บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 ฟาโรห์ที่ไม่ทราบว่ามีตัวตนหรือไม่ (3/3)

ศาสตราจารย์ฮาฟิซชี้ให้ทุกคนได้เห็นคาร์ทูธที่ต้นแขนซ้ายของรูปสลักที่มองเห็นชัดเจนว่าสลักนาม ‘เมเนส’ ไว้

“ศาสตราจารย์คะ นอกจากพระนาม ‘เมเนส’ แล้ว อักษรไฮโรกลิฟิคยังสลักนาม ‘นาร์เมอร์’ ไว้ด้วยนะคะ อย่างนี้ก็เท่ากับชี้ชัดแล้วว่าฟาโรห์เมเนสและฟาโรห์นาร์เมอร์คือองค์เดียวกัน” นัซย่าเอ่ยขึ้นหลังจากจ้องมองคาร์ทูธอยู่ครู่หนึ่ง

เธออดแปลกใจตัวเองไม่ได้ว่าทำไมเธอจึงอ่านอักษรไฮโรกลิฟิคได้คล่องนัก เพราะเพียงเธอมองที่คาร์ทูธนี้ เธอก็อ่านมันออกทันที ที่สำคัญคือแม้เธอจะมีความทรงจำอัดแน่นอยู่ แต่ก็ไม่ได้เชี่ยวชาญขนาดจะอ่านอักษรไฮโรกลิฟิคได้คล่องเหมือนอ่านภาษารัสเซียหรืออังกฤษ

“จริงของคุณ นัซย่า สายตาดีจริงๆ ทำไมผมถึงมองไม่เห็นตั้งแต่แรกนะ ทั้งๆ ที่ก็สลักไว้ชัดเจน จนคุณพูดขึ้นนี่แหละ ผมถึงได้มองเห็น” ศาสตราจารย์ฮาฟิซกล่าวขึ้นอย่างดีใจสุดขีด

“นี่ถือเป็นข่าวใหญ่เลยนะ งั้นบ่ายนี้ผมต้องแถลงข่าวเรื่องนี้แล้วล่ะ แม้นี่จะเป็นหลักฐานเพียงชิ้นเดียว แต่ก็ชัดเจนที่สุดว่าฟาโรห์เมเนสและฟาโรห์นาร์เมอร์คือองค์เดียวกัน”

“ถ้าดูจากขนาดของรูปสลักที่เราเห็นตอนนี้ ที่มีเพียงช่วงท้องขึ้นมาจนถึงศีรษะ ก็น่าจะสูงราวครึ่งหนึ่งของความสูงที่ประมาณการกันไว้ว่ารูปสลักนี้สูงแปดเมตรนะครับ” นักโบราณคดีอีกคนในทีมพูดขึ้น

“ใช่ เพียงแต่ส่วนของรูปสลักที่เหลือไม่ได้อยู่ที่เดียวกันน่ะสิ เรายังค้นหาไม่เจอว่าส่วนล่างของรูปสลักอยู่ที่ไหน และรูปสลักนี้จะอยู่ในท่านั่งหรือท่ายืน” ศาสตราจารย์ฮาฟิซตอบ

นัซย่าจ้องมองรูปสลักนี้อย่างสนใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นโบราณวัตถุของอียิปต์สมัยต้นราชวงศ์ รูปสลักฟาโรห์นี้สวมใส่มงกุฎเนเมส*** ด้านหน้าของมงกุฎมีงูเห่ากำลังแผ่แม่เบี้ยและศีรษะของนกแร้งประดับอยู่

ตามความเชื่อของอียิปต์โบราณ งูเห่าเป็นเทพีที่ชาวอียิปต์ล่าง (Lower Egypt) ให้ความเคารพเรียกว่า เทพวัตเจ็ต (Wadjet) แต่มักจะเรียกงูเห่าที่ติดอยู่ที่มงกุฎว่า อูเรอุส (Uraeus) และศีรษะนกแร้งคือสัญลักษณ์ของเทพีเนคห์เบท (Nekhbet) เป็นเทพีอุปถัมภ์ของอียิปต์บน (Upper Egypt)

ช่างเป็นฟาโรห์ที่องอาจ น่าเกรงขามจริงๆ นัซย่านึกชมในใจ มือเรียวยื่นไปลูบรูปสลักนี้ด้วยความดีใจที่ได้พบเห็น สายตาทอประกายชื่นชมอย่างชัดเจน

ดีใจจริงๆ ที่เจ้าชมข้า และยังมองข้าด้วยสายตาเช่นนี้ไม่เปลี่ยน

มีเสียงทุ้มของชายผู้หนึ่งดังขึ้นข้างหูของเธอ นัซย่าเบิ่งตากว้างอย่างประหลาดใจก่อนจะกวาดสายตามองรอบด้านทันที แต่กลับไม่พบบุคคลน่าสงสัย

