บทที่ 29 เทพอะนิวบิสบอกใบ้ (2/3)
เฮเซ็ทเอยเฮเซ็ท หากเจ้ารู้ว่าแท้ที่จริงแล้ว เทพอะนิวบิสคือใคร เจ้าจะทำหน้าอย่างไรกันนะ ข้าอยากเห็นจริงๆ
นัซย่าที่รักของข้าคงนึกไม่ถึงเช่นกันว่าแค่เพียงนางปลอมตัวเช่นนั้น ถึงกับทำให้เฮเซ็ทและเนบเซมิขวัญหนีดีฝ่อได้ขนาดนี้
เจ้าชายนาร์เมอร์นึกอย่างขบขันก่อนจะทรงพระสรวลออกมาอีกครั้ง
เวลานี้พวกมันไม่อยู่ ข้าควรไปตำหนักของพวกมัน ไม่แน่ว่าอาจพบอะไรดีๆ ก็ได้
เจ้าชายนาร์เมอร์นึกขึ้นได้จึงรีบกลับเข้าห้องบรรทมเพื่อเปลี่ยนชุดเป็นทหารยามประจำตำหนักและสวมใส่อุปกรณ์ที่ขอจากนัซย่าไว้ แล้วจึงรีบเสด็จออกไปทันที
เมริทที่ได้ยินข่าวพิธีบวงสรวงในเช้าวันนี้จึงชวนนัซย่าให้มาที่มหาวิหารเฮคคาเพื่อชมพิธี
“เมริท เทพอะนิวบิสทรงน่ากลัวมาก?” นัซย่ากระซิบถามขึ้นขณะชมพิธีบวงสรวง ยามนี้เหล่านักบวชรวมทั้งสังฆราชโฮรันกำลังสวดเทวมนตร์เพื่อสรรเสริญบูชาเทพีไอซิสและเทพอะนิวบิส
“น่ากลัวสิเจ้าคะ เมื่อพวกเราตายลง พระองค์จะเป็นผู้นำคาของพวกเราไปชั่งน้ำหนักหัวใจกับขนนกของเทพีมาอัตเพื่อตัดสินว่าคานั้นสมควรเข้าสู่สวรรค์หรือนรก หากหัวใจของเราหนักกว่าขนนก หัวใจนั้นจะถูกเทพีอัมมิต***กัดกินทันที”
นัซย่าพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“คนเรายากที่จะทำดีได้ตลอดเวลาและตลอดชีวิต ดังนั้น เพียงแค่พยายามทำในสิ่งที่ดีให้มาก หลีกเลี่ยงการทำไม่ดีเข้าไว้ ข้าเชื่อว่าหัวใจของทุกคนไม่มีทางหนักกว่าขนนกหรอก”
“จริงด้วยเจ้าค่ะ” เมริทตอบรับอย่างเพิ่งคิดขึ้นได้เช่นกัน
แต่...เอ ! เทพอะนิวบิสที่เราเจอไม่เห็นจะน่ากลัวเลยนี่นา จริงสิ มีแต่คนชั่วเท่านั้นแหละที่ต้องกลัว เธอนึกในใจ
เจ้าเข้าใจได้ถูกต้อง ไม่มีผู้ใดต้องกลัวข้าหากมันผู้นั้นทำได้เช่นเจ้าว่า มีแต่คนชั่วเท่านั้นที่ต้องหวาดกลัวข้าให้มาก
เสียงของเทพอะนิวบิสดังขึ้นในใจของเธอ นัซย่าสะดุ้งโหยงอย่างตกใจ เหลียวมองล่อกแล่กทันที
“พี่นัซย่าเป็นอะไรเจ้าคะ” เมริทถามอย่างประหลาดใจกับอาการสะดุ้งและเหลียวมองของเธอ
“มะ...ไม่มีอะไร เจ้าอย่าสนใจเลย มีคนชอบแอบฟังคนอื่นคุยกันแค่นั้น” เธอตอบปฏิเสธอย่างรวดเร็ว
“โอ๊ยยยย !”
นัซย่าร้องออกมาเสียงดังเมื่ออยู่ดีๆ ก็รู้สึกได้ชัดเจนว่ามีใครสักคนประเคนมะเหงกลงกลางศีรษะเธอแรงๆ หนหนึ่ง
หนอยแน่ะ เจ้าตัวดี วันนี้มีพิธีบวงสรวงข้า ข้าจึงแวะมาดูเจ้าเสียหน่อย ยังมากล่าวหาว่าข้าชอบแอบฟังคนคุยกัน
สุรเสียงทรงอำนาจของเทพอะนิวบิสดังขึ้นในใจเธออีกครั้ง น้ำเสียงนี้เต็มไปด้วยความเอ็นดูปนหมั่นไส้ชัดเจน ไม่มีร่องรอยความขุ่นเคืองเช่นที่ตรัส
“อูยยยยยยยย” เธอครางออกมาด้วยสีหน้าเหยเก
ขอโทษค่ะ ต่อไปไม่ว่าแล้วค่ะ
ดี หากเจ้ากล่าวหาข้าอีกล่ะก็ ข้าจะเขกศีรษะเจ้าให้บวมปูดเลยทีเดียว
ค่ะ ไม่กล้าแล้วค่ะ
หากเจ้ามีอะไรให้ข้าช่วย เพียงกล่าวนามของข้า แล้วข้าจะมาพบเจ้า
ขอบคุณค่ะ
เธอตอบรับในใจอย่างดีใจ หากเมื่อหันกลับมาก็ต้องมาผจญกับสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามของเมริท
“พี่นัซย่าร้องทำไมเจ้าคะ คนรอบๆ นี้ เขามองท่านกันหมด”
“ไม่มีอะไร เมริท ข้า...เอ่อ...ไม่มีอะไรจริงๆ” เธอตอบปฏิเสธอย่างขอไปที เมริทได้แต่มองเธออย่างงุนงง
“เอ่อ...เมริท เสร็จจากพิธีบวงสรวงนี้แล้ว ราชินีเนบเซมิและเจ้าชายเฮเซ็ทจะไปไหนต่อหรือว่ากลับตำหนัก”
“น่าจะสนทนากับสังฆราชโฮรันเจ้าค่ะ ท่านสังฆราชเก่งในการทำนายมาก เชื่อได้ว่านางต้องถามถึงดวงชะตาของเจ้าชายเฮเซ็ทและตัวนางเอง”
นัซย่ามีสีหน้าครุ่นคิด ครู่หนึ่งจึงกระซิบเสียงเบา “เมริท เจ้ากลับบ้านไปก่อน ข้ามีธุระต้องทำ”
“พี่นัซย่าจะไปไหนเจ้าคะ ให้ข้าไปเป็นเพื่อนท่านดีกว่าเจ้าค่ะ ท่านยังไม่รู้จักเส้นทางในกรุงธีบส์มากนัก เดี๋ยวจะหลงทาง” เมริทบอกด้วยความเป็นห่วง เพราะนัซย่าเพิ่งมาอยู่ที่กรุงธีบส์ได้เดือนเดียว จึงรู้จักกรุงธีบส์ไม่มาก
“ไม่เป็นไรหรอก เส้นทางจากมหาวิหารไปยังบ้านเจ้า ข้าจำได้แล้ว เจ้ากลับบ้านไปเถิด”
“เจ้าค่ะ แล้วพี่นัซย่าจะไปธุระที่ใดเจ้าคะ”
“แถวๆ นี้แหละ ไม่ต้องกลัวหรอกว่าข้าจะหลงทาง” เธอบอกง่ายๆ แต่ไม่ยอมบอกว่าที่ใด
นัซย่าหลบเข้าตรอกเล็กๆ แห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากมหาวิหาร เหลียวซ้ายแลขวาจนแน่ใจว่าไม่มีใครแถวนี้ มือเรียวแตะลงบนกำไลทองก่อนจะปรากฏเข็มขัดที่เธอเคยใช้เมื่อครั้งที่ลอบเข้าพระราชวังหลวงอียิปต์บน เธอคาดเข็มขัดนั้นและกดหัวเข็มขัดครั้งหนึ่ง ร่างโปร่งบางก็เลือนหายทันที
เดินกลับมาที่มหาวิหารเฮคคาอีกครั้ง พิธีบวงสรวงใกล้เสร็จสิ้นแล้ว เธอรีบเดินเข้าไปยืนรอไม่ห่างจากเจ้าชายเฮเซ็ทและราชินีเนบเซมิ
“พิธีบวงสรวงเสร็จแล้วพ่ะย่ะค่ะ” สังฆราชโฮรันเอ่ยขึ้น
“ท่านสังฆราช ข้ากับเฮเซ็ทมีเรื่องอยากปรึกษาท่าน” ราชินีเนบเซมิตรัสตอบทันที
“ทูลเชิญองค์ราชินีและเจ้าชายด้านในพ่ะย่ะค่ะ”
สังฆราชโฮรันเดินนำพวกเขาไป นัซย่าที่ล่องหนอยู่เดินตามไปไม่ห่าง
“องค์ราชินีกับเจ้าชายมีเรื่องใดอยากปรึกษาข้าพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าอยากให้ท่านตรวจวิถีแห่งดวงดาวของเฮเซ็ทว่าเพราะเหตุใดเมื่อคืนวาน เทพอะนิวบิสจึงเสด็จมาที่ห้องนอนของเขา”
ได้ยินเช่นนี้ สังฆราชโฮรันก็เข้าใจได้ทันที
“เทพอะนิวบิสทรงเป็นผู้นำทางแก่คา มิน่าเจ้าชายเฮเซ็ทจึงตกพระทัยจนต้องเร่งมาบวงสรวง องค์ราชินีและเจ้าชายทรงเล่ารายละเอียดเรื่องนี้ให้ข้าฟังด้วยเถิด ข้าจะได้ตรวจดูได้แม่นยำมากขึ้น”
เรื่องราวที่บาล มหาดเล็กคนสนิทของเจ้าชายเฮเซ็ทพบเจอเทพอะนิวบิสออกมาจากห้องบรรทมของเจ้าชายเฮเซ็ทก็ถูกราชินีเนบเซมิเล่าออกมาอย่างละเอียด
“เรื่องเป็นเช่นนี้ ทรงรอที่นี่สักครู่พ่ะย่ะค่ะ”
เชิงอรรถ
***มาอัต (Maat) หมายถึง แนวคิดอียิปต์โบราณเกี่ยวกับความจริง ความสมดุล ระเบียบ ความสามัคคี กฎหมาย ศีลธรรม และความยุติธรรม เทพีมาอัตเป็นเทพธิดาที่เป็นตัวเป็นตนของแนวคิดเหล่านี้และควบคุมดวงดาว ฤดูกาล และการกระทําของปุถุชน
เมื่อเทพีอัมมิตกลืนหัวใจเข้าไป วิญญาณก็เชื่อว่าจะกระสับกระส่ายตลอดไป สิ่งนี้เรียกว่า "ตายเป็นครั้งที่สอง" บางครั้งเทพีอัมมิตถูกพรรณนาว่ายืนอยู่ริมทะเลสาบแห่งไฟ ในบางประเพณีหัวใจที่ไม่คู่ควรจะถูกโยนลงไปในทะเลสาบที่ลุกเป็นไฟเพื่อทําลาย
***อัมมิต (Ammit, Ammut, Ahemeit ผู้กลืนกินคนตาย ผู้เสพหัวใจ และผู้ยิ่งใหญ่แห่งความตาย) เป็นเทพธิดาที่มีรูปร่างเป็นสิงโต พระเศียรเป็นจระเข้ และหลังเป็นฮิปโปโปเตมัส ซึ่งเป็นสัตว์กินเนื้อที่ใหญ่ที่สุดสามตัวที่ชาวอียิปต์โบราณรู้จัก อัมมิตอาศัยอยู่ใกล้ตาชั่งแห่งความยุติธรรมใน Duat ซึ่งเป็นนรกของอียิปต์
ใน Hall of Two Truths เทพอะนิวบิสจะชั่งน้ำหนักหัวใจของบุคคลกับขนนกกระจอกเทศของเทพีมาอัต (Ma'at) เทพธิดาแห่งความจริง (ขนนกมักถูกวาดในผ้าโพกศีรษะของเทพีมาอัต) หากหัวใจถูกตัดสินว่าไม่บริสุทธิ์ เทพีอัมมิตจะกลืนกินหัวใจนั้นและบุคคลที่อยู่ระหว่างการพิพากษาไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางไปเฝ้าเทพโอไซริสและความเป็นอมตะ
