ระ…รับโทรศัพท์ก่อนมั้ย”
…ได้โปรด
วินซ์เงยหน้าขึ้นมาสบตาเธออีกครั้ง ฟรังก์ไม่แน่ใจว่าเผลอมองเขาด้วยสายตาแบบไหน เพราะอยู่ๆ แววตาคู่นั้นก็วูบไหวก่อนจะผละออกไปรับโทรศัพท์ในห้องนั่งเล่น เมื่อหลุดออกจากพันธนาการของมัจจุราช เธอก็แทบทรุดแต่ก็ต้องขืนฝืนยืนเอาไว้
วินซ์ยกมือขึ้นลูบหน้าสองสามทีเพื่อเรียกสติแล้วกดรับสาย
“ไง…อือ…เดี๋ยวออกไป”
เวลาคุยโทรศัพท์เขามักประหยัดคำเสมอเหมือนขี้เกียจจะคุยหรือไม่ชอบคุยโทรศัพท์ หลังจากกดตัดสายเขานิ่งไปครู่ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองฟรังก์ แววตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความสับสนเหมือนมีตัวเขาสองคนกำลังตีกันในหัว
“ฟรังก์…”
“คะ คะ?” คนถูกเรียกขานรับอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“อาบน้ำแต่งตัวเถอะ เราจะไปพาเพื่อนผมกัน”
“ฮะ?”
“ใส่ชุดที่ผมซื้อให้นะ ผมก็จะใส่เสื้อที่คุณซื้อให้เหมือนกัน” ใบหน้ายิ้มแต่ดูอิดโรยนั้นคืออะไรน่ะ
“อ๋อ… ค่ะ” แต่เธอก็ไม่ได้ถามออกไป แล้วเดินเข้าห้องนอนเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบเสื้อไหมพรมแขนยาวFendiกับกางเกงยีนส์วิ่งเข้าไปในห้องน้ำทันที
วินซ์ทำตามที่พูดเขาใส่สเว็ตเตอร์สีดำลายซิกเนเจอร์ของแบรนด์fendiลายเดียวกับฟรังก์ถึงจะเป็นคนละสีกัน แต่มันก็ดูเหมือนเสื้อคู่และนั่นทำให้หัวใจของฟรังก์วูบไหว แม้ว่าตั้งแต่ออกจากบ้านมาเขาจะไม่ยอมพูดยอมจาเลยเพียงแค่ขับรถออกมาเงียบๆ เงียบจนเธอไม่กล้าถามว่าเขาเป็นอะไรจนกระทั่งรถคันหรูจอดลงที่หน้าผับดังย่านทองหล่อ
A LAB นั่นคือชื่อผับดังกล่าว…
เขาเดินลงจากรถโดยไม่รอเธอเลย แอบใจเสียเหมือนกันนะทั้งที่ก่อนหน้านี้เขามักจะเป็นคนปลดเบทส์ให้เสมอ ฟรังก์สลัดหัวให้สมองโปร่งก่อนจะรีบปลดเบทล์แล้ววิ่งลงจากรถไปยืนข้างเขา ถ้าเป็นปกติเขาต้องดึงมือฉันไปจับแล้วจูงให้เดินไปพร้อมกัน อย่าว่าแต่จะจูงมือเลยนาทีนี้เขาไม่หันมามองกันด้วยซ้ำ
ฟรังก์ยืนมองแผ่นหลังนั้นห่างออกไป แผ่นหลังของวินซ์ผู้อ่อนโยนถูกแทนที่ด้วยภาพวินซ์คนเดิมที่โมโหร้าย เฉยเมย…
อยู่ๆ ก็รู้สึกถึงลมวูบหนึ่งที่พัดผ่านมาทำให้หนาวเหน็บไปถึงขั้วกระดูก
กลับไปเป็นคนเดิมแล้วเหรอ…
นั่นสินะ เธอกำลังหวังอะไรอยู่เหรอ หวังให้วินซ์ตัวตนใหม่ที่เธอเพิ่งได้สัมผัสแค่ไม่กี่วัน คนที่ทำให้เธอตกหลุมรักเป็นแบบนี้ไปตลอดเหรอ… ถึงธรรมชาติของมนุษย์แม้จะยอมเปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่สุดท้ายก็ต้องกลับมาเป็นคนเดิมอยู่ดี… มันคือสัจธรรม
“ฟรังก์”
“คะ?”
“ยืนทำอะไรอยู่ ตามมาสิ”
หวังว่าข้างนอกนี่คงมืดพอจะทำให้เขาไม่เห็นน้ำตาของเธอนะ…
“โอเค ไปแล้วๆ”
ฟรังก์ใช้จังหวะที่เขาหันหลังกลับไปใช้หลังมือเช็ดน้ำตาออกลวกๆ แล้ววิ่งไปกอดแขนเขาพลางกุมกระชับฝ่ามือเย็นเชียบนั่นเอาไว้แน่น
ถึงจะคิดได้แบบนั้น แต่เธอก็อยากเก็บโมเม้นต์ความสุขเอาไว้ให้ได้มากที่สุด…
วินซ์ก้มลงมองหญิงสาวเพียงเล็กน้อยก่อนจะยกมือขึ้นลูบหัวเธอเบาๆ เบาจนเธอแม้ไม่สามารถสัมผัสความอบอุ่นที่เคยส่งผ่านจากฝ่ามือนั้น
ขอร้องเถอะ อย่ากลับไปเป็นคนเดิมเลยนะ…