ฉันหูแว่วไป? เธอคิดในใจ

“เอามือออกเดี๋ยวนี้ นัซย่า” ศาสตราจารย์ฮาฟิซร้องห้ามก่อนจะยื่นมือมาดึงมือของเธอที่แตะรูปสลักอยู่ออกไปอย่างรวดเร็ว เธอหันไปมองเขาอย่างแปลกใจ

“รูปสลักฟาโรห์องค์นี้มีอาถรรพณ์ ผู้ที่แตะต้องเท่ากับรบกวนดวงวิญญาณของพระองค์ ผู้รบกวนล้วนมีโทษถึงตาย”

เธอยิ้มกว้างอย่างไม่เชื่อถือทันที “แหม ศาสตราจารย์คะ นี่มันสมัยไหนแล้ว”

“ผมแนะนำว่าคืนนี้ก่อนคุณเข้านอน ให้รำลึกถึงเทพโอไซริส พระองค์เป็นผู้พิพากษาดวงวิญญาณของมนุษย์หลังความตาย และเทพอะนิวบิส พระองค์เป็นผู้ต้อนรับผู้ตาย เข้าสู่โลกหลังความตาย เพื่อให้พระองค์ให้อภัยกับความผิดพลาดที่คุณไม่ได้ตั้งใจ” ศาสตราจารย์ฮาฟิซกล่าวด้วยสีหน้าและน้ำเสียงจริงจัง

“เอ๋ ! นี่เป็นเทพสมัยอียิปต์โบราณ ผ่านมาแปดพันกว่าปีแล้วยังมีคนนับถือกันอยู่อีกหรือคะ”

“เรื่องนี้คนนอกอียิปต์ไม่ค่อยมีใครทราบ แต่จะทราบกันดีในหมู่นักอียิปต์วิทยาที่ศึกษาอียิปต์โบราณมาครึ่งชีวิตว่าทุกครั้งที่พบเจอสิ่งของเกี่ยวกับอียิปต์โบราณ เมื่อสัมผัสของเหล่านั้นแล้ว ทุกคืนก่อนนอนต้องรำลึกถึงเทพโอไซริสและเทพอะนิวบิส เพื่อขออภัยที่ได้แตะต้องของเหล่านั้น แม้นั่นจะเป็นไปเพื่อการศึกษามิได้มีเจตนาลบหลู่ก็ตาม”

เธอมองอย่างประหลาดใจยิ่งกว่าเดิม

“ค่ะ แล้วคืนนี้ฉันจะรำลึกถึงเทพสององค์นี้” นัซย่ารับคำเพื่อให้ศาสตราจารย์ฮาฟิซสบายใจ

“ผมเพิ่งรู้ว่าฟาโรห์เมเนสหล่อเหลาขนาดนี้ จากก่อนหน้าที่เคยเห็นรูปแกะสลักของพระองค์ ดูแล้วไม่เห็นว่าจะหล่อเลยสักนิด ติดจะขี้เหร่เสียด้วยซ้ำ” นักโบราณคดีอีกคนเอ่ยขึ้น

“จริงของคุณ แต่รูปแกะสลักนั้นของพระองค์ก็สึกกร่อนไปมากแล้วตอนที่ขุดพบ พระพักตร์จึงผิดเพี้ยนไปจากความจริง แต่ครั้งนี้เป็นรูปแกะสลักที่สมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เราเคยค้นพบ ถึงบริเวณต้นพระหนุ (ขากรรไกร) จะแตกไปบางส่วน แต่ส่วนอื่นที่เหลืออยู่อย่างสมบูรณ์ก็บอกชัดว่าพระองค์เป็นกษัตริย์นักรบที่หล่อมาก สาวอียิปต์สมัยนั้นคงคลั่งไคล้พระองค์น่าดู”

“ถ้าหล่อขนาดนี้ ฉันว่าพระองค์น่าจะทรงมีสนมนางในไม่ต่ำกว่ายี่สิบสามสิบคนแน่” นัซย่าเอ่ยขึ้นอย่างมั่นใจ

ข้าไม่มี ข้ามีแค่เจ้าผู้เดียวเท่านั้น นัซย่า

เสียงทุ้มของชายคนเดิมดังขึ้นข้างหูอีกครั้ง ทั้งยังเป็นน้ำเสียงที่ปฏิเสธด้วยความร้อนรนราวกับกลัวว่าเธอจะเข้าใจผิด นัซย่าต้องหันมองรอบด้านเพื่อค้นหาว่าใครพูดกับเธอ แต่ก็ไม่เห็นใครที่น่าสงสัยเช่นเดิม

นี่ฉันหูแว่วอีกแล้ว? เธอได้แต่งุนงงสงสัยกับตัวเองเมื่อหาคำตอบไม่ได้

“ถูกของคุณ นัซย่า ผมก็คิดว่าพระองค์ต้องทรงมีสนมนางในอย่างที่คุณพูดนั่นแหละ อย่างฟาโรห์ทุตโมสที่สามก็มีราชินีถึงเจ็ดพระองค์ ฟาโรห์รามีเซสที่สองที่ว่าทรงรักราชินีเนเฟอร์ตารีที่สุดก็ยังมีราชินีรวมกันถึงเจ็ดพระองค์ แม้ฟาโรห์สององค์นี้จะไม่ปรากฏว่ามีสนมนางใน แต่ก็เชื่อได้ว่าถ้ามีราชินีได้ถึงเจ็ด สนมก็ไม่น่าต่ำกว่ายี่สิบสามสิบคนอย่างที่คุณว่า” ศาสตราจารย์ฮาฟิซเห็นด้วยทันที

“เพียงแต่พวกเราทุกคนไม่เคยมีใครค้นพบพระราชประวัติของฟาโรห์เมเนสมาก่อน แค่พบชื่อของราชินีองค์หนึ่งของพระองค์คือ ‘นีตโฮเทป’ ส่วนชื่อและจำนวนโอรสธิดา ยังคงเป็นความลับต่อไป แต่อย่างน้อยตอนนี้พวกเราก็รู้ชัดเจนแล้วว่าพระองค์มีตัวตนจริงและเป็นองค์เดียวกับฟาโรห์นาร์เมอร์”

บ่ายวันนี้ ศาสตราจารย์ฮาฟิซจัดแถลงข่าวเรื่องฟาโรห์เมเนสที่เป็นองค์เดียวกับฟาโรห์นาร์เมอร์ โดยมีหลักฐานคือคาร์ทูธที่ต้นแขนซ้ายของรูปสลัก เรื่องนี้สร้างความฮือฮาไปทั่วโลกเพราะปริศนาที่นักโบราณคดีสงสัยมาเนิ่นนานได้คลี่คลายลงแล้ว

นัซย่ากลับมาถึงห้องพักแล้ว แต่วันนี้ทั้งวันเธอยังไม่พบเบาะแสอะไรเกี่ยวกับการตายของทีมสำรวจทีมก่อน นั่งทบทวนเหตุการณ์ต่างๆ ในวันนี้ก็ไม่มีอะไรน่าสงสัย ยกเว้นแค่เสียงผู้ชายคนนั้นที่กระซิบข้างหูเธอ

“ฉันต้องหูฝาดแน่ๆ ถึงกับได้ยินไปได้” เธอบ่นกับตัวเองก่อนจะดีดนิ้วครั้งหนึ่งเพื่อปิดไฟในห้องและล้มตัวลงนอน

เชิงอรรถ

***มงกุฎเนเมส (Nemes) เป็นผ้าลายทางสีน้ำเงินและสีทองที่ฟาโรห์อียิปต์สวมใส่ รูปแบบของเนเมสมาจากแผงคอสิงโต ชาวอียิปต์โบราณคิดว่าถ้าสิงโตเป็นราชาของสัตว์ทุกชนิด ฟาโรห์เป็นราชาของมนุษย์ทุกคน ดังนั้นผู้ปกครองลุ่มน้ำไนล์จึงมีสิทธิ์ที่จะครอบครองมนุษย์สิงโตด้วย

มงกุฎเนเมสมักจะถูกสวมใส่ด้วยมงกุฎ Pschent (Double Crown) การปรากฏอยู่ของมงกุฎนี้มีอายุย้อนไปถึงราชวงศ์ที่สามในรัชสมัยของฟาโรห์โจเจอร์ (Djoser)

การใช้มงกุฎเนเมสจะะปรากฏบนรูปปั้นและพิธีศพ หลักฐานที่เห็นได้ชัดเจนคือ รูปปั้นของเทพีไอซิสและเทพีเนฟธิสในฐานะผู้ไว้อาลัยเมื่อเทพโอไซริสเสียชีวิต หนึ่งในตัวแทนที่มีชื่อเสียงที่สุดของมงกุฎเนเมสคือหน้ากากมัมมี่สีทองของฟาโรห์ตุตันคาเมนซึ่งมีแถบสีน้ำเงินที่ฝังไว้ด้วยหินลาพิส ลาซูลี่

***บันทึกพระนามแห่งตูริน หรือตูรินรอยอลแคนนอน เป็นบันทึกพระนามของฟาโรห์อียิปต์โบราณ โดยถูกบันทึกอยู่ในกระดาษปาปิรัสด้วยอักษรเฮียราติกที่บันทึกพระนามของฟาโรห์ก่อนรัชสมัยของฟาโรห์รามีเซสที่สอง ปัจจุบันอยู่ในพิพิธภัณฑ์มิวซิโอ อีจิซิโอ (พิพิธภัณฑ์อียิปต์) ที่เมืองตูรินในประเทศอิตาลี บันทึกปาปิรัสนี้เป็นบันทึกที่ได้บันทึกพระนามของฟาโรห์หลายพระองค์ตั้งแต่ยุคราชอาณาจักรเก่าที่บันทึกโดยชาวอียิปต์โบราณและเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญมากที่สุดที่บรรยายเหตุการณ์ก่อนรัชสมัยของฟาโรห์รามีเซสที่สอง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel