บทที่ 4 ภารกิจใหม่ที่คาดไม่ถึง (1/3)
“นัซย่า”
“นัซย่า”
“นัซย่า”
“นัซย่า”
เสียงใครบางคนปลุกให้เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นก่อนจะอ้าปากค้างอย่างตกใจ นั่นเพราะข้างเตียงของเธอปรากฏบุคคลสี่คนที่มีรัศมีสว่างล้อมรอบกาย แต่จะเรียกว่าบุคคลได้แน่หรือเปล่า เธอก็ไม่แน่ใจเสียแล้ว
สี่คนนี้เป็นชายสามหญิงหนึ่ง พวกเขาทั้งหมดอยู่ในเครื่องแต่งกายอียิปต์โบราณ ชายคนหนึ่งหน้าตาหล่อเหลาไม่แพ้รูปสลักฟาโรห์เมเนส เขาแต่งกายเช่นฟาโรห์อียิปต์ สตรีที่ยืนเคียงข้างก็หน้าตาสวยไม่แพ้นางงาม เธอคนนี้แต่งกายดุจราชินีอียิปต์ หากชายอีกสองคนทำให้นัซย่าต้องนิ่งอึ้ง หนึ่งนั้นมีศีรษะเป็นหมาไนสีดำ อีกหนึ่งมีศีรษะเป็นนกเหยี่ยว
เห็นสองคนที่มีศีรษะไม่ใช่มนุษย์ นัซย่ารู้สึกทันทีว่าเธอเหมือนจะเป็นลม แต่เธอก็ตั้งสติได้เดี๋ยวนั้น นัซย่าผุดลุกขึ้นก่อนจะดีดตัวลงจากเตียงอย่างรวดเร็ว ปืนเลเซอร์ปรากฏขึ้นในมือก่อนจะหันไปทางคนทั้งสี่ อีกมือดีดนิ้ว ไฟในห้องสว่างพรึ่บ คราวนี้เธอจึงได้เห็นรูปร่างหน้าตาของพวกเขาทั้งสี่ชัดเจน
“พวกแกเป็นใคร” เธอตวาดถามทันที ในใจต้องหวาดหวั่นอย่างที่สุด เธอไม่เคยไม่รู้ตัวว่ามีใครลอบเข้ามาในห้องแถมยังเป็นคนปลุกให้เธอตื่นขึ้น
“ใจเย็นก่อนเถิด สาวน้อย เรามาคุยกันดีๆ ดีกว่า” สาวสวยคนนั้นตอบกลับมา
“พวกแกเป็นใคร” เธอย้ำคำถามเดิม ปลายกระบอกปืนเลเซอร์ยังคงหันไปทางคนทั้งสี่ไม่เปลี่ยนแปลง
“สงสัยจะคุยยาก งั้นเจ้าก็ช่วยนั่งนิ่งๆ ก่อนก็แล้วกัน เมื่อเข้าใจเรื่องราวแล้ว ข้าจะปล่อยเจ้า” สาวสวยคนนั้นตอบกลับมาก่อนจะยกมือเรียวสวยโบกขึ้นครั้งหนึ่ง
นัซย่าพลันรู้สึกได้ว่าร่างกายของเธอแข็งค้าง ปืนเลเซอร์ในมือร่วงหล่นลงบนพื้นห้องที่ปูด้วยพรมหนานุ่ม ร่างของเธอเคลื่อนไหวไปเองก่อนจะเหมือนถูกจับให้นั่งลงที่เก้าอี้ตัวหนึ่งในห้องที่ถูกจัดเป็นห้องรับแขก นัซย่าเบิ่งตากว้าง อ้าปากค้างอย่างตกใจ คนประหลาดทั้งสี่ต่างแยกย้ายกันนั่งลงที่เก้าอี้ นัซย่าเห็นชัดเจนว่าชายสองคนที่มีศีรษะเป็นหมาไนและนกเหยี่ยวนั้น ศีรษะของพวกเขาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นศีรษะคนแถมยังหน้าตาหล่อเหลาไม่แพ้ชายอีกคนที่อยู่ในเครื่องแต่งกายของฟาโรห์ พวกเขามองเธออย่างขบขันปนเอ็นดู
“พวกเจ้าทำเช่นนี้ สาวน้อยของพวกเราตกใจแย่” ชายในเครื่องแต่งกายฟาโรห์เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มกว้าง
“เอาล่ะ พวกเราจะได้คุยกันสักที เจ้าอยากถามอะไรก็ถามมา พวกเราจะบอกเท่าที่บอกได้” เสียงของสาวสวยคนนั้นบอกออกมา
นัซย่าได้แต่กลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอหมดสิ้นหนทาง แต่โชคดีที่พวกเขาไม่ได้คิดร้ายกับเธอ เธอจ้องมองพวกเขาทั้งสี่ด้วยความรู้สึกประหลาดใจ สงสัย งุนงง จับต้นชนปลายไม่ถูก
“พวกคุณเป็นใคร” เธอถามคำถามเดิม
“ข้าขอแนะนำตัวเองและครอบครัวของข้าให้เจ้ารู้จักก่อนก็แล้วกัน” ชายในเครื่องแต่งกายฟาโรห์เอ่ยขึ้น
“นามของข้า โอไซริส สตรีผู้นี้คือภรรยาของข้า นามของนางคือ ไอซิส ผู้นี้คือบุตรชายของข้า เขาคือโฮรัส อีกคนคือหลานชายของข้า อะนิวบิส”
