บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 ฟาโรห์ที่ไม่ทราบว่ามีตัวตนหรือไม่ (2/3)

ราว 3200 ปีก่อนคริสตกาล ราชาแมงป่อง (Scorpion king) ผู้ครองนครธินิส (Thinis) ซึ่งตั้งอยู่บริเวณตอนกลางแห่งลุ่มน้ำไนล์ได้กรีธาทัพ เข้ายึดครองนครรัฐต่างๆ ในอียิปต์บนและตั้งตนเป็นฟาโรห์แห่งอาณาจักรบน ราชาแมงป่องปรารถนาจะรวมอียิปต์เข้าด้วยกันแต่พระองค์สิ้นพระชนม์เสียก่อน โอรสของพระองค์ (ข้อนี้นักประวัติศาสตร์ยังไม่แน่ใจนักแต่จากหลักฐานที่มีแสดงว่าทั้งสองพระองค์น่าจะเกี่ยวดองกัน) นามว่า นาร์เมอร์ (Narmer) ได้สานต่อนโยบายและกรีธาทัพเข้าโจมตีอียิปต์ล่าง

จนกระทั่งมาถึงรัชสมัยของฟาโรห์เมเนส (Menes) อียิปต์โบราณสิ้นสุดลงเพราะพระองค์สามารถผนวกทั้งสองอาณาจักรเข้าด้วยกันได้สำเร็จในปี 3150 ก่อนคริสตกาล และสถาปนาพระองค์ขึ้นเป็นฟาโรห์องค์แรกของราชอาณาจักรอียิปต์โดยตั้งเมืองหลวงที่เมมฟิส (Memphis) ในอียิปต์ล่าง ซึ่งอยู่ตอนกลางของลุ่มน้ำไนล์ ฟาโรห์เมเนสเป็นฟาโรห์องค์แรกแห่งราชวงศ์ที่หนึ่งของอียิปต์โบราณ

แม้จะรวมดินแดนเข้าเป็นผืนเดียวกันก่อตั้งเป็นชาติขึ้น แต่ชาวอียิปต์โบราณก็ยังนิยมเรียกชาติตนว่าดินแดนสองแผ่นดิน (Land of Two Lands) หลักฐานประวัติศาสตร์ในสมัยนี้มีน้อยมาก

ตัวตนที่แท้จริงของฟาโรห์เมเนสยังคงเป็นปริศนา มีการกล่าวถึงพระองค์ในบันทึกทางโบราณคดีน้อยมาก นักวิชาการไม่แน่ใจว่าควรระบุนาม ‘เมเนส’ ว่าเป็นนาร์เมอร์หรืออาฮา ซึ่งเป็นฟาโรห์องค์แรกและองค์ที่สองของราชวงศ์ที่หนึ่ง ผู้ปกครองทั้งสองได้รับความเชื่อถือในเวลาที่ต่างกันและจากแหล่งต่างๆ ด้วยเรื่องการรวมอียิปต์

มีหลักฐานทางโบราณคดีสำหรับความเป็นไปได้ทั้งสองอย่าง Narmer Palette ที่ขุดพบที่ Nekhen (ในภาษากรีกคือเมือง Hierakonpolis) แสดงให้เห็นด้านหนึ่งว่า ฟาโรห์นาร์เมอร์สวมมงกุฏของอียิปต์บน (Hedjet สีขาวทรงกรวย) และด้านหลังสวมมงกุฎของอียิปต์ล่าง (Deshret รูปชามสีแดง) ในขณะเดียวกัน แผ่นงาช้างที่ขุดพบที่นาคาดามีทั้งชื่อ “อาฮา” และ “บุรุษ” (เมเนส)

ตราประทับที่ค้นพบที่ Umm el-Qaab ระบุผู้ปกครองหกคนแรกของราชวงศ์ที่หนึ่งว่า Narmer, Aha, Djer, Djet, Den และ [Queen] Merneith ซึ่งแสดงให้เห็นว่านาร์เมอร์และอาฮาอาจเป็นพ่อและลูก ส่วนเมเนสไม่เคยปรากฏในบันทึกดังกล่าว

นักโบราณคดีเห็นพ้องต้องกันว่าการรวมกันของอียิปต์บนและอียิปต์ล่างเกิดขึ้นในรัชสมัยของกษัตริย์ราชวงศ์ที่หนึ่งหลายองค์ และตำนานของเมเนส (Menes) อาจสร้างขึ้นในภายหลังเพื่อเป็นตัวแทนของผู้ที่เกี่ยวข้อง ชื่อ ‘เมเนส’ หมายถึง “พระองค์ผู้ทรงอดทน” และอาจหมายถึงกษัตริย์ทุกพระองค์ที่ทรงทำให้การรวมอียิปต์เป็นหนึ่งเป็นจริง

นัซย่าอ่านข้อมูลจากจอแสงขนาดใหญ่จบแล้ว ก็ต้องถอนหายใจเฮือก ช่างเป็นฟาโรห์ที่มีพระราชประวัติสั้นที่สุดจนไม่คิดว่าจะสั้นขนาดนี้ ชนิดที่ใช้เวลาอ่านไม่เกินสิบนาที เธอก็อ่านจบและจำได้เลย ไม่ต้องใช้ชิปบีบอัดความทรงจำให้เธอด้วยซ้ำ

ขณะที่ฟาโรห์ที่มีชื่อเสียงอย่างทุตโมสที่สามและรามีเซสที่สองนั้น พระราชประวัติยังมากกว่านี้ และมีโบราณวัตถุต่างๆ ให้ศึกษาได้มากกว่านี้ แต่ฟาโรห์เมเนสองค์นี้ นักประวัติศาสตร์ถึงกับไม่แน่ใจว่าพระองค์มีตัวตนจริงหรือไม่

แต่ก็ดีแล้ว ประวัติน้อยๆ จนแทบไม่รู้อะไรเลยแบบนี้ก็ดี เธอสามารถกลบเกลื่อนและบิดเบือนมันได้ง่ายหากมีใครถาม ถ้าประวัติและข้อมูลยาวเหยียดแบบทุตโมสที่สามและรามีเซสที่สอง เธอจะถูกจับโกหกได้ง่ายว่าเธอไม่ได้เป็นนักโบราณคดีจริงๆ

แต่เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด นัซย่าจึงป้อนข้อมูลทุกอย่างของประวัติศาสตรอียิปต์โบราณและโบราณวัตถุต่างๆ เข้าสู่ชิปบีบอัดความทรงจำก่อนจะใช้ชิปนั้นอัดความรู้เหล่านี้ลงสู่สมองส่วนความทรงจำของเธอจนหมดสิ้น คราวนี้เธอก็พร้อมจะเป็นผู้เชี่ยวชาญและนักอียิปต์วิทยาแล้ว

ตอนนี้นัซย่าเดินทางถึงสนามจอดยานอวกาศนานาชาติไคโรแล้ว

“นัซย่า ทางนี้ครับ” เสียงผู้ชายคนหนึ่งเรียกเธอ

เมื่อมองไปยังทิศทางที่ได้ยินเสียง ก็ได้เห็นชายชาวอาหรับหน้าตาดีคนหนึ่งยืนโบกมือให้เธอเห็นชัดเจน

“สวัสดีครับ ผม อัฟซาล เลขานุการตรีของเอกอัครราชทูตวาซิลี ยินดีที่ได้รู้จักนัซย่านะครับ” เขากล่าวพร้อมกับยื่นมือมาเช็คแฮนด์กับเธอ นัซย่ายื่นมือให้จับเช่นกัน

“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ อัฟซาล”

“คุณสวยมากๆ เลยครับ นัซย่า มิน่าท่านทูตวาซิลีถึงบอกว่าถ้าผมเห็นคุณ ผมจะรู้ว่าเป็นคุณได้ทันที” อัฟซาลทักขึ้น

“ขอบคุณค่ะ” นัซย่าคุ้นชินกับคำพูดชื่นชมเหล่านี้อยู่แล้ว

เธอทราบว่ารูปร่างหน้าตาของเธอสมบูรณ์แบบราวกับพระเจ้าลำเอียงสร้างเธอมา จนมีแมวมองหลายคนมาชักชวนให้เธอเป็นดารา นางแบบ กระทั่งประกวดนางงามรัสเซีย พวกเขาเชื่อมั่นว่าเธอต้องได้ตำแหน่งและจะได้ส่งเธอไปประกวดนางงามจักรวาลซึ่งพวกเขาเชื่อมั่นเหลือเกินว่าเธอต้องได้ตำแหน่งนี้ นัซย่าได้แต่ยิ้มรับและตอบปฏิเสธคำชักชวนเหล่านั้นไป

เธอไม่ชอบทำตัวให้โดดเด่นมานานแล้ว ยิ่งเธอทำงานในหน่วยงานลับตั้งแต่อายุสิบห้าปีภายใต้ความดูแลอย่างเข้มงวดจากการิล คุณลุงแท้ๆ ที่เปรียบเสมือนพ่อคนที่สองของเธอ เขายิ่งเข้มงวดให้เธอทำตัวให้กลมกลืนกับทุกอย่าง รูปร่างหน้าตาที่สวยสะดุดตานี้เขาสอนให้เธอใช้ประโยชน์จากมันในการทำงานเพื่อล่อลวงเป้าหมายให้ไว้วางใจและตายใจ

“สถานทูตจองโรงแรม Steigenberger Hotel El Tahrir Cairo ไว้ให้นะครับ โรงแรมนี้อยู่ห่างจากพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติอียิปต์เพียง 200 เมตรเท่านั้น คุณจะได้เดินทางสะดวก”

“ขอบคุณค่ะ”

“ทีมนักโบราณคดีที่รัฐบาลอียิปต์จัดขึ้นใหม่จะมีศาสตราจารย์ฮาฟิซที่เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์ของอียิปต์โบราณที่สุดเป็นหัวหน้าทีมนะครับ คุณไปส่งกระเป๋าเดินทางเข้าระบบที่สนามบินเสียก่อน มันจะได้ส่งกระเป๋าของคุณไปที่โรงแรม เสร็จแล้วผมจะพาคุณไปรู้จักศาสตราจารย์ แล้วค่อยมาส่งคุณที่โรงแรม การศึกษาค้นคว้าจะเริ่มพรุ่งนี้นะครับ”

วันนี้นัซย่า ศาสตราจารย์ฮาฟิซ และนักโบราณคดีอีกสามคนในทีมกำลังยืนอยู่ต่อหน้ารูปสลักฟาโรห์ที่เป็นข่าวเมื่อหลายวันก่อน แรกที่เห็นรูปสลักฟาโรห์นี้ นัซย่ารู้สึกดีใจจนบอกไม่ถูก เธอรู้สึกปลาบปลื้มยินดีจนน้ำตารื้น ได้แต่แปลกใจตัวเองว่าทำไมต้องดีใจขนาดนี้

“รูปสลักที่พวกคุณเห็นอยู่นี้ ผมแน่ใจว่าเป็นรูปสลักของฟาโรห์เมเนส กษัตริย์ผู้ทรงรวบรวมอียิปต์บนและอียิปต์ล่างให้เป็นหนึ่งเดียวได้สำเร็จ และยังเป็นหลักฐานยืนยันว่าพระองค์มีตัวตนจริง นั่นเพราะ...”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel