chapter 3 สายตาคู่นั้นที่คอยมองฉัน (2)
“นี่คงไม่ได้รอให้ฉันเปิดให้อยู่ใช่มั้ย” เจ้าของรอยยิ้มกรุ้มกริ่มที่กำลังจะเดินอ้อมกลับมาเปิดประตูรถให้ถาม ได้ยินแบบนั้นเธอก็รีบร้องห้ามแล้วเปิดประตูรถฝั่งผู้โดยสารทันที
“ใช่ที่ไหนล่ะ”
พอเข้ามานั่งในรถได้ก็นิ่งงันไปเลย รู้สึกแปลกๆ แฮะ เพราะไม่เคยนั่งรถไปไหนมาไหนด้วยกันมาก่อนก็เลยรู้สึกปั่นป่วนในท้องพิกล แต่ยังไม่ทันได้เรียกสติกลับมาเลย ผู้ชายข้างตัวก็เอี้ยวตัวเข้ามาใกล้ เล่นเอาตกใจตัวแข็งทื่อ เผลอเม้มปากแน่นจนลืมหายใจ
คลิ๊ก
เสียงเหมือนบางอย่างลงล็อก ทำให้สติที่เตลิดกลับมาเข้าที่แต่เพราะเขายังคงค้างท่าเสียบเข็มขัดนิรภัยอยู่ ใบหน้าเราจึงอยู่ใกล้กันแค่คืบ การสบตากันในระยะประชิดแบบนี้ไม่น่าอภิรมย์เลย ยิ่งริมฝีปากหยักลึกเหยียดยิ้มเหมือนรู้เท่าทันความคิด อยู่ๆ ใบหน้าก็เห่อร้อนขึ้นมา แต่ต้องกลั้นใจพูดออกไป
“จะอยู่ท่านี้อีกนานมั้ย”
“หึ…” ทิ้งเสียงหัวเราะเอาไว้แล้วก็กลับไปนั่งประจำที่คนขับแล้วสตาร์ทรถ ฟรังก์เบนหน้าออกนอกหน้าต่างก่อนลอบระบายลมหายใจ แต่หัวใจก็ยังเต้นผิดจังหวะอยู่เลย ให้ตายเถอะ จู่ๆ ก็รู้สึกไม่ปลอดภัยขึ้นมา
เขาในตอนนี้… ไม่ปลอดภัยต่อหัวใจเลย
ฟรังก์เงยหน้าขึ้นมองห้างสรรพสินค้าใจกลางสีลมที่มีรูปเพื่อนสนิทตัวเองแปะอยู่บนบิลบอร์ดของห้างดัง เธอไม่ใช่พรีเซนเตอร์ แต่คือลูกสาวเจ้าของห้างหรูย่านใจกลางเมืองและอีกร้อยกว่าสาขาทั่วประเทศ เป็นห้างที่เธอจะได้มาเฉพาะตอนที่แก้วรุ้งพามาเท่านั้น ทำไมน่ะเหรอ ก็ห้างสาขานี้คือศูนย์รวมของสินค้าไฮเอนท์จากทั่วทุกมุมโลกน่ะสิ ยิ่งใหญ่ใจกลางกรุงเทพ และยังเป็นสำนักงานใหญ่ด้วยเลยขึ้นไปยังชั้น40คือเพนท์เฮ้าส์ของเพื่อนและสมาชิกในครอบครัว
ที่เขาว่ามาช็อปปิ้งคงไม่ใช่ที่นี่หรอกนะ
“มองเหมือนไม่เคยมาเลยนะ”
“ก็บ่อยอยู่ แต่ไม่ได้มาช็อปปิ้ง…” มาหาเพื่อนต่างหาก
“เพื่อนเธอเป็นเจ้าของนิ งั้นช่วยขอส่วนลดให้ด้วยสิ”
ฟรังก์หันขวับไปมองวินซ์ที่กำลังยิ้มเหมือนสนุกสนานพลางถอยรถเข้าซอยโดยไม่ต้องหาที่จอดเลย ถึงห้างนี้จะมีแต่สินค้าไฮเอนท์ซึ่งเป็นที่โปรดปรานของคุณหญิงคุณนาย ถึงอย่างนั้นลาดจอดรถก็แทบไม่ว่างเลยเพราะคนทั่วไปก็ชอบมาเดินเตร็เตร่ชมของสวยๆ งามๆ สิ่งที่คิดได้อย่างเดียวคือที่จอดรถของ VIP ผู้ครองบัตรเครดิตวงเงินไม่จำกัดที่โคอยู่กับห้างดัง
“ว่าไงล่ะ”
“ฮะ? ไม่ดีมั้ง” เมื่อสติกลับคืน เธอจึงพูดออกไป ใครจะกล้าไปทำเรื่องน่าอายแบบนั้นกัน ถึงแก้วรุ้งจะอยู่ด้วยเธอก็คงไม่ลดราคาให้เขาแน่เพราะเธอน่ะเกลียดขี้หน้าเขาจะตายชัก เจอหน้าทีก็แทบจะแช่งหักกระดูกเพราะรับรู้วีรกรรมที่เขาทำกับฟรังก์มาโดยตลอด กำลังจะบอกให้เขาไปห้างอื่นแต่เจ้าตัวก็ปลดเบลท์ออกเสียแล้ว
“ล้อเล่นน่ะ ไปกันเถอะ”
วินซ์ลงจากรถแล้วเดินอ้อมมาทางประตูข้างคนขับเมื่อเห็นว่าฟรังก์นั่งทำท่าทำทางไม่มั่นใจจึงเปิดประตูแล้วปลดเบลท์ออกให้ แฟนสาวหันมามองเขาด้วยสีหน้ากังวล อึกอักเหมือนอยากจะพูดบางอย่างแต่ก็ไม่กล้าเอื้อนเอ่ยมันออกมา เขาก็รู้สึกขำ นี่คงคิดว่าเขาไม่มีปัญญาจ่ายสิ จะคิดแบบนั้นก็ไม่แปลกหรอกเพราะที่ผ่านมาเขาใช้ชีวิตเยี่ยง ‘แมงดา’ เกาะเธอกินมาตลอดเลยนี่นา แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนแล้วเมื่อสิ่งหนึ่งที่ผู้หญิงทุกคนชอบเขาก็คือความ ‘รวย’ วันนี้แหละเขาจะแสดงให้เธอเห็นเอง เพราะไม่มีผู้หญิงคนไหนจะปฏิเสธผู้ชาย ‘สายเปย์’ หรอกจริงมั้ย
วินซ์ค้ำแขนข้างหนึ่งไว้กับตัวรถส่วนอีกมือก็ยื่นไปตรงหน้าเธอพร้อมกับรอยยิ้ม เป็นอีกครั้งที่เธอมองเขาเหมือนคนไม่รู้จักกัน
“มาเถอะครับ ฟรังก์”
วันนี้เขาจะทำให้เธอเป็นเจ้าหญิงเอง…
เมื่อเธอมีท่าทีรีๆ รอๆ จนเขาต้องฉวยฝ่ามือบนตักนั้นมาจับแล้วดึงให้ลุกขึ้นก่อนจะปิดประตู จูงร่างบางผ่านรปภ.เข้ามาในห้างสรรพสินค้าสุดหรู เธอแทบจะเดินไม่มองทางเลยเอาแต่ก้มหน้างุดจนคางเกือบชิดหน้าอกอยู่แล้ว
“ไม่มีอะไรที่อยากได้เหรอ”
ฟรังก์ส่ายหน้าแรงๆ ทั้งที่ยังก้มหน้าอยู่จนวินซ์ต้องเชิดคางเธอขึ้น
“มองก่อนตอบสิ” ตอนนี้ทั้งสองคนยืนอยู่กึ่งกลางระหว่างร้านเสื้อผ้าแบรนด์ดังจากอิตาลี กระเป๋าหรูจากฝรั่งเศส หรือแม้แต่รองเท้า แววตาคู่นั้นก็ไม่ได้มีความปรารถนาเลย มันไม่วิบวับเหมือนกับผู้หญิงคนอื่นที่เขาเคยพามา มันไม่ใช่การเสแสร้งหรือเล่นตัวแต่เธอไม่ได้รู้สึกต้องการพวกมันจริงๆ
ทำไมล่ะ…
“กลับเถอะ หิวอ่ะ”
“เดี๋ยวค่อยกิน”
วินซ์ฉุดมือเธอให้เดินตามมาในช็อปของแบรนด์ Fendi ดูจากการที่ชอบใส่เสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ที่ดูทะมัดทะแมงก็เลยเงยหน้าบอกพนักงานสาวที่วิ่งเข้ามาต้อนรับ เธอชะงักไปเล็กน้อย สายตาที่เธอมองฟรังก์ตั้งแต่หัวจดเท้าทำให้วินซ์รู้สึกไม่พอใจ เขาเดินผ่านพนักงานสาวไปที่ราวหยิบเสื้อยืดไหมพรมทั้งแขนสั้นและแขนยาวขึ้นมาทาบตัวแฟนสาวที่ยืนนิ่งทำหน้าปูเลี่ยนๆ แล้วโยนมันให้พนักงานสาวถืออย่างไม่ใส่ใจ ตามมาด้วยเสื้อคลุมและเดรสอีกสองสามชุดโยนให้พนักงานสาวอีกเช่นเคย
เขาก้มลงมองแฟนสาวคาดว่าจะได้เห็นรอยยิ้มและแววตาเป็นประกาย แต่ท่าทางของเธอกลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง เธอเอาแต่ก้มหน้าแคะเล็บเหมือนมันเป็นสิ่งที่สำคัญมากกว่าเสื้อผ้าแบรนด์เนมพวกนี้ เห็นแล้วก็อดหงุดหงิดไม่ได้แต่ก็ต้องสะกดกลั้นเอาไว้แล้วบอกด้วยเสียงที่คิดว่านุ่มนวลที่สุด
“ไป ลองชุดกัน”
เธอเงยหน้ามองเขาด้วยสายตาที่อ่านไม่ออกก่อนจะโดนเขาจับหัวไหล่ให้หันหลังไปที่ห้องลองชุด พนักงานหญิงจะเดินตามเข้าไปด้วยแต่เธอห้ามไว้แล้วรับชุดทั้งหมดที่เขาเลือกมาไว้ในอ้อมแขนอย่างจำยอม หน้าตาเหมือนโดนบังคับให้กินยาขม มันจะอะไรขนาดนั้น เห็นแล้วอยากจะโยนเสื้อผ้าทิ้งแล้วลากพากลับไปขังที่ห้องจริงๆ หมั่นไส้!
วินซ์ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายก่อนจะเดินมายังโซนเสื้อผ้าผู้ชายในช็อปบ้าง แล้วหยิบสเว็ตเตอร์ออกมาดูก่อนทาบกับตัว เพราะปกติแม่จะเป็นคนซื้อเสื้อผ้าให้ก็เลยไม่รู้ว่าควรจะเลือกแบบไหน ยิ่งสามปีที่ผ่านมาแทบไม่ได้ซื้อของพวกนี้เลย ใส่แต่เฉพาะที่ฟรังก์ซื้อให้ เนื่องจากวันเกิดบ้างล่ะ ครบรอบบ้างล่ะ แต่ละอย่างที่ให้นี่ก็ไม่ใช่ขี้ๆ นะตีตราแบรนด์ทั้งนั้นเหมือนผ่านการเลือกเฟ้นมาอย่างดี ทั้งที่ไม่ได้เรียกร้องเลยสักนิด แต่สิ่งที่อยากได้กลับไม่ได้…
“สวยดีนะ” วินซ์เหลือบมองผู้หญิงที่อยู่ในเสื้อ Light blue viscose sweater สเวตเตอร์ลายเซ็นเนอร์เจอร์ของแบรนด์สีฟ้าอ่อนแล้วก็นิ่งงัน จากเสื้อยืด199 สู่เสื้อตีตราแบรนด์ดังนี่ทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งเปลี่ยนเป็นคนละคนเลยเหรอ ดูแพงขึ้นเยอะเลย
“คุณก็สวย”
“นี่คงไม่ได้รอให้ฉันเปิดให้อยู่ใช่มั้ย” เจ้าของรอยยิ้มกรุ้มกริ่มที่กำลังจะเดินอ้อมกลับมาเปิดประตูรถให้ถาม ได้ยินแบบนั้นเธอก็รีบร้องห้ามแล้วเปิดประตูรถฝั่งผู้โดยสารทันที
“ใช่ที่ไหนล่ะ”
พอเข้ามานั่งในรถได้ก็นิ่งงันไปเลย รู้สึกแปลกๆ แฮะ เพราะไม่เคยนั่งรถไปไหนมาไหนด้วยกันมาก่อนก็เลยรู้สึกปั่นป่วนในท้องพิกล แต่ยังไม่ทันได้เรียกสติกลับมาเลย ผู้ชายข้างตัวก็เอี้ยวตัวเข้ามาใกล้ เล่นเอาตกใจตัวแข็งทื่อ เผลอเม้มปากแน่นจนลืมหายใจ
คลิ๊ก
เสียงเหมือนบางอย่างลงล็อก ทำให้สติที่เตลิดกลับมาเข้าที่แต่เพราะเขายังคงค้างท่าเสียบเข็มขัดนิรภัยอยู่ ใบหน้าเราจึงอยู่ใกล้กันแค่คืบ การสบตากันในระยะประชิดแบบนี้ไม่น่าอภิรมย์เลย ยิ่งริมฝีปากหยักลึกเหยียดยิ้มเหมือนรู้เท่าทันความคิด อยู่ๆ ใบหน้าก็เห่อร้อนขึ้นมา แต่ต้องกลั้นใจพูดออกไป
“จะอยู่ท่านี้อีกนานมั้ย”
“หึ…” ทิ้งเสียงหัวเราะเอาไว้แล้วก็กลับไปนั่งประจำที่คนขับแล้วสตาร์ทรถ ฟรังก์เบนหน้าออกนอกหน้าต่างก่อนลอบระบายลมหายใจ แต่หัวใจก็ยังเต้นผิดจังหวะอยู่เลย ให้ตายเถอะ จู่ๆ ก็รู้สึกไม่ปลอดภัยขึ้นมา
เขาในตอนนี้… ไม่ปลอดภัยต่อหัวใจเลย
ฟรังก์เงยหน้าขึ้นมองห้างสรรพสินค้าใจกลางสีลมที่มีรูปเพื่อนสนิทตัวเองแปะอยู่บนบิลบอร์ดของห้างดัง เธอไม่ใช่พรีเซนเตอร์ แต่คือลูกสาวเจ้าของห้างหรูย่านใจกลางเมืองและอีกร้อยกว่าสาขาทั่วประเทศ เป็นห้างที่เธอจะได้มาเฉพาะตอนที่แก้วรุ้งพามาเท่านั้น ทำไมน่ะเหรอ ก็ห้างสาขานี้คือศูนย์รวมของสินค้าไฮเอนท์จากทั่วทุกมุมโลกน่ะสิ ยิ่งใหญ่ใจกลางกรุงเทพ และยังเป็นสำนักงานใหญ่ด้วยเลยขึ้นไปยังชั้น40คือเพนท์เฮ้าส์ของเพื่อนและสมาชิกในครอบครัว
ที่เขาว่ามาช็อปปิ้งคงไม่ใช่ที่นี่หรอกนะ
“มองเหมือนไม่เคยมาเลยนะ”
“ก็บ่อยอยู่ แต่ไม่ได้มาช็อปปิ้ง…” มาหาเพื่อนต่างหาก
“เพื่อนเธอเป็นเจ้าของนิ งั้นช่วยขอส่วนลดให้ด้วยสิ”
ฟรังก์หันขวับไปมองวินซ์ที่กำลังยิ้มเหมือนสนุกสนานพลางถอยรถเข้าซอยโดยไม่ต้องหาที่จอดเลย ถึงห้างนี้จะมีแต่สินค้าไฮเอนท์ซึ่งเป็นที่โปรดปรานของคุณหญิงคุณนาย ถึงอย่างนั้นลาดจอดรถก็แทบไม่ว่างเลยเพราะคนทั่วไปก็ชอบมาเดินเตร็เตร่ชมของสวยๆ งามๆ สิ่งที่คิดได้อย่างเดียวคือที่จอดรถของ VIP ผู้ครองบัตรเครดิตวงเงินไม่จำกัดที่โคอยู่กับห้างดัง
“ว่าไงล่ะ”
“ฮะ? ไม่ดีมั้ง” เมื่อสติกลับคืน เธอจึงพูดออกไป ใครจะกล้าไปทำเรื่องน่าอายแบบนั้นกัน ถึงแก้วรุ้งจะอยู่ด้วยเธอก็คงไม่ลดราคาให้เขาแน่เพราะเธอน่ะเกลียดขี้หน้าเขาจะตายชัก เจอหน้าทีก็แทบจะแช่งหักกระดูกเพราะรับรู้วีรกรรมที่เขาทำกับฟรังก์มาโดยตลอด กำลังจะบอกให้เขาไปห้างอื่นแต่เจ้าตัวก็ปลดเบลท์ออกเสียแล้ว
“ล้อเล่นน่ะ ไปกันเถอะ”
วินซ์ลงจากรถแล้วเดินอ้อมมาทางประตูข้างคนขับเมื่อเห็นว่าฟรังก์นั่งทำท่าทำทางไม่มั่นใจจึงเปิดประตูแล้วปลดเบลท์ออกให้ แฟนสาวหันมามองเขาด้วยสีหน้ากังวล อึกอักเหมือนอยากจะพูดบางอย่างแต่ก็ไม่กล้าเอื้อนเอ่ยมันออกมา เขาก็รู้สึกขำ นี่คงคิดว่าเขาไม่มีปัญญาจ่ายสิ จะคิดแบบนั้นก็ไม่แปลกหรอกเพราะที่ผ่านมาเขาใช้ชีวิตเยี่ยง ‘แมงดา’ เกาะเธอกินมาตลอดเลยนี่นา แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนแล้วเมื่อสิ่งหนึ่งที่ผู้หญิงทุกคนชอบเขาก็คือความ ‘รวย’ วันนี้แหละเขาจะแสดงให้เธอเห็นเอง เพราะไม่มีผู้หญิงคนไหนจะปฏิเสธผู้ชาย ‘สายเปย์’ หรอกจริงมั้ย
วินซ์ค้ำแขนข้างหนึ่งไว้กับตัวรถส่วนอีกมือก็ยื่นไปตรงหน้าเธอพร้อมกับรอยยิ้ม เป็นอีกครั้งที่เธอมองเขาเหมือนคนไม่รู้จักกัน
“มาเถอะครับ ฟรังก์”
วันนี้เขาจะทำให้เธอเป็นเจ้าหญิงเอง…
เมื่อเธอมีท่าทีรีๆ รอๆ จนเขาต้องฉวยฝ่ามือบนตักนั้นมาจับแล้วดึงให้ลุกขึ้นก่อนจะปิดประตู จูงร่างบางผ่านรปภ.เข้ามาในห้างสรรพสินค้าสุดหรู เธอแทบจะเดินไม่มองทางเลยเอาแต่ก้มหน้างุดจนคางเกือบชิดหน้าอกอยู่แล้ว
“ไม่มีอะไรที่อยากได้เหรอ”
ฟรังก์ส่ายหน้าแรงๆ ทั้งที่ยังก้มหน้าอยู่จนวินซ์ต้องเชิดคางเธอขึ้น
“มองก่อนตอบสิ” ตอนนี้ทั้งสองคนยืนอยู่กึ่งกลางระหว่างร้านเสื้อผ้าแบรนด์ดังจากอิตาลี กระเป๋าหรูจากฝรั่งเศส หรือแม้แต่รองเท้า แววตาคู่นั้นก็ไม่ได้มีความปรารถนาเลย มันไม่วิบวับเหมือนกับผู้หญิงคนอื่นที่เขาเคยพามา มันไม่ใช่การเสแสร้งหรือเล่นตัวแต่เธอไม่ได้รู้สึกต้องการพวกมันจริงๆ
ทำไมล่ะ…
“กลับเถอะ หิวอ่ะ”
“เดี๋ยวค่อยกิน”
วินซ์ฉุดมือเธอให้เดินตามมาในช็อปของแบรนด์ Fendi ดูจากการที่ชอบใส่เสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ที่ดูทะมัดทะแมงก็เลยเงยหน้าบอกพนักงานสาวที่วิ่งเข้ามาต้อนรับ เธอชะงักไปเล็กน้อย สายตาที่เธอมองฟรังก์ตั้งแต่หัวจดเท้าทำให้วินซ์รู้สึกไม่พอใจ เขาเดินผ่านพนักงานสาวไปที่ราวหยิบเสื้อยืดไหมพรมทั้งแขนสั้นและแขนยาวขึ้นมาทาบตัวแฟนสาวที่ยืนนิ่งทำหน้าปูเลี่ยนๆ แล้วโยนมันให้พนักงานสาวถืออย่างไม่ใส่ใจ ตามมาด้วยเสื้อคลุมและเดรสอีกสองสามชุดโยนให้พนักงานสาวอีกเช่นเคย
เขาก้มลงมองแฟนสาวคาดว่าจะได้เห็นรอยยิ้มและแววตาเป็นประกาย แต่ท่าทางของเธอกลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง เธอเอาแต่ก้มหน้าแคะเล็บเหมือนมันเป็นสิ่งที่สำคัญมากกว่าเสื้อผ้าแบรนด์เนมพวกนี้ เห็นแล้วก็อดหงุดหงิดไม่ได้แต่ก็ต้องสะกดกลั้นเอาไว้แล้วบอกด้วยเสียงที่คิดว่านุ่มนวลที่สุด
“ไป ลองชุดกัน”
เธอเงยหน้ามองเขาด้วยสายตาที่อ่านไม่ออกก่อนจะโดนเขาจับหัวไหล่ให้หันหลังไปที่ห้องลองชุด พนักงานหญิงจะเดินตามเข้าไปด้วยแต่เธอห้ามไว้แล้วรับชุดทั้งหมดที่เขาเลือกมาไว้ในอ้อมแขนอย่างจำยอม หน้าตาเหมือนโดนบังคับให้กินยาขม มันจะอะไรขนาดนั้น เห็นแล้วอยากจะโยนเสื้อผ้าทิ้งแล้วลากพากลับไปขังที่ห้องจริงๆ หมั่นไส้!
วินซ์ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายก่อนจะเดินมายังโซนเสื้อผ้าผู้ชายในช็อปบ้าง แล้วหยิบสเว็ตเตอร์ออกมาดูก่อนทาบกับตัว เพราะปกติแม่จะเป็นคนซื้อเสื้อผ้าให้ก็เลยไม่รู้ว่าควรจะเลือกแบบไหน ยิ่งสามปีที่ผ่านมาแทบไม่ได้ซื้อของพวกนี้เลย ใส่แต่เฉพาะที่ฟรังก์ซื้อให้ เนื่องจากวันเกิดบ้างล่ะ ครบรอบบ้างล่ะ แต่ละอย่างที่ให้นี่ก็ไม่ใช่ขี้ๆ นะตีตราแบรนด์ทั้งนั้นเหมือนผ่านการเลือกเฟ้นมาอย่างดี ทั้งที่ไม่ได้เรียกร้องเลยสักนิด แต่สิ่งที่อยากได้กลับไม่ได้…
“สวยดีนะ” วินซ์เหลือบมองผู้หญิงที่อยู่ในเสื้อ Light blue viscose sweater สเวตเตอร์ลายเซ็นเนอร์เจอร์ของแบรนด์สีฟ้าอ่อนแล้วก็นิ่งงัน จากเสื้อยืด199 สู่เสื้อตีตราแบรนด์ดังนี่ทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งเปลี่ยนเป็นคนละคนเลยเหรอ ดูแพงขึ้นเยอะเลย
“คุณก็สวย”