นัซย่าเบิ่งตากว้าง อ้าปากค้างอีกรอบ สี่นามที่ชายในชุดฟาโรห์บอกนั้น ทำไมเธอจะไม่รู้จักกันล่ะ นี่เป็นนามของเทพเจ้าสำคัญของอียิปต์โบราณ เทพโอไซริส เทพีไอซิส เทพโฮรัส และเทพอะนิวบิส
โอไซริส เป็นเทพแห่งชีวิตหลังความตาย เทพแห่งนรก และเทพแห่งวิญญาณ เดิมทีเชื่อกันว่า เป็นบุรุษเพศ มีกายสีเขียว มีมัสสุดังฟาโรห์ กายเบื้องล่างพันผ้าห่อศพไว้ ฉลองมงกุฏประดับขนนกกระจอกเทศสองข้าง หัตถ์ทั้งสองถือตะขอกับไม้หวดข้าว
ไอซิส เป็นเทพีแห่งเวทมนตร์ เป็นผู้ปกป้องฟาโรห์ เปรียบเสมือนเทพีแห่งมารดาผู้มีพลังในการเยียวยารักษา
โฮรัส เป็นโอรสของเทพโอไซริสและเทพีไอซิส เป็นเทพเจ้าแห่งท้องฟ้า ตามพระนามแปลว่า เทพผู้อยู่เบื้องบน ถือเป็นตัวแทนฟาโรห์ เชื่อมโยงถึงกษัตริย์ และมีความเชื่อว่าเป็นผู้กอบกู้อาณาจักรอียิปต์จากอธรรมในยุคเทพเจ้าปกครอง
อะนิวบิส เป็นโอรสของเทพีเนฟทิสและเทพเซต มีศีรษะเป็นสุนัขไนสีดำเพราะออกเวลากลางคืน ทรงได้รับความเคารพมากในไอยคุปต์ทะเลทรายแห่งตะวันตกที่เรียกว่าบ้านแห่งความตาย ทรงเคยเป็นเทพแห่งความตายมาก่อนเทพโอไซริสและเป็นเทพแห่งความตายสำหรับฟาโรห์องค์แรก เทพีไอซิสทรงเลี้ยงพระองค์มาดั่งลูกในไส้ เมื่อโตขึ้นเทพอะนิวบิสจึงเป็นผู้ปกป้องพระนาง
นัซย่าอยากจะไม่เชื่อในสิ่งที่พวกเขาพูด แต่จะไม่เชื่อก็ไม่ได้ เพราะแค่เริ่มต้น พวกเขาทั้งสี่ก็ต้อนเธอจนหมดทางสู้ เธอไม่เคยอยู่ในภาวะเสียเปรียบถึงขีดสุดแบบนี้มาก่อน หากพวกเขาคิดฆ่าเธอ พวกเขาก็ทำได้เลยทันที และที่สำคัญที่สุดคือ เทพโฮรัสและเทพอะนิวบิสเปลี่ยนศีรษะของพวกเขาให้เป็นศีรษะมนุษย์ต่อหน้าต่อตาเธอ !
“โอเคค่ะ ฉันเชื่อ แค่เริ่มต้น ฉันก็ไม่รู้จะสู้กับพวกคุณยังไงแล้ว พวกคุณมาพบฉันเรื่องอะไรคะ” เธอยอมพูดคุยดีๆ กับพวกเขาเพราะรู้ดีว่าสู้ไปก็ไร้ประโยชน์
“พวกเราสี่คนมีเรื่องมาขอให้เจ้าช่วย” เทพโอไซริสตอบ
“ช่วย? ช่วยเรื่องอะไรคะ ฉันเป็นแค่มนุษย์ธรรมดา ช่วยอะไรเทพเจ้าอย่างพวกคุณไม่ได้หรอกค่ะ พวกคุณเก่งกว่าฉันตั้งเยอะ” เธอปฏิเสธทันที
“ข้าจะเล่าให้ฟัง เมื่อเจ้าฟังจบแล้ว พวกเรามีคำขอร้องให้เจ้าช่วยเท่านั้น พวกเราไม่อาจบังคับให้เจ้าช่วยได้ เพราะการกระทำที่จะเกิดขึ้นหลังจากที่เจ้าทราบเรื่องทั้งหมดแล้ว ต้องเป็นไปด้วยความสมัครใจของเจ้าเท่านั้น การสมัครใจจึงจะเกิดผลที่ดีที่สุด แต่การบังคับย่อมให้ผลตรงกันข้าม”
“งั้นเล่ามาเถอะค่ะ ฉันจะได้ตัดสินใจได้ว่าฉันสามารถช่วยพวกคุณได้หรือไม่”
“เจ้าได้เห็นรูปสลักของลูกชายข้าแล้วนี่ พบเจออะไรแปลกๆ หรือไม่” เทพีไอซิสเริ่มถาม
นัซย่ามีสีหน้างุนงง
“รูปสลัก? ลูกชาย?...” เธอนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดออกมาอย่างไม่แน่ใจเท่าใด
“คุณหมายถึงรูปสลักฟาโรห์เมเนสหรือคะ”
“ใช่ นั่นแหละ ลูกชายข้า”
คำตอบนี้ทำเอานัซย่าสมองหมุนติ้ว คิดตามไม่ทัน
“หมายความว่ายังไงคะ คือฟาโรห์เมเนสเป็นเทพที่อวตารมาเกิดเป็นฟาโรห์หรือคะ” เธอถามอย่างที่คิดว่าน่าจะใช่ที่สุด
